กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--คต.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจและการคลังของประเทศสมาชิกอียู (Ecofin Council) มีมติเห็นชอบปรับปรุงระเบียบ Council Directive 2006/112/EC มีผลทำให้ธุรกิจบริการบางสาขาในอียู สามารถลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้เหลือต่ำสุด ร้อยละ 5 ซึ่งจากเดิมธุรกิจบริการในอียูจะถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ทั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้ในปี 2554 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. สาขาบริการที่สามารถลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้เหลือต่ำสุดร้อยละ 5 ได้แก่
- บริการด้านอาคารบ้านพัก เช่น การปรับปรุงซ่อมแซม การบำรุงรักษา การทำความสะอาดในบ้านเรือน
- บริการซ่อมแซม การบำรุงรักษา ทำความสะอาด ยานพาหนะขนาดเล็ก รองเท้า และผลิตภัณฑ์หนัง เสื้อผ้าและผ้าที่ใช้ในครัวเรือน
- บริการดูแลรับใช้ (Domestic Care Service) เช่น ดูแลผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วย คนพิการ ในบ้านเรือน
- บริการส่วนตัวต่าง ๆ (Personal Care Service) เช่น ช่างทำผม ดูแลความงาม
- บริการทำสวน การปรับปรุงบำรุงรักษาสถานที่บูชา มรดกทางวัฒนธรรม และอนุสรณ์สถาน
- บริการร้านอาหารและบริการ catering ที่ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2. การปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มธุรกิจบริการดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับในปี 2554 สำหรับประเทศสมาชิกที่ใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มน้อยกว่าร้อยละ 15 อยู่แล้ว ยังคงสามารถใช้อัตราภาษีในระดับต่ำต่อไปได้
3. ประเทศสมาชิกอียูสามารถเลือกที่จะลดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ มีประเทศสมาชิกอียู 5 ประเทศที่ระบุว่าจะไม่ดำเนินการลดภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว ได้แก่ บัลแกเรีย เดนมาร์ก เอสโตเนีย เยอรมนี และลิธัวเนีย
รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ประกอบการไทยที่ประกอบธุรกิจบริการในอียู จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในอียูด้วยที่รับภาระภาษีน้อยลง