กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--ก.ไอซีที
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการสัมมนาระดมความคิดเห็นโครงการศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ระยะที่ 5 ว่า โครงการศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ (Thailand Knowledge Center) หรือ TKC เป็นโครงการซึ่งกระทรวงฯ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงระยะที่ 5 ทั้งนี้ เพื่อให้มีศูนย์กลางในการรวบรวมความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชน นิสิต นักเรียน นักศึกษา ที่เน้นการจัดเก็บและเผยแพร่ในลักษณะของสื่อดิจิตอลรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ลักษณะตัวอักษร รูปภาพ รวมถึงสื่อมัลติมีเดีย โดยมีการจัดแบ่งองค์ความรู้ออกเป็นกลุ่ม ประกอบด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นและองค์ความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ 14 สาขา ซึ่งได้ระบุไว้โดยละเอียดในเว็บท่า TKC.GO.TH
นอกจากนี้โครงการ TKC ยังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ เพื่อรองรับการจัดการความรู้ในรูปแบบต่างๆ เช่น ระบบจัดการเนื้อหา ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ระบบค้นหา ระบบสื่อประสม ระบบ e-learning ระบบประชุมผ่านเว็บฯ เป็นต้น รวมทั้งยังมีระบบสนับสนุนการจัดตั้งชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practices) หรือ CoPs เพื่อร่วมพัฒนาและจัดการองค์ความรู้ในสาขาต่างๆ โดยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดสร้างและจัดเก็บความรู้ในรูปของสื่อมัลติมีเดียในสาขาวิชาต่างๆ กว่า 200 เรื่อง และมีการจัดเก็บองค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ อีกหลายพันเรื่อง
“สำหรับการดำเนินโครงการระยะที่ 5 ในปีนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดกิจกรรมที่ช่วยสนับสนุนเว็บไซต์ศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ หรือ www.tkc.go.th ซึ่งเป็นเว็บท่าที่มีองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ และสามารถให้บริการแก่ประชาชนทุกเพศทุกวัย ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเผยแพร่ข้อมูลด้านการจัดการองค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ โดยใช้ช่องทางของเว็บท่า TKC ให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ และภูมิปัญญาผ่านสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการรวบรวมความรู้จากประชาชน บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ ที่มีองค์ความรู้อันมีคุณค่าต่อประเทศ ด้วยการปรับเปลี่ยนความรู้ที่มีอยู่ติดตัวให้สามารถสื่อสารถ่ายทอดให้เป็นความรู้ที่เปิดเผยได้ เพื่อเพิ่มทุนทางมนุษย์ให้กับประเทศ โดยผ่านชุมชนนักปฏิบัติ พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างและประสานเครือข่ายด้านการจัดการความรู้กับหน่วยงานที่สร้างองค์ความรู้ให้กับสังคมไทย เพื่อให้เกิดช่องทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน รวมถึงเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ในเรื่องต่างๆ ให้กับประชาชนที่สนใจ ซึ่งจะส่งผลให้องค์ความรู้ที่สร้างขึ้นคงอยู่อย่างยั่งยืน” นายสือ กล่าว
ส่วนขอบเขตการดำเนินงานพัฒนาโครงการจัดตั้งศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ระยะที่ 5 นี้ จะเน้นที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่นักเรียนและประชาชนทั่วไป เพื่อให้สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมทั้งใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างองค์ความรู้สำหรับประชาชน และหน่วยงานภาครัฐในรูปแบบชุมชนนักปฏิบัติ โดยหนึ่งในกิจกรรมหลักที่สำคัญของโครงการ คือ การจัดสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในการจัดตั้งชุมชนนักปฏิบัติ ผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดองค์ความรู้ นักพัฒนาชุมชน หรือผู้มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการพัฒนาท้องถิ่น ผู้นำและสมาชิกของชุมชนที่มีชื่อเสียง รวมทั้งสมาชิกของสมาคม มูลนิธิ องค์กร และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดทิศทางในการจัดเก็บและเผยแพร่องค์ความรู้ของชุมชนนักปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหา และแนวทางของการจัดเก็บองค์ความรู้และการเผยแพร่องค์ความรู้ที่เหมาะสมสำหรับประชาชน เพื่อให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สามารถนำผลจากการสัมมนาในครั้งนี้ไปต่อยอดในการพัฒนาศูนย์กลางความรู้แห่งชาติที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนนักปฏิบัติต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-5682453 ทิพวรรณ์ ไชมะโย