กระทรวงการคลังเสนอมาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 1, 2009 14:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--กรมบัญชีกลาง นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รายงานผลการเบิกจ่ายจนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2552 ว่าการเร่งรัดเบิกจ่ายของรัฐบาลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ — วันที่ 20 มีนาคม 2552 ส่งผลให้เบิกจ่ายงบลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7 และการเบิกจ่ายโดยรวมเกินกว่าเป้าหมายร้อยละ 1.05 รวมทั้งกระทรวงการคลังได้กำหนดแนวทางเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 52 เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2552 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เบิกจ่ายไปแล้ว 827,384 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.09 ของวงเงินงบประมาณ (1,835,000 ล้านบาท) เป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน 704,806 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.60 ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน แต่สำหรับรายจ่ายลงทุนเบิกจ่ายได้จำนวน 122,578 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.60 ต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนร้อยละ 3.83 สำหรับผลการเบิกจ่ายในภาพรวมสูงกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.25 และสูงกว่าเป้าหมาย ประมาณร้อยละ 1.05 สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2552 ได้เบิกจ่ายแล้วร้อยละ 27.57 ของวงเงินงบประมาณ (116,700 ล้านบาท) ได้แก่ โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปีโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท และโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน เบิกจ่ายแล้วร้อยละ 73.46 64.14 และ 53.01 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ตามลำดับ ในส่วนของหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายลงทุนสูง แต่มีผลการเบิกจ่ายที่ต่ำกว่าในปีก่อนนั้น เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าว ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้ต้องปรับราคาให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง จึงมีหลายหน่วยงานไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ได้แก่ เมืองพัทยา การเคหะแห่งชาติ กรมทางหลวงชนบท สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมทางหลวง นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายของรัฐบาลในปัจจุบันก็เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการสร้างงานและลดปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จึงได้ตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรที่เกี่ยวข้องที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำ ชี้แจงข้อเท็จจริงและรายงานข้อมูล รวมทั้งจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อคณะกรรมการ จากการติดตามผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนในภาพรวม ปรากฏว่าผลจากการมีคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนภาพรวมสูงกว่าช่วงเดือนตุลาคม 2551 — มกราคม 2552 ถึงร้อยละ 7.1 โดยการเบิกจ่ายล่าสุดช่วง เดือนกุมภาพันธ์ — 20 มีนาคม 2552 เบิกจ่ายได้เกินเป้าหมายตลอด 6 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยร้อยละ 1.4 ต่อสัปดาห์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ เดือนตุลาคม 2551 — สิ้นเดือนมกราคม 2552 มีการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย เฉลี่ยร้อยละ 5.66 ต่อสัปดาห์ สำหรับหน่วยงานที่มีผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เมืองพัทยา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และกรมราชทัณฑ์ โดยมีอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนร้อยละ 0.00 0.00 0.01 1.05 และ 1.50 ตามลำดับ พร้อมกันนี้เตรียมเสนอมาตรการที่จะส่งผลต่อการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายระเบียบพัสดุ เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินงานในการจัดซื้อจัดจ้างเกิดความคล่องตัวขึ้น มาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาวะวิกฤตและสภาพคล่องของผู้รับเหมางาน โดยผู้รับเหมาสามารถเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าได้ร้อยละ 15 มาตรการให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการฝึกอบรมสัมมนาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2552 และมาตรการที่ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดให้หน่วยงานในสังกัดที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมายเร่งรัดเบิกจ่ายให้มากขึ้น นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวเสริมอีกว่า นอกจากมาตรการที่จะเสนอให้ ครม. พิจารณาแล้ว เพื่อให้ทุกหน่วยงานทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับผลการเบิกจ่ายของหน่วยงานต่างๆ ทางกรมบัญชีกลางได้เผยแพร่การจัดลำดับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เป็นรายสัปดาห์ทางเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น สำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ กรมบัญชีกลาง โทร. 0-2271-3123

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ