กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้
เฟรเกรนท์ซื้อที่บนเพชรบุรีตัดใหม่ เตรียมผุดโครงการมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท กลางปีหน้า หลัง “Circle” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มั่นใจแอร์พอร์ตลิ้งค์ รถไฟฟ้าช่วยเสริมศักยภาพให้ตลาดโตกว่าทำเลอื่น ๆ ย้ำตลาดคอนโดมิเนียมยังมีดีมานอีกมาก
นายเจมส์ ดูอัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จก. เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ฯ ได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินเนื้อที่เกือบ 4 ไร่ บน ถ. เพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโครงการ Circle ของบริษัท ฯ ในปัจจุบัน โดยวางแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท กลางปีหน้า
“ขณะนี้เรากำลังศึกษารายละเอียดของโครงการอยู่ แต่คาดว่ามูลค่าโครงการจะไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเปิดตัวได้ประมาณกลางปีหน้า โดยเรามั่นใจว่าจะเป็นอีก 1 โครงการที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดีแน่นอน สำหรับโครงการใหม่เราจะยังใช้แบรนด์ Circle โดยจะเป็นการชูภาพลักษณ์ของคอนโดมิเนียมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีสูงเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน” นายเจมส์ กล่าว
นายเจมส์กล่าวเพิ่มเติม ปัจจุบัน โครงการ Circle ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดพักอาศัย 901 ยูนิต สามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 80% โดยบริษัท ฯ คาดว่า ภายหลังจากการเปิดดำเนินการของโครงการแอร์พอร์ต ลิ้งค์ สิ้นปีนี้ จะสามารถปิดการขายได้อย่างแน่นอน
“เรามั่นใจว่าถ.เพชรบุรีตัดใหม่ จะเป็นอีกทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการ ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการตอบรับของผู้บริโภคเป็นอย่างดีกับ โครงการแรกของ Circle ตอนนี้ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายหลายก็เริ่มที่จะหันมาพัฒนาโครงการในบริเวณนี้มากขึ้น เพราะที่ดินในบริเวณนี้ยังมีราคาถูกอยู่ และเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากศูนย์กลางธุรกิจอย่างสุขุมวิท ซึ่งการพัฒนาสาธารณูปโภคอย่าง แอร์พอร์ตลิ้งค์ก็จะช่วยให้การคมนาคมในบริเวณสะดวกมากขึ้น” นายเจมส์กล่าวย้ำ
นายเจมส์ให้ความเห็นว่า การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) น่าจะกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาล รวมทั้งมาตรการต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการลงทุน ก็จะมีส่วนช่วยทำให้ตลาดฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเช่นกัน
“ตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองจะยังมีความต้องการอยู่มาก เพราะวิถีชีวิตของคนเรานั้นเปลี่ยนไป แม้ปัจจุบันจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นหลายโครงการ แต่มั่นใจได้ว่าซัพพลายจะไม่ล้นตลาดแน่นอน ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐนั้นจัดว่าดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามรัฐบาลควรจะหันมาให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้นเพราะจะเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้เกิดการเจริญเติบโตของตลาดและดึงดูดนักลงทุนให้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น” นายเจมส์กล่าวสรุป