บีโอไอเผย เครื่องใช้ไฟฟ้า — อิเล็กทรอนิกส์ มียอดคำสั่งซื้อเพิ่ม หลังความต้องการตลาดโลกเริ่มกระเตื้อง

ข่าวทั่วไป Thursday March 26, 2009 14:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--บีโอไอ บีโอไอเผย ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ มียอดคำสั่งซื้อในไตรมาสสองเพิ่มขึ้น บางรายมียอดคำสั่งซื้อเท่ากับในช่วงภาวะปกติ หลังความต้องการเริ่มกระเตื้อง และสินค้าในสต็อกเริ่มลดลงจึงสั่งซื้อเพิ่ม มั่นใจช่วยลดการเลิกจ้างงานในระยะสั้น นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยว่า หลังจากที่บีโอไอได้ติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ จากบริษัทชั้นนำหลายแห่ง พบว่า ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ (เมษายน — มิถุนายน 2552) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จนทำให้คำสั่งซื้อลดลงอย่างมาก “บีโอไอได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการเครื่องใช้ฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ หลายราย ว่า คำสั่งซื้อสินค้าในช่วงไตรมาที่ 2 ของปีนี้ เพิ่มมากขึ้นกว่าในไตรมาสแรก ซึ่งช่วงนั้นผู้ซื้อในต่างประเทศต่างตกใจและไม่มั่นใจว่าความต้องการของตลาดจะลดลงมากน้อยแค่ไหน จึงไม่สั่งซื้อสินค้าเพิ่มในสต็อก แต่ในวันนี้ ความต้องการสินค้าเริ่มเพิ่มขึ้น สินค้าที่อยู่ในสต็อกเริ่มลดลง จึงทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น” เลขาธิการบีโอไอกล่าว ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทไวท์กู๊ดส์ (White Goods) ซึ่งประกอบด้วย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ และโทรทัศน์ มียอดคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสสองกว่าร้อยละ 80 ของยอดคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ และผู้ผลิตบางรายมียอดคำสั่งซื้อเข้ามามากเท่ากับช่วงภาวะปกติด้วย โดยคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสแรกมีประมาณร้อยละ 60-70 ของยอดคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย บริษัท ชาร์ป แอพพลายแอนซ์ บริษัท โตชิบา คอนซูมเมอร์ โพรดักส์ บริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ บริษัท เจวีซี และบริษัท ไทย ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าในช่วงไตรมาสแรกนั้น ประกอบด้วย การผลิต ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ และแผงวงจรรวม มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาประมาณร้อยละ 70 — 80 ของคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ อาทิ บริษัท ฮิตาชิ โกบอล สตรอเรจ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล บริษัท ฟูจิตสึ และบริษัท เซเลสติก้า โดยคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสแรกของกลุ่มนี้มีประมาณร้อยละ 60-70 ของยอดคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ “คำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ ทำให้ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าในช่วงไตรมาสแรก รวมทั้งการให้พนักงานทำงานล่วงเวลามากขึ้น เพื่อเร่งผลิตสินค้าให้ทันตามกำหนด ทำให้ปัญหาการเลิกจ้างงานของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ลดน้อยลงอย่างแน่นอน และผู้ผลิตบางรายอาจต้องการแรงงานเพิ่มมากขึ้นด้วยในช่วงนี้ ด้านนายกมล ตรีวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท JVC แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต โทรทัศน์สี และกล้องวงจรปิด กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทมียอดคำสั่งซื้อโทรทัศน์เพิ่มขึ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ และในช่วงไตรมาสที่ 2 มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ากว่าร้อยละ 70 โดยเป็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าในตะวันออกกลาง เอเชีย รัสเซีย รวมถึงยุโรปตะวันออก ส่วนสินค้ากล้องวงจรปิดที่ส่งออกไปญี่ปุ่นยอดขายปัจจุบันยังอยู่ในระดับ 100% ซึ่งเท่ากับยอดขายในช่วงภาวะปกติ “แนวโน้มของยอดขายดีขึ้น ซึ่งคาดว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้ บริษัทจะต้องเพิ่มเวลา การทำงานล่วงเวลา (โอที) ของพนักงาน เพื่อให้สามารถรองรับกับกำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น” นายกมล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ