พม. ชี้เปิดเทอมนี้ประชาชนรับจำนำน้อยลง นโยบายรัฐบาลเรียนฟรี...ได้ผล

ข่าวทั่วไป Monday May 25, 2009 16:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--พม. “นวลพรรณ ล่ำซำ ผช.รมว.พม.” ชี้ยอดเงินรับจำนำช่วงเปิดเทอมลดลงถึง 15.38 ล้านบาท เชื่อเป็นผลพลอยได้จากรัฐบาลเรียนฟรี 15 ปี พร้อมเร่งแผนปรับภาพลักษณ์องค์กรให้เสร็จทุก 33 แห่งทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 52 พร้อมปรับทัศนคติประชาชนตอกย้ำเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้านสินเชื่อของประชาชนผู้มีรายได้น้อย นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า โครงการรับจำนำดอกเบี้ย 0% ของสถานธนานุเคราะห์หรือโรงรับจำนำภาครัฐ ที่ได้เปิดบริการ ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2551 จนขยายเวลาการให้บริการต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ 2552 นับว่าประสบความสำเร็จตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คือ การให้ช่วยเหลือเศรษฐกิจภาคประชาชน และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ที่มีปัญหาเฉพาะหน้าทางด้านการเงิน ตลอดจนเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาล ในช่วง 1 มีนาคม ถึง 15 พฤษภาคม 2552 นับเป็นช่วงของการเปิดภาคการศึกษาปี 2552 ณ ขณะนี้มีประชาชนมาใช้บริการของสถานธนานุเคราะห์ทั้ง 33 แห่ง รวมแล้วประมาณ 210,673 ราย คิดเป็นจำนวนเงินรับจำนำ 1,437.36 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบการให้บริการในช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้ว พบว่าปีนี้ให้บริการน้อยกว่าปีที่แล้ว จำนวน 8,627 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 3.93 โดยคิดเป็นจำนวนเงินถึง 15.38 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.56 ทั้งนี้ประชาชนผู้ใช้บริการรับจำนำมีจำนวนลดลง สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระรายจ่ายให้กับประชาชนผู้ปกครองในช่วงเปิดภาคการศึกษา ส่งผลต่อการใช้บริการของสถานธนานุเคราะห์ แต่ก็เป็นที่น่ายินดีที่นโยบายของรัฐบาลสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง แม้สถานธนานุเคราะห์จะมีประชาชนมาใช้บริการลดลงก็ไม่น่าห่วง เพราะนโยบายนั้นไม่ได้มุ่งแสวงหาผลกำไร แต่เป็นทางเลือกของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในภาวะที่มีความจำเป็นด้านการเงิน นางนวลพรรณ กล่าวต่อว่า ในปี 2552 นี้ สถานธนานุเคราะห์ได้มีการสร้างภาพลักษณ์องค์กรใหม่ โดยตั้งเป้าให้สถานธนานุเคราะห์นั้น เป็นสถาบันรับจำนำของภาครัฐที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น มั่นคง และทันสมัย เพื่อเสริมสร้างให้วิสัยทัศน์ “การเป็นสถาบันรับจำนำของภาครัฐที่ให้บริการด้วยความสะดวกรวดเร็ว” ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นยังต้องการตอกย้ำให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติให้มีความรู้สึกถึงการใช้บริการของสถานธนานุเคราะห์เสมือนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของด้านการเงินแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่มีปัญหาเฉพาะหน้าด้านการเงิน “เราได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสถานธนานุเคราะห์ไปแล้ว จำนวน 23 สาขา และจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในปี 2552 อีก 10 สาขา คือ สถานธนานุเคราะห์เขตประเวศ เขตมีนบุรี เขตบางขุนเทียน เขตหนองแขม เขตหลักสี่ เขตคันนายาว เขตสวนหลวงเขตลาดกระบัง เขตสายไหม และจังหวัดระยอง พร้อมกันนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาเป็นเครื่องมือในการบริหารและเป็นช่องทางธุรกิจ เช่นระบบรับจำนำและฐานข้อมูลลูกค้า” นางนวลพรรณ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ