กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--กรมธุรกิจพลังงาน
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยถึง กรณีที่มีนักวิจัยด้านอากาศ จากศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า มีการตรวจพบสารพิษกลุ่มคาร์บอนิล ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ว่ามีสาเหตุมาจากการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยนายเมตตา ได้ชี้แจงว่า สารกลุ่มคาร์บอนิลไม่ได้มีอยู่ในน้ำมัน แก๊สโซฮอล์หรือ เอทานอล แต่ในการเผาไหม้อาจเกิดสารดังกล่าวขึ้นและปนออกมาพร้อมกับไอเสียของรถยนต์ ดังนั้นในการกำหนดมาตรฐานน้ำมันแก๊สโซฮอล์จึงไม่ได้มีข้อกำหนดของกลุ่มสารคาร์บอนิล ซึ่งในการพิจารณากำหนดมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว กรมธุรกิจพลังงานก็ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม มาตรฐานรถยนต์มาร่วมหารือด้วย
นายเมตตา กล่าวอีกว่า น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ดังนั้นการใช้เอทานอลมาผสมกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์จึงเป็นประโยชน์ ต่อสิ่งแวดล้อมด้วย กล่าวคือ การนำน้ำมันแก๊สโซฮอล์มาใช้นั้นเป็นการช่วยลดสารอะโรมาติกส์ และสารเบนซีน ที่จะออกมากับไอเสียให้ลดน้อยลงไปตามสัดส่วนของเอทานอลที่เติมลงในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ รวมทั้งลดการเกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นมลพิษอีกชนิดหนึ่งลงด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กรมธุรกิจพลังงานได้กำหนดและควบคุมสารมลพิษในน้ำมันเบนซินให้ลดน้อยลงมา เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยตลอด เช่น การเลิกใช้สารตะกั่ว การลดสาร อะโรมาติกส์ และ สารเบนซีน ที่เป็นอันตรายมากกว่าสารกลุ่มคาร์บอนิล
“สารกลุ่มคาร์บอนิล เกิดขึ้นภายหลังจากเชื้อเพลิงผ่านกระบวนการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ซึ่งในด้านเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ปัจจุบัน มีอุปกรณ์ฟอกไอเสีย(Catalytic converter) ที่สามารถกำจัดสารเหล่านี้ แต่เมื่อมีการตรวจพบสารดังกล่าวในอากาศ การป้องกันและแก้ไขจึงต้องไปดำเนินการที่การควบคุมไอเสียไม่ให้มีสารมลพิษเกินกว่าที่กำหนด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยกรมธุรกิจพลังงานก็จะไปประสานงานกับหน่วยงานดังกล่าว เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหามลพิษตามที่เป็นข่าวต่อไป” นายเมตตากล่าว