กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--
พันเอก ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท รักษาการผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เปิดเผยว่า “คณะรัฐมนตรีอนุมัติการประกาศเขตเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการพัฒนามาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ รวมทั้งเพื่อบริหารจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาด้านความปลอดภัย การปรับโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายตัวของประชากรและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2550 เมืองพัทยาสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้มากถึง 48,000 ล้านบาท หรือเกือบ 10% ของรายได้การท่องเที่ยวของประเทศ และคาดการณ์ว่าภายหลังการประกาศเขตเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแล้ว จะเกิดรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 ล้านบาท/ปี ภายในปี 2560
ทั้งนี้ การประกาศเขตพื้นที่พิเศษดังกล่าวจะสนับสนุนให้เกิดเอกภาพในการประสานการพัฒนาระหว่าง อพท. กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่นเพื่อเข้ามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งแนวเขตพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงครอบคลุมเนื้อที่ 928.47 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย พื้นที่เมืองพัทยาและพื้นที่ทะเล เกาะล้าน เกาะไผ่ และพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ เทศบาลตำบลโป่ง เทศบาลตำบลนาจอมเทียน เทศบาลตำบลบางละมุง เทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ เทศบาลเมืองหนองปรือ อบต.ตำบลเขาไม้แก้ว และ อบต.หนองปลาไหล ซึ่ง อพท. และเมืองพัทยาจะได้เร่งดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยจะประสานหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ตลอดจนประชาชนที่เกี่ยวข้องร่วมจัดทำแผนการพัฒนาดังกล่าว