เจ-บิ๊คส์ ฟิล์ม ภูมิใจเสนอภาพยนตร์เรื่อง Blood Rayne

ข่าวทั่วไป Friday January 13, 2006 15:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--เจ-บิ๊คส์ ฟิล์ม
Blood Rayne
ประเทศ อเมริกา (USA)
กำหนดฉาย 2 กุมภาพันธ์ 2549
แนวหนัง แอ๊คชั่น/แฟนตาซี/สยองขวัญ (Action/Fantasy/Horror)
ผู้กำกับ ยูว์ โบลล์ (Uwe Boll)
นักแสดง คริสแตนน่า โลเกน, มิเชลล์ โรดริเกซ, เบน คิงสเลย์,
มิเชลล์ เมดเซ่น
Kristanna Loken, Michelle Rodriguez, Ben Kingsley,
Michael Madsen
เรื่องย่อ
หญิงสาวพยายามดิ้นรนหนีจากชายหนุ่มผู้เด็ดเดี่ยวและลึกลับ ระหว่างการ หนีตาย เธอพยายามซ่อนเด็กหญิงอายุ 5 ขวบจากเขา เมื่อเธอจนมุม เธอยกแผ่นไม้บนพื้นซึ่งวางไว้หลวมๆ ออก และนำเด็กสาวซ่อนไว้ด้านล่าง แผ่นไม้ชิ้นสุดท้ายถูกวางเข้าที่ ชายหนุ่มก็บุกเข้ามาถึงและถามหาเด็กสาว เมื่อเธอปฏิเสธ เขาทำร้ายและข่มขืนเธอจนเธอสิ้นใจตาย เด็กสาวเห็นเหตุสยดสยองจากด้านล่าง ชายหนุ่มจากไปและปฏิญานว่าจะหาเด็กน้อยให้พบ
บลัด เรย์เน่ เป็นหญิงสาวครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ เรย์เน่วัย 23 ปีอาศัยอยู่และทำงานแสดงในคณะละครสัตว์ ทั้งริงมาสเตอร์และสตรองแมนต่างรุมท้ายเธอ ใช้มีดกรีดให้เธอเลือดไหลเนื่องจากไม่แน่ใจว่าเธอเป็นมนษย์หรือไม่ พวกเขาสาดน้ำใส่เธอเพื่อให้ผิวหนังเธอเป็นรอยไหม้และพุพอง โดยอ้างผลประโยชน์ของคณะละครสัตว์ เรย์เน่อยู่อย่างโดดเดี่ยว มีเพียงอมันด้าเท่านั้นที่เป็นเพื่อน อมันดาเป็นนักดาบหุ่นเซ็กซี่ที่มีความฝันว่าจะได้รับอิสรภาพและแต่งงานสักวันหนึ่ง สตรองแมนพยายามรวบรัดเรย์เน่ คืนหนึ่งเขาบุกเข้าหาเธอด้วยความมึนเมา เขาทำร้ายเธอและพยายามข่มขืนเธอ เรย์เน่ดิ้นรนเอาตัวรอดสุดชีวิต และขณะเดียวกันนั้นเองความทรงจำที่เลวร้ายเกี่ยวกับแม่ของเธอก็ตามมาหลอน เรย์เน่ทิ่มคอหอยของสตรองแมนด้วยความโกรธและดื่มเลือดมนุษย์เป็นครั้งแรก การฆาตกรรมครั้งแรกกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ในที่สุดเรย์เน่ถูกจับกุม ชาวคณะละครสัตว์ต่างพากันเห็นอกเห็นใจเธอ แต่ความกระหายโลหิตมีเพิ่มขึ้น เรย์เน่สังหารทุกคนที่กล้าท้าทายเธอ ท่ามกลางความ บ้าคลั่ง เรย์เน่เกือบพลั้งมือสังหารอมันด้าเพื่อนรัก ด้วยความสำนึกผิด เรย์เน่หนีเตลิดเข้าป่าพร้อมกับดาบของอมันด้า
วลาดิมีร์และเซบาสเตียน สมาชิกของกลุ่มบริมสโตน ซึ่งอุทิศตนเองในการต่อสู้กับแวมไพร์ เรียนรู้เรื่องราวของบลัด เรย์เน่ และพยายามค้นหาเธอ พวกเขาพบเพียงร่องรอยการฆาตรกรรมที่เรย์เน่ทิ้งไว้ที่คณะละครสัตว์ เรย์เน่ พยายามเรียนรู้การเอาตัวรอดโดยอาศัยดาบของเพื่อนรักด้วยหัวใจที่แตกสลายและโดดเดี่ยว เธอเริ่มเรียนรู้ว่าเธอคือใคร รวมทั้งอำนาจที่เธอมีอยู่ทั้งภายในและภายนอก เรย์เน่อุทิศตนเองให้กับการเป็นอาหารของแวมไพร์ และไม่ทำร้ายมนุษย์อีกต่อไป ขณะที่เธอแสวงหาเลือดอยู่นั้น เธอได้พบกับแม่หมอรายหนึ่ง แม่หมออธิบายว่าเธอคือ แดมพีร์ ครึ่งแวมไพร์ครึ่งมนุษย์ เธอเปิดเผยให้เรย์เน่รู้ความจริงว่าชายที่สังหารแม่คือ คาแกน ซึ่งเป็นทั้งแวมไพร์ที่มีอำนาจและเป็นพ่อของเธอ เรย์เน่ตัดสินใจที่จะแก้แค้นแทนแม่และสังหารคาแกน แม่หมออรรถาธิบายว่าป้อมปราการของคาแกนได้รับการปกป้องอย่างดี และวิถีทางเดียวที่เธอจะเข้าไปได้คือการครอบครองวัตถุทรงอานุภาพชิ้นหนึ่ง นั่นคือ ทาลิสมันออฟดิอาย ซึ่งราชาแวมไพร์อย่างคาแกนพยายามเสาะแสวงหามานานนับปี คาแกนรับรู้ว่าเรย์เน่ยังมีชีวิตอยู่ และแม่หมอได้ส่งเธอไปค้นหาวัตถุทรงพลัง คาแกนสั่งโดมาสตีร์ ลูกน้องเอกให้ "กำจัด" แดมฟี่ร์เรเน่ย์ทิ้งเสีย เรย์เน่เข้าไปในวัดที่เป็นสถานที่เก็บดิอาย เธอพบสิ่งที่ค้นหา แต่ต้องพยายามเลี่ยงกับดักและการคุ้มกันอย่างแน่นหนา โชคดีที่เธอเป็นฝายมีชัยเหนือดิอาย และด้วยความไม่คาดฝัน ดิอายเข้าไปรวมอยู่ในร่างของเรย์เน่ ขณะที่เธอเตรียมจะออกจากวัด เธอได้พบกับบาทหลวงเรกัล บาทหลวงอธิบายว่าทาลิสมันมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ ดิอาย (ดวงตา) เดอะฮาร์ท (หัวใจ) และเดอะริบ (ซี่โครง) และราชาแวมไพร์ครอบครอง 1 ในองค์ประกอบเรียบร้อยแล้ว บาทหลวงเตือนให้เรย์เน่ตระหนักถึงภารกิจยิ่งใหญ่ในการปกป้องมนุษยชาติ ขณะที่สมุนของคาแกนบุกเข้ามาในวัดและเริ่มการต่อสู้อย่างดุเดือด เรเน่ย์ได้รับบาดเจ็บและถูกลักพาตัวไป ทั้งวลาดิมีร์และเซบาสเตียนมาถึงสถานที่เกิดเหตุช้าไปเพียงเล็กน้อย ทั้งสองตัดสินใจติดตามเรเน่ย์และโดมาสตีร์ สมุนเอกแวมไพร์ ไปยังแหล่งกบดานของลีโอนิด แวมไพร์เพลย์บอย ลีโอนิดรู้ว่าเรเน่ย์ครอบครองดวงตาทรงอานุภาพ และพยายามช่วงชิงมาเป็นของตน เรเน่ย์ปฏิเสธ การต่อสู้เริ่มขึ้น เธอได้รับการช่วยเหลือจาก วลาดิมีร์และเซบาสเตียนซึ่งมาทันเวลา ลีโอนิคถูกฆ่าตายด้วยแสงอาทิตย์ที่ลอดมาทางหน้าต่าง ขณะที่เรเน่ย์ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรยและบาดเจ็บถูกนำตัวไปยังที่มั่นของกลุ่มบริมสนโตน ณ ที่นั่นเธอได้พบกับคาทารินผู้นำของกลุ่มคาแกนพบว่าเรเน่ย์หลบหนีไปได้พร้อมกับดิอาย เขาโกรธจัดและลั่นวาจาจะนำเธอกลับมาให้จงได้ ณ ที่มั่นของกลุ่มบริมสโตน เรเน่ย์ถูกคุมขัง แต่ในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเธอได้รับความไว้วางใจ เธอเล่าเรื่องแม่และภารกิจของเธอให้กลุ่มฟัง เธออาศัยอยู่ที่นี่และเริ่มการฝึกเป็นนักรบต่อสู้แวมไพร์ เมื่อเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างเรเน่ย์และเซบาสเตียนตรึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
วลาดิมีร์ เซบาสเตียน และเรเน่ย์ไปเยี่ยมมีเลีย หนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม
บริมสโตน และได้รับมอบอาวุธเพื่อป้องกันตัว คาทาริน ผู้นำกลุ่มบริมสโตนไม่พอใจที่วลาดิมีร์และเซบาสเตียนนำเรเน่ย์เข้ามาในกลุ่ม และในที่สุดความจริงก็ปรากฏออกมาว่าเธอนั่นเองที่เป็นผู้ทรยศ และชักนำสมุนของคาแกนเข้ามา เมื่อวลาดิมีร์ เซบาสเตียน และเรเน่ย์กลับมายังกลุ่ม พวกเขาพบว่าทุกคนที่นั่นถูกฆาตกรรมและคาทารินหายตัวไป พวกเขากลับเข้าเมืองแต่เรเน่ย์ตัดสินใจแยกตัวออกมา เพื่อตามหาวัตถุทรงพลังที่เหลือ และกลับไปต่อสู้กับคาแกนต่อไป เรเน่ย์กลับไปยังกลุ่มบริมสโตนอีกครั้งเพื่อตามหาวัตถุทรงพลังเดอะฮาร์ท ที่นั่นเธอได้พบกับคาทารีนซึ่งแวดล้อมไปด้วยสมุนแวมไพร์ ขณะพยายามตามหาเดอะฮาร์ท ให้กับคาแกน ทั้งคู่ต่อสู้กันใต้น้ำเพื่อแย่งชิงวัตถุทรงพลัง ในที่สุดเรเน่ย์สามารถเอาชนะได้ และสังหารคาทารีนเสียชีวิต เรเน่ย์ดื่มเลือดของคาทารีนเพื่อรักษาตัวเอง ขณะเดียวกัน ทั้งวลาดิมีร์และเซบาสเตียน เดินทางมาถึงปราสาทของคาแกนเพื่อรอคอยการปรากฎตัวของ เรเน่ย์ ในที่สุด เรเน่ย์ก็เดินทางมาถึงและท้าทายคาแกนให้ออกมาพบหน้า เธอยอมรับว่าเป็นบุตรสาวของคาแกนและขอครอบครองวัตถุทรงพลัง เธอถูกนำตัวไปพบพ่อบังเกิดเกล้าและได้รู้ว่าสมุนคนสนิทของคาแกนเตรียมการเคลื่อนย้ายดิอายด้วยการจับเธอเข้าที่คุมขัง วลาดิมีร์และเซบาสเตียนตามหาเรเน่ย์และพยายามบุกเข้าไปในปราสาท ทั้งคู่ถูกสมุนแวมไพร็จับตัวและนำไปคุมขังเช่นเดียวกับเรเน่ย์ เรเน่ย์ถูกจำกัดอิสรภาพและนำไปยังที่ประกอบพิธีถอดดิอาย คาแกนใกล้จะได้ครอบครองวัตถุทรงพลังทาสิสมันทั้ง 3 ชิ้น ซึ่งจะทำให้โลกมนุษย์ตกอยู่ในความมืดมนและ แวมไพร์สามารถอยู่ได้อย่างเสรี ด้วยแผนการอันชาญฉลาดของเรเน่ย์ ทั้งวลาดิมีร์และ เซบาสเตียนสามารถหนีรอดไปได้ พวกเขาปล่อยเรเน่ย์จากการคุมขัง และการต่อสู้ทำให้ คาแกนต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และทำลายอาณาจักรแวมไพร์ของเขา วลาดิมีร์สละชีพในการต่อสู้ แต่ชัยชนะของเรเน่ย์กลับช่วยชีวิตของเซบาสเตียนไว้ด้วยการทำให้เขากลายเป็น แวมไพร์
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โป้ง 0-1327-6068,เม้ง 0-9129-0569,ปลา 0-5824-5890,ปิ่น 0-6780-6096
Prasert Songsiriworakul (Meng)
Pulbilc Relations Department
J-BICS FILMS CO.,LTD
Tel (+66) 2-640-5522
Fax (+66) 2-641-6688
Mobile (+66) 9-129-0569
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ