SAP เปิดตัวเทคโนโลยี SAP Product Lifecycle Management (SAP PLM) ล่าสุด หนุนกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานสร้างนวัตกรรมกระตุ้นตลาดเอเชียแปซิฟิก

ข่าวเทคโนโลยี Thursday July 16, 2009 14:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--พีอาร์ วัน เน็ทเวิร์ค เอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) เปิดตัวโซลูชั่น SAP Product Lifecycle Management (SAP PLM) รองรับการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ครบวงจร ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนการลงทุนของอุตสาหกรรมโรงงานในการสร้างนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้สามารถดำเนินกิจการผ่านพ้นสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจและเติบโตต่อไปได้ในอนาคต “วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ เปลี่ยนพื้นฐานของการทำงานจริงๆ ในหลายๆ บริษัท ผู้ที่สามารถสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างจากผู้อื่นได้ จะรอดพ้นภาวะวิกฤตินี้ไปพร้อมความแข็งแกร่งที่มากขึ้น และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วพอๆ กับการลดลงของผู้ผลิตซึ่งต้องยุติการผลิตเพราะโดนวิกฤติเศรษฐกิจรุมเร้าอย่างรุนแรง” มร. ซาจ คุมาร์ (Saj Kumar ) รองประธานฝ่าย Discrete Manufacturing จากเอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) กล่าว “สิ่งที่จะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้ต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ก็คือความสามารถในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และเร่งเป็นผู้นำทางการผลิตและบริการ” ผลสังเกตการณ์นี้ได้รับการยืนยันโดย Manufacturing Insights ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยที่ได้รับข้อมูลสนับสนุนโดยตรงจาก IDC ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแก่กระบวนการผลิต โดยทำการสำรวจข้อมูลจากบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานในประเทศจีน อินเดีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ พบว่าบริษัทขนาดใหญ่ระดับประเทศล้วนมีแผนเพิ่มการลงทุนกับระบบ PLM ไว้ในอีก 2 ปีข้างหน้าแล้ว นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานส่วนใหญ่ตื่นตัวในการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการด้าน PLM ที่จะนำไปสู่การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ การควบคุมกระบวนการ และการวางแผนด้านความต้องการ มร. โจ บาร์ไค (Joe Barkai) Practice Director จาก Manufacturing Insights กล่าวว่า “เมื่อบริษัทในอุตสาหกรรมโรงงานเข้ามาสู่สภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ในขณะที่ความต้องการของลูกค้าลดลง ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาวะสินเชื่อดึงตัว (สภาวะการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง) การก้าวข้ามผ่านแง่มุมปัญหาทางธุรกิจทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้บริษัทจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เลี่ยงไม่ได้ ระบบบริหารจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management) กำลังทวีความสำคัญยิ่งขึ้นสำหรับบริษัทในกลุ่มอุตสหากรรมโรงงานเพื่อพัฒนาวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งหมด นับตั้งแต่การวางแนวคิดของผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิต การให้บริการหลังการขาย และการยุติวงจรผลิตภัณฑ์ จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นซึ่งใช้โซลูชั่นจากเอสเอพี ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่า แผนการผลิตโซลูชั่น SAP Product Lifecycle Management (SAP PLM) จะช่วยให้บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานสามารถคิดค้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดย SAP Product Lifecycle Management (SAP PLM) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SAP Business Suite สามารถสนับสนุนกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตทั้งหมดในอุตสาหกรรมโรงงานได้รอบด้าน นับตั้งแต่ริเริ่มแนวคิดผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิตและการให้บริการ บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานของเอเชีย มีการขยับตัวขึ้นไปอยู่อีกระดับหนึ่งของห่วงโซ่การสร้างมูลค่า (Value Chain) โดยเปลี่ยนจากผู้ผลิตกำไรต่ำไปเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรสูงขึ้น “โรงงานกำไรต่ำนั้นเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างอย่างจีน ซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงครั้งใหม่แสดงให้เห็นว่าบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานในประเทศเหล่านี้ มีความต้องการสร้างตราผลิตภัณฑ์ภายในประเทศของตนเองเพื่อความมั่นคงทางธุรกิจด้วย เห็นได้จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในประเทศที่มีค่าแรงการผลิตทางอุตสาหกรรมต่ำอย่างอินเดียและจีน โดยลูกค้ามาพร้อมประโยคที่ชัดเจนว่า บริษัทไม่ต้องการแค่ผลิตตราสินค้าของบริษัทเพื่อขายในประเทศ แต่ต้องการเติบโตเพื่อก้าวไปแข่งขันในตลาดโลกด้วย” เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว มร. คุมาร์ (Kumar) กล่าวว่า บริษัทจะต้องเข้ามาจัดการกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่การออกแบบและงานวิศวกรรมเพื่อสร้างนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และการทำงานร่วมกัน ทั้งกับผู้ผลิตวัตถุดิบระดับโลก ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งระบบบริหารจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพคือแกนกลางที่จะเชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่อก้าวสู่ตลาดโลกแล้ว ซึ่งหมายถึงการปรับผลิตภัณฑ์ให้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานอุตสาหกรรมนับหมื่นรูปแบบ จากนานาประเทศทั่วโลก “การอยู่ภายใต้เกณฑ์ควบคุมนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องการส่งสินค้าและระบบภาษีศุลกากร สำหรับบริษัทออกแบบและผลิตแล้ว การทำตามเกณฑ์นั้นเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบ ไปจนถึงการทำเอกสาร และการทำตามกฎระเบียบของแต่ละประเทศ ดังนั้น การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และบริการอย่างมีประสิทธิภาพ การตัดสินใจระดับผู้บริหารที่จะเกิดขึ้นต้องเชื่อมโยงกับกระบวนการการออกแบบและการผลิตทั้งหมดด้วย” มร. คุมาร์ (Kumar) กล่าว มร. บาร์ไค (Barkai) เห็นด้วยกับความคิดนี้ และกล่าวว่า “ความเป็นผู้นำของบริษัท จะขับเคลื่อนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และทวีความสำคัญยิ่งขึ้นสำหรับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานเพื่อพัฒนาวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของพวกเขาเอง นับตั้งแต่แนวคิดผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิต การให้บริการ และการยุติวงจรผลิตภัณฑ์ ถ้าบริษัททำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง บริษัทจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงเหนือคู่แข่ง” ทั้งนี้ หนึ่งในแผนดำเนินงานของเอสเอพี เอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ PLM คือการจัด Webcast และการพบปะผู้บริหารของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงาน โดยรายละเอียดของการลงทะเบียนเข้าร่วม webcast สามารถดูได้จาก http://www.idc.com.sg/SAP2009/register.aspx?source=SAP. การจัด Webcast ครั้งล่าสุด คือวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีมร.โจ บาร์ไค (Joe Barkai) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน PLM จาก IDC และมร.คริสโตเฟอร์ ฮอล์ม (Christopher Holmes) รองประธาน Manufacturing Insight เข้าร่วมสนทนาในหัวข้อ “Driving Efficiency into the Product Lifecycle” โดยเอสเอพีมีแผนจะทำโรดโชว์สำหรับผู้บริหารระดับสูงในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานทั่วทั้งภูมิภาคนี้เป็นลำดับต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน : วิไลลักษณ์ ภักดี บริษัท เอสเอพี (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02- 631-1800, [email protected] ภัทธิรา บุรี และ อุทัยวรรณ ชูชื่น บริษัท พีอาร์ วัน เน็ทเวิร์ค จำกัด โทร. 02-937-4518-9, [email protected], [email protected]

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ