"Shinjuku Incident" เข้าฉายวันที่ 2 เมษายน 52

ข่าวบันเทิง Wednesday March 4, 2009 15:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม สัญชาติ ฮ่องกง ประเภท แอ็คชั่น / ดราม่า อำนวยการสร้าง เฉินหลง (The Forbidden Kingdom, New Police Story) กำกับ/เขียนบท เอ๋อตงเซิน (One Nite in Mongkok, Prot?g?) นำแสดง เฉินหลง (The Forbidden Kingdom, New Police Story) แดเนี่ยล วู (New Police Story, Prot?g?) มาซายะ คาโต้ (Gozu, Samurai Resurrection) ซู จิงเล่ย (The Warlord) ฟ้าน ปิงปิง (The Forbidden Kingdom) กำหนดฉาย 2 เมษายน 2552 จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ ผมเชื่อว่ามนุษย์คนไหนที่มีความอดทน คนนั้นก็จะประสบความสำเร็จ - วิลเลี่ยม ฟอร์คเนอร์ Shinjuku Incident ถือว่าเป็นผลงานที่นำเอาสองผู้มีอิทธิพลแห่งเกาะฮ่องกงมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก ระหว่างดาราเอเชียที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกอย่าง เฉินหลง และหนึ่งในผู้กำกับชั้นนำบนเกาะฮ่องกงอย่าง เอ๋อตงซิน โดยที่ถึงแม้ว่า เฉินหลง จะแสดงหนังมามากกว่า 4 ทศวรรษ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะถูกนำเสนอในมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งผู้ชมอาจไม่เคยเห็นเขามาก่อน สร้างด้วยทุนสร้างกว่า 900 ล้านบาท นี้เป็นการร่วมมือกันสร้างระหว่างสามประเทศได้แก่ ฮ่องกง, จีน และญี่ปุ่น โดยมันจะนำผู้ชมเข้าไปสัมผัสโลกแห่งแสงสีย่านชินจูกุในมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และสภาพเมืองที่ขัดสนและแเร้นแค้นในเขต ซูโจว และ ฉางชุ้น ประเทศจีน นี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้อพยพชาวจีนที่อยู่ในมหานครโตเกียวต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ และชาวญี่ปุ่นนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่รับรู้ถึงตัวตนและไม่อยากต้อนรับ พวกเขาเหมือนกับถูกปิดกันออกจากสังคมอย่างสิ้นเชิง พวกเขาถูกไล่และกดขี่จากพวกยากูซ่า อีกทั้งยังใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความกลัวการถูกส่งตัวกลับ มันคือโลกอีกใบหนึ่งเลยสำหรับ หัวเหล็ก (เฉินหลง) ช่างซ่อมรถแทร็คเตอร์จากเมืองเฮยหลงเจียนทางตอนเหนือของประเทศจีน เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง หัวเหล็ก ได้ตัดสินใจเดินทางไปยังโตเกียว หลังจากเขาขาดการติดต่อกับซิวซิว (ซู จิงเล่ย) แฟนสาวของเขาที่เดินทางไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น เขาพยามที่จะเอาตัวให้รอดในแต่ละวันในโลกใต้ดินของมหานครโตเกียว หวังที่จะได้พบกับ ซิวซิว อีกครั้งหนึ่ง ในที่สุด หัวเหล็ก ก็ได้มาตระหนักว่าพวกเขาต้องรวมตัวกัน ถ้าอยากมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความกดดัน ไม่เพียงแค่จากยากูซ่าเจ้าถิ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแก๊งค์คนจีนที้คอยข่มเหงผู้ที่มาใหม่อีกด้วย ในการแสวงหาชีวิตที่สุขสบาย หัวเหล็ก จำเป็นต้องทำงานอยู่ภายใต้อิทธิพลของยากูซ่าญี่ปุ่น ซึ่งดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกเมื่อมันทำให้เขาได้มาพบกับ ซิวซิว อีกครั้ง เพียงแต่เธอได้กลายเป็นคนญี่ปุ่นไปแล้ว เนื่องจากการแต่งงานกับ อิกูชิ ยากูซ่าหนุ่มไฟแรงที่มีความทะเยอทะยาน จากการที่เขาเป็นคนที่จริงใจ หัวเหล็ก จึงได้รับการยอมรับการเพื่อนฝูงทุกคน เขาได้ก่อตั้งทีมที่ทำงานให้กับ อิกูชิ เพื่อช่วย ในการกำจัดคู่แข่ง จนในที่สุด หัวเหล็ก ก็ได้รับหน้าที่ในการควบคุมสถานที่บันเทิงในย่านชิจูกุ แต่ด้วยความที่เขาไม่สนใจที่จะใช้ชีวิตเฉกเช่นนักเลง หัวเหล็ก จึงได้หาโอกาสที่จะเริ่มต้นธุรกิจซ่อมรถแทร็คเตอร์นอกเมืองโตเกียว อย่างไรก็ตาม ความสงบสุขของเขาก็ดูจะแสนสั้นเมื่อได้รับข่าวว่า เจี๋ย (แดเนียล วู) เพื่อนร่วมหมู่บ้านของเขาถูก อิกูชิ ใช้ทำงานเพื่อทำธุรกิจการค้าขายยาเสพติด หัวเหล็ก รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะเป็นคนล้มล้างอิทธิพลของ อิกูชิ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาออกตามล่า อิกูชิ มันก็หมายความว่าเขาจะต้องกลายเป็นคนที่ทำลายชีวิตใหม่ของผู้หญิงที่เขาเคยรัก และยิ่งสำคัญไปกว่านั้น เขาจะตั้งทำอย่างไร สำหรับการเป็นผู้อพยพชาวจีนเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับแก๊งค์ยากูซ่า สารจากผู้กำกับ Shinjuku Incident คือโปรเจ็คที่ใช้เวลาบ่มเพาะอยู่ในหัวสมองผมมาอย่างยาวนาน ในการทำให้มันเกิดขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญไปกว่าระยะเวลา เพราะสำหรับผมแล้ว การได้ออกไปค้นหาข้อมูลดูจะน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวันจนถึงปัจจุบัน ประมาณปี 1997-1998 ผมได้เห็นบทความในหนังสือพิมพ์ ที่ตีแผ่ชีวิตของผู้ลี้ภัยที่พำนักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น มันเล่าถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันเพื่อสร้างสังคมขึ้นมาในสถานที่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หัวข้อที่ดูแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ด้วยความที่ญี่ปุ่นคือประเทศที่ไม่เหมือนกับที่อื่น ทำให้ผู้อพยพมีความยากลำบากที่จะฝังรากใหม่ลึกลงไป ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่ชาวญี่ปุ่นมีความรู้สึกต่อต้านพวกผู้อพยพอย่างรุนแรงนั้นเอง หนึ่งในหลายสิ่งที่ทำให้ผมสนใจ ในขณะที่ตัวเองได้ลงไปหาข้อมูลสำหรับการเขียนบทภาพยนตร์ ก็คือการได้รู้ว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปน้อยเพียงแค่ไหน หรือกระทั่งเราอาจจะไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปเลย เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนมักจะย้ายถิ่นฐานไปแหล่งที่มีเงินหรือเศรษฐกิจเฟื่องฟู ผมไม่ได้พูดถึงแค่ชาวเอเชียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนยุโรปอีกด้วย และเมื่อผู้อพยพเหล่านี้ได้เริ่มตั้งถิ่นฐานและพยายามเอาตัวให้รอด พวกเขาก็จะรวมตัวกันและพัฒนากลุ่มให้อยู่ในรูปแบบขององค์กรในที่สุด จากการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ผมรู้สึกตระหนักว่า ไม่ว่าเทคโนโลยีมันจะก้าวล้ำไปมากแค่ไหนจากเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว พฤติกรรมของพวกเราก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าผู้ชมคงจดจำหลายๆสิ่งใน Shinjuku Incident ได้ ที่ประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาอาจจะสอดคล้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ประวัติผู้กำกับ เอ๋อตงซิน คือผู้กำกับ/นักแสดง/ผู้เขียนบท และผู้กำกับภาพที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง เขาเกิดเมื่อปี 1957 โดยช่วงยุค 40 นั้น พ่อของเขาคือผู้อำนวยการสร้างหนัง ส่วนแม่เป็นนักแสดงชื่อดังในเซี่ยงไฮ้ อันเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีน ในขณะที่ เจียงต้าเหว่ย พี่ชายของเขาก็เป็นนักแสดงผู้คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่เทศกาลภาพยนตร์ Asian Pacific ครั้งที่ 16 เมื่อปี 1970 โดยสมาชิกตระกูลเอ๋อกว่า 20 ชีวิตได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์มายาวนานและเหนียวแน่น ในปี 1975 บริษัท Shaw Brother ของฮ่องกงยกให้ เอ๋อตงซิน เป็นนักแสดงนำชายคนหนึ่งของบริษัท หลังจากนั้นอีก 9 ปีเขาก็ได้แสดงภาพยนตร์ในบทนำกว่า 40 เรื่อง ต่อมาในปี 1986 เขาถึงได้เข้าสู่เส้นทางการกำกับภาพยนตร์ “Lunatics” ผลงานเรื่องแรกของ เอ๋อตงซิน ถูกแบนในฮ่องกงเพราะมันตั้งคำถามที่เปราะบางและสร้างความขัดแย้งในสังคม แต่หลังโต้แย้งและคัดค้านกับทางการ ในที่สุดหนังก็ได้ออกฉายสู่สายตาสาธารณชนและทำเงินได้เกือบ 10 ล้านดอลล่าร์ รวมทั้งสร้างเทรนด์ภาพยนตร์แนวใหม่และต่อมาก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ 1 ใน 10 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 1986 และยังถูกเสนอเข้ารางวัล Hong Kong Film Awards ถึง 5 รางวัล รวมถึงผู้กำกับยอดเยี่ยม ผลงานเรื่องต่อมาของเขาก็คือ C'est la vie, mon cheri (1994) หนังรักเรื่องเยี่ยมที่สามารถทำลายสถิติรายได้บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ และคว้ารางวัลอันทรงเกียรติของงาน Hong Kong Film Awards มาได้ถึง 6 รางวัล, Full Throttle (1995), Viva Erotica (1996), Lost in Time (2003) หนังรักสุดประทับใจ นำแสดงโดย จางป๋อจือ และ กู่เทียนเล่อ, One Nite in Mongkok (2004) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมของ Hong Kong Film Awards เป็นครั้งที่สอง และล่าสุดคือ Protege (2007) ภาพยนตร์ดราม่า-อาชญากรรม ที่ได้ หลิวเต๋อหัว มาประชันบทกับ แดเนียล วู เอ๋อตงซิน ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง โดยประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องของรายได้และเสียงวิจารณ์มาอย่างยาวนาน และยังสามารถสร้างภาพยนตร์ได้หลากหลายแนว แต่ถ้าเราสังเกตุถึงเครื่องหมายการค้าของเขาแล้ว เราก็จะทราบว่าหัวข้อที่เขาสนใจเป็นพิเศษคือการเล่าเรื่องของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง และความสัมพันธ์อันซับซ้อนของพวกเขา ที่เราทุกคนอาจเห็นได้ตามท้องถนนอยู่ทุกวัน แนะนำตัวละคร หัวเหล็ก (รับบทโดย เฉินหลง) เขาคือช่างซ่อมรถแทร็คเตอร์ที่เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ขาดการติดต่อกับ ซิวซิว แฟนสาวของเขา ซึ่งจากคำแนะนำของเพื่อนร่วมหมู่บ้านอย่าง เจี๋ย เขาจึงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในชินจูกุอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งภายหลังเขาก็ได้รู้ว่า ซิวซิว นั้นได้แต่งงานกับ อิกูชิ หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าไปแล้ว โดยในภายหลังนั้น หัวเหล็ก ก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ อิกูชิ เพื่อที่จะได้ใช้อำนาจของเขาในการตั้งตัวกับชีวิตใหม่ และเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับแฟนเก่าที่เขายังคงรักอยู่ เจี๋ย (รับบทโดย แดเนียล วู) เขาเป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านของ หัวเหล็ก เจี๋ย มีนิสัยที่ขี้ขลาดและเหลาะแหละ เขาได้ย้ายมาตั้งรกรากแบบผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น แต่ในขณะที่กำลังช่วยเพื่อนทำการต้มตุ๋นในร้านปาจิงโกะย่านชินจูกุ เจี๋ย ก็ถูกเจ้าถิ่นทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งจากประสบการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเขา บุคลิกของ เจี๋ย ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเขาได้ค้นพบช่องทางการทำเงินด้วยการค้ายากับแก็งค์ยากูซ่า ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็กลายเป็นพิษที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง ซิวซิว (รับบทโดย ซู จิงเล่ย) เธอคือแฟนสาวของ หัวเหล็ก ที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเรียนต่อ จนเมื่อเธอได้พบกับ อิกูชิ หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าที่หลงรักเธอจนในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานและมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้พบกับ หัวเหล็ก ที่เข้ามาทำงานเป็นลูกน้องของ อิกูชิ อีกครั้ง เธอก็เริ่มกังวลกับความปลอดภัยของลูกและตัวเธอเอง ลิลลี่ (รับบทโดย ฟ้าน ปิงปิง) เธอคือสาวจีนที่เข้ามาทำงานเป็นมาม่าซังในไนท์คลับย่านชินจูกุ โดยเส้นทางของ ลิลลี่ ได้เข้ามาพาดผ่านกับ หัวเหล็ก เมื่อเขาได้ช่วยเธอและลูกค้าจากการถูกปล้น ทั้งสองได้รู้จักและเป็นเพื่อนกัน และจากความเหงาในการจากบ้านมาไกลของทั้งคู่ ก็ทำให้พวกเขามีใจให้แก่กันในเวลาต่อมา อิกูชิ (รับบทโดย มาซายะ คาโต้) เขาคือชายหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานและเป็นมือขวาคนสำคัญของ “ซานวา ไค” แก๊งค์ยากูซ่าหลักในองค์กรของมาเฟียย่านชินจูกุ เขาเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งภายในเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ และจากความช่วยเหลือจาก หัวเหล็ก ก็ทำให้เขาสามารถทำให้จุดมุ่งหมายที่วางไว้สำเร็จลุล่วงไปได้ ในที่สุดเมื่อหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า มุรานิชิ ฮิไซกิ ถูกลอบสังหาร ก็กลายเป็น อิกูชิ นี้เองที่เข้ามาสืบทอดตำแหน่งต่อ เขาและ หัวเหล็ก ต่างรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั้นก็คือ ซิวซิว คิตาโน่ (รับบทโดย นาโอโตะ ทาเคนากะ) ระหว่างการไล่ติดตามกลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฏหมาย คิตาโน่ ถูกช่วยชีวิตไว้โดย หัวเหล็ก โดยที่เส้นทางของทั้งคู่ได้พาดผ่านกันหลายต่อหลายครั้ง โดยตลอดทำการการสืบสวนของ คิตาโน่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกกัน แต่ทั้งคู่ก็มีความเคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความช่วยเหลือของ หัวเหล็ก ทำให้เขาสามารถทลายการค้ายาของแก๊งค์ยากูซ่าลงได้ ทีมสร้าง คิตะ โนบุยาสุ (ผู้กำกับภาพ) เป็นที่รู้จักจากผลงานการกำกับภาพที่ดูแปลกตาใน Mind Game ของ ทากูชิ ฮิโรมาซะ และ The Black House ของ โมริตะ โยชิมิทสุ โดยเขาได้เริ่มต้นเข้ามาในการเป็นผู้ช่วยให้กับผู้กำกับชั้นครูมากมาย เช่น เซ็นเก็น เซย์โซ, คายาโน่ นาโอกิ และ ชิโนดะ โนโบรุ ปีเตอร์ แคม (ผู้แต่งเพลงประกอบ) เขาสร้างชื่อจากการเป็นผู้แต่งเพลงชาวฮ่องกงคนแรก ที่ได้รับรางวัล Silver Bear จากเทศกาลหนังเบอร์ลิน ครั้งที่ 56 ในภาพยนตร์เรื่อง Isabella ของ เอ็ดมอนด์ แปง โดยเขาได้เริ่มต้นเส้นทางการแต่งเพลงให้กับ ปีเตอร์ ชาน ในเรื่อง The Age of Miracles และ Perhaps Love ภาพยนตร์มิวสิคเคิลภาษาจีนเรื่องแรกในรอบ 3 ทศวรรษ ชิน-กา-ลก (ผู้ออกแบบฉากต่อสู้) เขาคือหนึ่งในสตันท์แมนและผู้ออกแบบการต่อสู้ที่เก่งที่สุดบนเกาะฮ่องกง โดยได้ทำงานในหนังบล็อคบัสเตอร์ของฮ่องกงมามากมาย เช่น Full Throttle, All’s Well Ends Well ’97 และ Full Alert ซึ่งเขาก็ยังเป็นหนึ่งในทีมสตันท์ของ หงจินเป่า อีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ