Interview: Andy Fickman จาก Race To Witch Mountain

ข่าวบันเทิง Thursday March 5, 2009 16:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มี.ค.-- Q: นี่คือการนำหนังคลาสสิคของดิสนีย์ในปี 1970 เรื่อง Escape from Witch Mountain มาทำใหม่ คุณคิดว่าจะเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่นี้อย่างไร A: ผมเป็นแฟนของหนังต้นฉบับของเรื่องนี้รวมทั้งหนังสือ Escape from Witch Mountain ด้วย มันคือการใส่จินตนาการและมุมมองใหม่ๆในแง่ของการเล่าเรื่องหลักๆเกี่ยวกับโลกมากกว่าที่จะตามเนื้อเรื่องเดิม เราเลยไม่ยึดติดกับเนื้อเรื่องเดิม แต่จะเน้นไปที่ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ต่างดาวได้มาเยือนโลกขอเราในปี 2009 มันจะเป็นยังไง และแนวทางบางอย่างของต้นฉบับที่เราเก็บเอาไว้อย่างเช่น สถานที่ และความหมายของมัน นอกนั้นเราก็ปล่อยไปเพื่อที่จะได้เล่าเรื่องในแบบใหม่ที่เข้ากับยุคสมัยนี้ Q: คุณเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวมั๊ย A: เชื่อซิ ผมเกิดที่ รอสเวล แมกซิโก สถานที่ที่มี ยูเอฟโอตก ในปี 1947 ที่อเมริกา มันดังมาในเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว โตมาผมเลยชอบเรื่องพวกนี้ไปด้วย การได้ทำหนังเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวกับยูเอฟโอ เป็นชวงเวลาที่ดีสุดเท่าที่เคยมีเลยครับ Q: ในเรื่องคุณมีทั้งมนุษยืต่างดาวทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี A: ใช่ครับ มันมีทั้งดีและไม่ดีในเรื่องนี้ ผมพยายามทำให้มันสมดุลกัน ก็เหมือนสังคมของเราที่มีทั้งคนดีและไม่ดี Q: ทำไมถึงเลือก เดวนน์ จอห์นสัน สำหรับบท แจ็ค บรูโน และการร่วมงานกันอีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง A: เราสนุกกันสุดๆตอนทำ The Game Plan ด้วยกัน มันเป็นเกียรติในฐานะผู้กำกับที่ได้ทำงานและเข้ากันได้ดีกับนักแสดง พอเราพูดถึง Race To Witch Mountain เราก็นึกกันว่ามีใครที่ตัวโตพอที่จะเป็นแอ็กชัน ฮีโร่ ได้บ้าง ใครที่คุณอยากให้มาปกป้องโลกจากการบุกรุกของมนุษย์ต่างดาว แล้วดเวนน์ก็เป็นคนตัวใหญ่ ถ้าคุณจะเลือกคนที่มาปกป้องคุณ 4ฟุต 6นิ้ว กล้ามเป็นมัดๆ ผมคงเลือกเจ้าหมอนั่น มันเลยง่ายมากที่จะเป็นดเวนน์ สำหรับบทนี้ Q: ตัวใหญ่เกินกว่าที่จะมาขับแท็กซี่ด้วยรึเปล่า A: ใช่ๆๆๆ เขาตัวใหญ่มาก เข้าไปนั่งในแท็กซี่ยังลำบาก เราเลยพยายามไม่ให้เขาต้องเข้าๆออกๆรถบ่อยๆ แต่ใน Game Plan เขาต้องขับเบนซ์แมคราเลนซ์ ซึ่งมันก็เป็นรถสปอร์ตคันเล็กเหมือนกัน Q: แล้วการทำงานกับพวกเด็กเป็นยังไงบ้าง A: ผมรักพวกเขา ผมเป็นแฟรหนังของ แอนนาโซเฟีย ตอนที่เธอแสดงเรื่อง ทีราบิเทีย ซึ่งผมชอบมาก พอผมได้เจอเธอ ก้รู้ว่าเธอเหมาะกับบท เลบยกบทนี้ให้เธอไปทันที หลังจากนั้นก็ต้องคัดเลือกนักแสดงเพื่อที่จะมารับบทน้องชายเธอ เซธ แล้วเอล็กแซนเดอร์ก็เข้ามาคัดเลือกบทตามระบบ และหลังจากหลายสัปดาห์ หลายเดือนผ่านไป ที่เราทำการคัดตัวไปทุกแห่งเขาก็ยังเป็นตัวเต็งอยู่เสมอ เลยได้บทนี้ไปในที่สุด พวกเขาเป็นเด็กฉลาด น่ารัก และมีพรสวรรค์ แถมยังสร้างเสียงหัวเราะให้กับกองถ่ายเสมอๆ และมันมีความหมายมากสำหรับผม Q: แล้วคาร์ล่า กูจิโน ล่ะ A: คาร์ล่า กูจิโน่ เธอสวย เซ็กซี่ ตลก และมีพรสวรรค์ มันทำให้การทำงานในทุกๆวันเป็นเรื่องง่าย และในฐานะนักแสดงเธอเข้าถึงบทได้ดี เราใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคุยกันถึงเรื่องตัวละครและยูเอฟโอ เธอเป็นพลังสำคัญเลยล่ะ Q: ช่วยเล่าถึงความยากของหนังเรื่องนี้หน่อย A: มันเป็นหนังที่กำกับยากเหมือนกัน มันมีหลายองค์ประกอบ มีหลายอย่างที่ต้องทำ องค์ประกอบของฉากแอ็กชัน ฉากขับรถไล่ล่า เฮลิคอปเตอร์ ฉากต่อสู้ใหญ่ๆ ฉากระเบิดตูมตาม แล้วก็พวกเอฟเฟคภาพต่างๆที่ต้องใส่เข้าไป พวกสัตว์ประหลาดอย่าง ไซฟอนก็ต้องทำเอฟเฟคสัตว์ประหลาดอีก ไหนจะต้องเล่าเรื่อง อยู่บนถนนในแท็กซี่กับสถานที่ถ่ายทำใหญ่ๆ ที่ไม่ใช่ถ่ายแค่ในสตูดิโอ เพราะส่วนใหญ่มันจะอยู่บนถนน วิ่งไปตามถนน มันมีส่วนประกอบยิบย่อนในการกำกับเรื่องนี้ Q: มีอุบัติเหตุอะไรบ้างมั้ยสำหรับเรื่องนี้ A: ขอคิดนิดนึงนะ ผมต้องตอบตามความจริง คงมีแค่วันนึงผมทำแซนด์วิชมาแล้วมันหล่นจากมือผมแค่นั้นเอง จริงๆแล้วไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไรเลยครับ Q: คุณประทับใจฉากไหนในเรื่องมากที่สุด A: จริงๆแล้วก็ชอบทั้งหมดนะ แต่ที่ภูมิใจคือการแสดงของนักแสดง ภูมิใจการแสดงของพวกเด็กๆ ชอบดูการแสดงตอนที่ใส่เอฟเฟคภาพเสร็จหมดแล้ว จริงผมชอบดูการแสดงของนักแสดงทั้งหมดนะ Q: เห็นว่ามีมุขตลกเยอะเหมือนกันในเรื่อง A: สำหรับผม ผมว่ามันสำคัญสำหรับผมนะ ถ้าผมเป็นคนดูผมชอบหนังแอ็กชันที่มีมุขตลกอยู่ด้วย เพราะนอกจากต้องลุ้นจนหลังติดเบาะแล้วยังได้หัวเราะนิดหน่อยแล้วก็มาลุ้นต่อสลับกับหัวเราะอีกหน่อย มันสำคัญสำหรับผม ผมชอบได้ยินคนดุหัวเราเวลาดูหนัง มันเหมือนกับว่าเราทำงานสำเร็จ Q: มีช่วงนึงที่เกือบเรียกน้ำตาได้เหมือนกัน A: ใช่ เห็นมั๊ย เราทำได้ ผมดีใจที่คุณรู้สึกอย่างนั้นนะ เพราะพวกเขามาเจอกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับสร้างความผูกพันกันอย่างรวดเร็ว มันเลยกลายเป็นเรื่องยากเมื่อต้องบอกลากัน ผมชอบนะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของความรู้สึก Q: ทราบมาว่าคุณชอบหนังแอ็กชันในยุค 70 คุณได้ใส่สไตล์ที่คุณชอบเข้าไปในหนังเรื่องนี้บ้างมั๊ย A: ใช่ ผมชอบหนังในยุค70 ผมชอบหนังแอ็กชันเก่าๆในสมัยนั้น ตอนนั้นยังไม่มีสเปเชียลเอฟเฟค อะไรมากมาย มีแค่ สตีฟ แมคควีน คลินท์ อีสวูด และจอห์น เวนย์ ซึ่งนักแสดงเหล่านี้ต้องเล่นฉากแอ็กชันที่น่าตื่นเต้นด้วยตัวเองและคุณจะรู้สึกได้ว่ามันจริงมาก เมื่อตอนเราถ่ายเรื่อนนี้เราจึงพยายามจะทำทุกอย่างให้อยู่ในกล้องเท่านั้นโดยที่จะพึ่งสเปเชียลเอฟเฟคให้น้อยที่สุด เราพยายามที่จะทำฉากขับรถไล่ล่าด้วยตัวเอง แม้กระทั่งการวางกล้องว่าจะให้กล้องถ่ายใต้ท้องรถหรือหมุนมาด้านข้าง เราทำสำเร็จไปหลายอย่างเหมือนในหนังยุค70 เราค่อนข้างพิถีพิถันในเรื่องนี้ Q: คุณคิดว่าจะให้มนุษย์ต่างดาวในหนังเรื่องนี้ออกมามีหน้าตาอย่างไร A: เราได้คุยกับนักวิทยาศาสตร์หลายท่านและหาข้อมูลจากหลายๆที่ รวมถึงความคิดของเราด้วย มันเลยค่อนข้างออกมาจากพวกเรากันเองว่า มันน่าจะมีหน้าตาแบบนี้หรือปล่าวหรือแบบนี้ จนในที่สุดที่เราคัดตัวที่เราไม่ชอบออกจนเหลือตัวสุดท้ายที่ใช่เลย Q: ผลงานส่วนใหญ่ของคุณมักจะเป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้ คุณคิดว่าเรื่องต่อไปหรือในอนาคตอันใกล้นี้ จะเปลี่ยนแนวไปจากเดิมหรือเปล่า A: จริงๆผมชอบทำหนังหลายแนวนะ ชอบผสมโน่นนิดนี่หน่อย แต่คอเมดี้มีความสำคัญต่อผมเสมอเพราะมันบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผม ผมคิดว่าในหนังทุกเรื่องของผมจะมีส่วนประกอบของคอเมดี้ อย่างเรื่องนี้ก็มีแอ็กชัน ผมอยากทำหนังแอ็กชันอีกนะ มันสนุกดี เวลาคุณมากองถ่ายได้เห็นรถชนกันเละเทะ เฮลิคอปเตอร์บินว่อน ระเบิดตูมตามเต็มไปหมด ไม่เลยทีเดียวที่ได้มาทำงานทุกวันแบบนี้ Greeting :ข้อความนี้ขอส่งถึงทุกๆคนในประเทศไทย ย้ำ ทุกๆคนในประเทศไทย ผมแอนดี้ ฟิคแมน ผู้กำกับ “ผจญภัยฝ่าหุบเขามรณะ” ผมขอชวนคุณออกมาดูหนังเรื่องนี้กันนะครับ รับรองว่าคุณจะได้สนุกตื่นเต้นไปกับมันอย่างแน่นอน ผมรับประกัน

แท็ก ดิสนีย์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ