บทสัมภาษณ์ "จีจ้า จาก จีจ้า ดื้อสวยดุ

ข่าวบันเทิง Wednesday July 22, 2009 13:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม “เมื่อแอ็คชั่นเต็มพิกัดในสไตล์ “เล่นจริง เจ็บจริง” ผสมผสานกับความโรแมนติคสุดเข้มข้น” การกลับมาของ “จีจ้า ญาณิน” พร้อมลุคและบทบาทที่เปลี่ยนไป ในแอ็คชั่นรูปแบบใหม่ และแง่มุมความโรแมนติค กับภาพยนตร์เรื่องที่2 ในชีวิต “จีจ้า ดื้อสวยดุ” Q.ทำไมอยู่ดีๆ จีจ้า ถึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เกิดอะไรขึ้นกับแอ็คชั่นหญิง“เล่นจริงเจ็บจริง”ที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองใหม่ จนจำแทบไม่ได้ JIJA สวัสดีค่ะจีจ้าเองนะคะ ดูแปลกตาใช่มั้ยค่ะ ไม่ชินล่ะสิ นี่คือลุคใหม่คะ เพราะว่าจ้ากำลังจะมี “จีจ้าดื้อสวยดุ” เป็นหนังเรื่องใหม่ เรื่องที่ 2 แล้วนะค่ะ ก็ถือได้ว่าเปลี่ยนแปลงจากเรื่องแรกโดยสิ้นเชิง คือถ้าเทียบกับช็อคโกแลต จะเป็นเด็กสาวใสๆใช่มั้ยคะ อายุประมาณ 16-17 จะไม่มีแต่งหน้าอะไรเลย แต่พอมาเรื่องนี้ “จีจ้า ดื้อสวยดุ” มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ทรงผม การแต่งหน้าแต่งตัวทุกอย่าง คือจะมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น อย่างทรงผมกว่าจะมาลงตัวที่ทรงนี้ ก็ต้องมีการเตรียมงานเป็นเดือนๆเลือกว่าทรงไหนที่จะเหมาะกับจ้าที่สุด มีการไปฟิตติ้งด้วยนะคะ ลองมิกซ์สีนั้นสีนี้ สีแดง สีทอง ก็ลองมาหมดแล้ว จนสรุปที่ทรงนี้ที่จ้าว่ามันเหมาะกับเราที่สุดแล้ว ตอนแรกที่ตัดมาจะยาวกว่านี้นิดนึงคล้ายๆบ็อบเท แต่ว่าข้างในจะเป็นอันเดอร์คัตไถข้างออกอย่างเนี้ยะค่ะ ยังรู้สึกว่ามันยังยาวอยู่ จีจ้าเป็นคนผมหนาก็เลยต้องพยายามซอยไล่ๆออกมาเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยะล่ะค่ะ ซึ่งก็ค่อนข้างสะดวก กะทัดรัด มันทะมัดทะแมงเวลาที่ต้องเล่นแอ็คชั่น ไม่ทราบว่าเป็นความมันของตัวเองหรือเปล่า ก็เลยเชียร์พี่ที่เขาตัดให้ค่ะ ไถอีกๆ จนมันกุดเหลือแค่นี้ค่ะ และมีไฮไลท์ด้วย คือทำสีให้ผมอ่อนลงเพื่อให้ดูเป็นวัยรุ่นทันสมัยในยุคนี้มากขึ้นค่ะ หรืออย่างการแต่งหน้าก็จะเห็นเลยว่าเป็นคนแต่งจัด หรืออย่างเรื่องทรงผมเพื่อที่จะบอกให้คนดูรู้ว่าคาแรคเตอร์ของตัวดื้อเองในเรื่องจะเป็นวัยรุ่นที่ค้นหาตัวเอง ว่าอันไหนที่เหมาะกับตัวเอง ก็จะหา และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่งหน้า เสื้อผ้าก็จะตามเทรนด์ ตามกระแสวัยรุ่นไป ก็จะเป็นประเภทนี้ เล่นดนตรีก็จะเปลี่ยนวงบ่อย เพื่อจะค้นหาเพื่อน เพื่อค้นหามิตรภาพที่แท้จริง หรืออยากได้รับการยอมรับ เขาก็จะเปลี่ยนๆๆชีวิตเขาไปเรื่อยๆ อย่างอันนี้เริ่มไม่ใช่ละ เขาก็จะเปลี่ยน Q.เห็นบอกว่าในหนังเรื่องนี้ต้องออกมาในแนวของสาวร็อคด้วย JIJA ในเรื่อง จีจ้าดื้อสวยดุ ก็จะเล่นเป็นดื้อ เป็นนักดนตรี เป็นมือกลองประจำวง เพราะฉะนั้นในเรื่องจ้าก็ต้องมีเล่นดนตรี ต้องมีการตีกลองซึ่งชีวิตจริงๆจ้าไม่เคย บอกตรงๆว่าเล่นไม่เป็น ไม่เคยเล่นมาก่อนพี่เขาก็สอนให้ตีเป็นท่อนๆ แล้วก็ให้จ้าตีๆๆ อยู่อย่างนั้น ตีไปเรื่อยๆแล้วพอถึงเวลาถ่ายจริงพี่เขาก็เปิดเพลงคลอไปทั้งเพลง แล้วก็ให้จ้าหาจังหวะตีให้ได้ ตีให้ลงให้ได้ๆว่าจะลงอย่างไร แล้วต้องโยกหัวๆด้วย แล้วไอ้เท้าต้องขยับ มันทำให้จ้ารู้ว่า ไม่ว่าจะแอ็คชั่นหรือดนตรีทุกอย่างมันต้องมีการฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาเหมือนจ้าหรือการเล่นดนตรีใดๆก็ตามมันต้องมีการฝึกฝนเอาใจใส่ แน่นอนเลยค่ะ มันถึงจะออกมาได้ดี Q.เมื่อเทียบกับบทเด็กออทิสติกที่ได้รับในช็อคโกแลตถือว่าเปลี่ยนแปลงไปเลยไหม JIJA ถ้าเป็นเรื่องของบทบาทการแสดงถือว่าเปลี่ยนแปลง สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากขึ้น เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของทุกๆคน มีเรื่องประเด็นความรัก เรื่องการแอบชอบ การตกหลุมรักไปจนถึงการที่ต้องเสียสละเรื่องความรัก ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ แต่สำหรับจ้าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะอย่างเรื่องที่แล้วคือเซนรักแม่ มันคือความรักของลูกที่มีต่อแม่ แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราทุกคนสัมผัสได้ง่ายๆอยู่แล้ว ดูเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัวก็จริง แต่มันยาก ต้องแอบรัก อย่างจ้าต้องแอบรักคาซู(พระเอกคนแรกของจ้า สัญชาติฝรั่งเศสเวียดนามมีความสามารถใน MARTIAL TRICKZ) ดื้อต้องแอบรักคาซูที่เล่นเป็นสนิม จริงๆแล้วหลักๆก็คือจ้าเขินละ(หัวเราะ) พอบอกว่าเรากำลังทำหนังแอ็คชั่นโรแมนติค แอ็คชั่นไม่เท่าไหร่สู้ตาย พอได้ยินคำว่าโรแมนติคปุ๊บ เราไม่แน่ใจ รู้สึกว่าเอ๊ะใช่เหรอ แล้วต้องมีเล่นสบตากับคาซู เราก็จะมีเขินๆกันเองค่ะ แต่เพราะด้วยความที่รู้จักและคุ้นเคยกันมาหลายปีแล้ว เพราะคาซูเขาเดินทางจากฝรั่งเศสมาเก็บตัวอยู่ที่เมืองไทยประมาณ4ปีแล้ว เรารู้สึกว่าเราเดินเจอเขาทุกวัน เราเห็นเขาทุกวัน ก็ชินแล้วนะ แต่ก็ยังมีเขินๆกันบ้าง ปกติการซ้อมก็มีการแตะตัวๆ มันก็โอเค มันยังอยู่ในขั้นตอนการซ้อม แต่พอเข้าบทปุ๊บ นั่งมองหน้ากัน ก็นั่งหัวเราะกัน มีการหลุดกัน มันไม่ชิน เพราะว่าเหมือนเป็นพี่น้องไปแล้ว เป็นเพื่อนไปแล้ว แล้วต้องมานั่งรักกันกับเธอนะ (หัวเราะ)แต่กับคาซูก็ยังโอเค ยังกอดคอไปไหนได้ อาจจะเขินกันช่วงแรกที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน มองตากัน แต่พออารมณ์มันดึงไปแล้ว เราก็จะไปลื่นๆของเราค่ะ Q.ดื้อสวยดุเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร JIJA เป็นเรื่องราวของดื้อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 20 กว่าๆ ที่เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่อยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง โหยหาเพื่อน อยากได้มิตรภาพ ต้องการความรัก ความเข้าใจจากคนรอบข้าง แต่ดื้อไม่เคยสมหวังในความรัก ไม่เคยรู้จักรักแท้ จนกระทั่งเขาได้เจอสนิม ผู้ชายคนหนึ่งที่สอนให้ดื้อได้รู้จักโลก รู้จักคำว่ามิตรภาพ เพื่อนแท้ ทุกอย่างเลย รวมทั้งเป็นคนที่สอนให้รู้จักการต่อสู้ และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ดื้อเข้าใจความหมายของคำว่ารักแท้ Q.เป็นหนังแอ็คชั่นโรแมนติคที่มีเรื่องราวของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างนี้จีจ้าต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมด้วยไหม JIJA ในเรื่องนี้มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่เราเหงาเศร้า อยู่คนเดียว คิดคนเดียว ต้องการความรัก ต้องการให้มีคนมาห่วงใย หรือจะมีอารมณ์เล่นระหว่างเพื่อน ทุกอย่าง เป็นผู้หญิงสาวปกติธรรมดาทั่วไปเลย รัก โลภ โกรธ หลง หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองมากกว่าปกตินิดนึง ตรงนี้เราต้องเรียนการแสดงกับครูเงาะ ทุกคนเลย จ้า คาซู และเพื่อนๆ3-4คนที่เหลืออยู่ต้องเรียนการแสดงเพิ่มเติม ต้องเข้าเป็นกลุ่มกัน ทีแรกทุกคนยังไม่ชินกัน ยังเล่นขัดๆเขินๆ แต่พอสักพักหนึ่ง ไปๆมาๆพอเราเล่นแอ็คชั่นด้วยกันทุกวัน4-5-6 คน เราเริ่มผูกผันกันละ เราเริ่มรู้จักกัน เริ่มรู้จักข้อมูลของกันและกัน รู้จักนิสัยใจคอกัน รู้ว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร พออยู่ในเรื่องทุกคนเริ่มค่อนข้างเป็นตัวเองเยอะ ซึ่งในความเป็นตัวเองนั่นแหละ คือเสน่ห์ที่ผู้กำกับต้องการให้ทุกคนมาใส่ลงในตัวละคร ซึ่งแต่ละคนก็จะมีบุคลิกที่แตกต่างกันไปเลย Q. ครั้งแรกพอรูปธีมหรือคอนเซ็ปท์ของเรื่องราวใน“จีจ้าดื้อสวยดุ” เป็นแอ็คชั่นโดยมีเรื่องราวของความรักมาเกี่ยวข้อง ตัวจีจ้าเองก่อนหน้าเคยผ่านผลงานแอ็คชั่นเรื่องแรกอย่างช็อคโกแลตมาแล้ว ซึ่งเราเป็นผู้หญิงด้วย ฟังคอนเซ็ปท์แล้วรู้สึกอย่างไร JIJA ตอนแรกเห็นบทก่อนเลย แอ็คชั่นเราไม่หนักใจ เพราะในส่วนแอ็คชั่นทุกอย่างมันมีขั้นตอน1-2-3-4-5 ของมันอยู่แล้ว เรามั่นใจในตัวทีมเรา มั่นใจในตัวพี่ๆทีมสตันท์ของเรา แต่พอมาเป็นเรื่องของแอ็คติ้งและการแสดง เรารู้สึกหนักใจว่าเราจะทำได้ไหม เพราะจริงๆแล้วตัวละครตัวนี้จ้าว่าเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิงอยู่ลึกๆข้างใน ซึ่งจ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น จ้ายอมรับว่าจ้าไม่ใช่คนสวย แล้วเราจะมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนรู้สึกคล้อยตามกับอารมณ์ของเราได้ไหม หรือความมีเสน่ห์ที่เราพยายามจะขุดจากก้นบึ้งของเราจะทำได้ไหม Q.แล้วจีจ้า ญาณินทำอย่างไร มีวิธีการรับมือกับโจทย์ที่สำคัญโจทย์นี้อย่างไร JIJA ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่าดื้อสวยดุ ดื้อ...สวย...ดุ ตัวเรามีความดื้ออยู่แล้ว พอเป็นสวยปุ๊บ...ตาย เราก็พยายามจะเบี่ยงประเด็นว่าสวยเหรอ ก็เป็นท่าแอ็คชั่นสวยแล้วกันนะ(หัวเราะ) สวย...เออสวยได้ไหม ตัวจ้าตัดสินใจเองไม่ได้ แล้วหนักใจมากพี่เชนทร์บอกว่าพี่อยากให้ดื้อเป็นผู้หญิงที่สวย มีเสน่ห์ ดูน่ารักๆ อะไรอย่างเนี่ยะ จ้าทำได้ไหม จ้าบอกว่าทำยากนะพี่ ความมีเสน่ห์น่ารัก ที่สัมผัสได้ คือตัวจ้าอย่างที่บอก จ้าไม่มั่นใจในตัวเองในเรื่องอันนี้อันเดียวเลยนะ แล้วพอรวมไปถึงเสน่ห์ของการเล่นที่เราจะต้องแบบว่า...(หยุดคิด) ต้องสวย ต้องน่ารัก มันก็.... แต่ก็ยังดีที่ตัวฉันก็แค่แอบรักผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ต้องรักฉันตอบก็ได้นะ ในเรื่องจ้าจะรู้สึกดีตรงนี้ ทำให้จ้ารู้สึกว่าใจชื้นขึ้นมา บวกกับว่าเราได้เรียนกับครูเงาะด้วย ก็เสริมความมั่นใจให้เรามากขึ้นๆๆด้วยค่ะ ซึ่งก็เป็นที่มาของการเวิร์คช็อพแอ็คติ้งประมาณ10ครั้งๆละ2-3ชั่วโมง โดยเรียนร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ครูเงาะจะเน้นในเรื่องของอารมณ์ อารมณ์จริงๆเลย ดึงอารมณ์ของเราออกมา จำลอง สร้างสถานการณ์ออกมา แล้วให้เราทำ ณ ช่วงเวลาของอารมณ์ในสถานการณ์นั้นๆ โดยครูเงาะจะเลือกเฉพาะช่วงบทที่สำคัญๆที่สุด แล้วจำลองให้ทุกคนลองเล่นดู แต่ตอนแรกๆยังไม่ให้เจอกัน ตอนแรกๆจะให้เล่นกับคาซู แบ่งคลาสกัน แล้วไอ้เพื่อนๆของเราที่เล่นด้วยกันอีก3คน(หนุ่ย-เฮด-โอมาน3นักเต้นบีบอยระดับประเทศที่ต้องนำเสนอรูปแบบการต่อสู้ที่เป็นB-BOY MARTIAL ARVรับบทเป็นขี้หมู,ขี้หมา,ขี้ควาย)ก็จะเรียนอีกคลาสหนึ่ง แล้วเราอีกคลาสหนึ่ง ตัวแสดงคนอื่นๆก็อีกคลาสหนึ่ง แล้วถึงค่อยจับมารวมกัน พอจับมารวมกันปุ๊บ ก็ต้องมีดีลบทร่วมกันละ ก็ต้องส่งอารมณ์ๆรับอารมณ์ๆ รับส่งอารมณ์กันไปมา อยู่อย่างเนี่ยะ คือทำให้เรารู้สึกว่า พอเราค่อยๆเรียนรู้ ซึมซับ เราก็เริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้น ว่าเราเป็นไอ้ดื้อมากขึ้นนะ คาซูเริ่มเป็นสนิมมากขึ้นนะ หมูหมาควายเริ่มเป็นหมูหมาควายมากขึ้นนะ 3คน คือทุกอย่างเป็นการที่ครูค่อยๆจับเราสวมๆๆลงไป เริ่มเข้าใจจิตใจของตัวละครนั้น Q.ลองยกตัวอย่างซีนที่ต้องแสดงออกทางอารมณ์ผ่านการเวิร์คช็อพให้ฟัง JIJA ก็ในเรื่องนี้ดื้อจะเป็นตัวเอกที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว โหยหาความรัก ต้องการเป็นที่ยอมรับ ต้องการความรักจากผู้อื่น แล้วเคยผ่านการสูญเสียมาแล้ว ดื้อเคยสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือคุณพ่อ เหลือแต่คุณแม่ที่ไม่เคยมาเหลียวแลเขาเลย จนกระทั่งเขาได้มาพบกับเพื่อนๆ แล้วมันได้เกิดความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ไปอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เขารู้สึกว่าทั้งๆที่เขาจับได้แล้ว เขาจับได้ฟางเส้นนี้แล้ว เขากำลังอบอุ่นแล้ว มันหลุดไปอีกครั้งหนึ่ง มันหลุดไปต่อหน้าต่อตาทั้งๆที่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ ในฉากนี้เป็นฉากที่ไคล์แม็กซ์สุดๆ ซึ่งดื้อต้องร้องไห้เยอะมาก แล้วตัวจ้าจะต้องรู้สึกสูญเสีย คำว่าสูญเสียเนี่ยะมันร้ายแรงมากนะ สำหรับคนเราทุกคน คือคำว่าสูญเสียคำเดียวบอกได้เลย ให้คำจำกัดความง่ายๆเลย เห็นภาพได้เลย เพราะฉะนั้นบวกกับเวลาในการทำอารมณ์ในฉาก เราจะให้ทุกอย่างรอเราคนเดียวไม่ได้ เราต้องRUN อารมณ์ให้เร็วที่สุด ตั้งสมาธิให้ดีที่สุด แล้วปล่อยโฮเลย ทุกอย่าง ฉันถูกทอดทิ้งแล้ว สำหรับจ้าแล้วมันเป็นเรื่องยากนะ มันยากมาก แล้วจ้ากลัวว่าความมั่นใจจ้ามีไม่มาก จ้าไม่รู้ว่าจ้าจะทำอะไรได้เท่าไหน ได้ไหม แต่สุดท้ายแล้วเต็มที่ ณ ตอนนี้ มันน่าจะรู้สึกแบบนี้แหละ มันเป็นแบบนี้แน่ๆ ความสูญเสีย เพราะจ้าคิดว่าการแสดงมาจากชีวิตจริงๆ และในชีวิตจริงจ้าเคยผ่านความสูญเสียมาแล้ว ครั้งสำคัญๆคือมีอยู่ประมาณครั้งสองครั้ง และจ้าคิดว่าเราจะดึงอารมณ์ตรงนั้นมาใช้ แต่เราจะไม่เอาเหตุการณ์จริงของเรามาใช้ แต่เราจะคิดแบบตัวละครตัวนั้น โดยเราจะยืมจากอารมณ์ของชีวิตจริงของเรามาใช้ Q. ฟังดูแล้ว “ดื้อสวยดุ” น่าจะเป็นหนังแอ็คชั่นโรแมนติคที่เข้มข้นทางอารมณ์เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกทางความรู้สึกและอารมณ์ของบทบาทและตัวละครที่จีจ้าต้องถ่ายทอด แล้วในส่วนของความเป็นแอ็คชั่นผู้หญิงในโปรเจ็คต์ที่2นี้ เราจะได้เห็นถึงพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ว่ากันว่านี่คือความแปลกใหม่ของภาพยนตร์แอ็คชั่นผู้หญิงที่พูดได้ว่าน่าจับตามองที่สุด JIJA สำหรับเรื่องที่ 2แล้ว นอกเหนือจากบทบาทการแสดง แอ็คชั่นก็เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แอ็คชั่นที่ดูแปลกตา แอ็คชั่นที่มีความแปลกใหม่ในการดีไซน์มากขึ้น เริ่มจากระยะเวลาก่อน คือระยะเวลาในการทำหนังเรื่องที่ 2 จะสั้นลงเยอะ เพราะเนื่องจากว่าตัวจ้ามีพื้นฐานมาจากเมื่อ4ปีที่แล้ว รวมกับประสบการณ์ตอนทำหนังแอ็คชั่นเรื่องแรกอย่างช็อคโกแลตที่ใช้เวลาถ่ายทำถึง2ปีเต็ม ทำให้ระยะเวลาในการเตรียมงานของเรื่องที่2กระชับขึ้น โดยใช้เวลาในการถ่ายทำประมาณครึ่งปีค่ะ รวมทั้งการออกแบบดีไซน์ แอ็คชั่นด้วย สำหรับคิวแอ็คชั่นที่บอกว่าดูแปลกตาก็คือ อันแรกแน่นอนว่าเป็นผู้หญิงเล่น แต่ผู้หญิงจะเล่นแอ็คชั่นอะไร ก็คือเล่นแอ็คชั่นที่เหมือนมีการนำเอาทักษะของการเต้นรำ ,ลีลาศและไอซ์สเก็ต มาผสมกับการเล่นแอ็คชั่นที่เป็นแอ็คชั่นคู่กับคาซู ซึ่งดูเหมือนกับเป็นการต่อสู้แบบเต้นรำ และเป็นการต่อสู้แบบเมรัยยุทธด้วย สำหรับในเรื่องที่2ก็ไม่ได้มีแค่จ้าคนเดียวที่จะมีแอ็คชั่นแปลกตาแปลกใหม่มากขึ้น ก็จะมีการนำเอาท่วงท่าต่างๆของบีบอยมาผสมกับท่าแอ็คชั่น แล้วก็จะมีการนำเอาบีบอยมาเล่นอย่างไรกับการต่อสู้ แล้วก็มี MARTIAL TRICKZ ซึ่งคาซูจะเล่น เป็นความสามารถเฉพาะตัวของเขา ซึ่งก็จะมีการผสมผสานระหว่าง คาโปเอร่า,เทควันโด้,คาราเต้,ยิมนาสติก,บีบอย และฟรีรันนิ่งเข้ามาผสมด้วย ก็จะมีการต่อสู้หลากหลายให้เล่น แล้วก็จะมีฮองนีนักแสดงจากต่างชาติที่เป็นเหมือนแชมป์กังฟูชาวฝรั่งเศสเวียดนาม และก็มีนักแสดงหลากหลายที่มีสีสันมากมาย แล้วก็จะมีพี่ซิง รุ้งตะวัน จินดา ซิง ซึ่งเป็นนักกล้าม เป็นBODY BUILDING (แชมป์เพาะกายหญิงแห่งเอเชียแปซิฟิก) ที่แข็งแรงมากๆ แล้วก็เป็นคู่ปรับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากๆของจ้าด้วย แล้วก็จะมีนักแสดงสามคนที่มาเล่นเป็นขี้หมูขี้หมาขี้ควายซึ่งเป็นแชมป์บีบอยด้วย อยากให้ทุกคนได้ดูกันว่าB-BOY MARTIAL ART เป็นอย่างไร ทั้งหมดแล้วก็คือจะมีความแปลกใหม่มากขึ้นค่ะ เพราะแต่ละคนที่พี่ท็อปวีระพล ภูมาตย์ฝน ผกก.และออกแบบคิวบู๊เรื่องดื้อสวยดุเลือกมาเล่น ทุกคนก็จะมีความสามารถและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แล้วพี่ท็อปก็จะดึงความสามารถของแต่ละคนออกมาให้มาต่อสู้กันด้วยศิลปการต่อสู้หลากหลายแบบที่ดูขัดแย้งกันก็มี อย่างเช่นเมรัยยุทธ ต่อสู้กับมวยจีน กังฟูเป็นอย่างไร ก็คืออยากๆให้มาชมกัน Q. เมื่อรู้ว่ารูปแบบของแอ็คชั่นที่จะนำเสนอออกมาในภาพยนตร์เรื่องที่2มีความแปลกใหม่ในการนำเสนอลักษณะนี้ จีจ้าต้องมีการไปเรียนหรือทำเวิร์คช็อพทางด้านแอ็คชั่นเพิ่มเติมด้วยรึเปล่า JIJA นอกจากเรียนแอ็คติ้งแล้วนะค่ะ ช่วงที่จ้าหายไปหลังจากช็อคโกแลต ที่หลายคนอาจจะหาว่าจีจ้าหายไปไหน ตามขั้นตอนของหนังแอ็คชั่นแล้ว สำหรับคนที่เล่นแอ็คชั่น เป็นปกติค่ะ ไม่ได้หายไปไหน ที่เงียบๆไป หลังจากที่เสร็จจากช็อคโกแลตแล้ว ก็จะมีการเดินสายโปรโมท แล้วก็มีโปรเจ็คต์เรื่องที่2ต่อเลย ก็จะมีการเก็บตัวสำหรับโปรเจ็คต์เรื่องที่2ต่อ แต่ในระหว่างนั้นก็มีไปโปรโมทที่ต่างประเทศต่ออย่างเช่น ไปฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่นที่ผ่านมา และไม่นานนี้ก็อาจจะต้องไปที่ฟิลิปปินส์ก็คือยังมีโปรโมทช็อคโกแลตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วก็มีการโปรโมทเรื่องที่2ดื้อสวยดุที่กำลังจะเข้าฉายในบ้านเราต่อด้วย จริงๆแล้วก็ไม่ได้หายไปไหนเลยก็คือมีการเก็บตัวฝึกสำหรับหนังเรื่องที่2อยู่ อย่างพอได้โจทย์มา รู้แล้วว่าเราจะเล่นอะไร พี่ๆก็เริ่มให้เราเริ่มศึกษา หาตัวอย่างมาดูละ อย่างเมรัยยุทธ เวลาเขาเล่นหมัดเมาเขาเล่นอย่างไร แต่เราจะไม่เล่นเหมือนเขา เราเป็นมวยไทย เราก็จะมีเอกลักษณ์ของเราเอง เพราะฉะนั้นที่บอกว่ามีความแปลกตาไป สำหรับเมรัยยุทธก็คือจ้าเป็นคนเล่น ก็อยากให้มาดูความแปลกใหม่ตรงนี้ว่าถ้าต่อสู้แบบเมรัยยุทธด้วยมวยไทยจะเป็นอย่างไร หรือพอรู้แล้วว่าตัวหนังของเราอยู่ภายใต้คอนเซ็ปท์ของการเต้นและต่อสู้ด้วย ตอนแรกก็อาจยังจับทางอยู่ว่าจะให้จ้าทำอะไร พี่ๆเขาก็เลยส่งให้จ้าไปปูพื้นฐานด้วยการเรียนเต้นบีบอยก่อนประมาณเดือนสองเดือน คือเรียนตรงนี้คือเพื่อให้รู้พื้นฐานของท่าให้ถูกต้องของบีบอยว่าเขาเป็นอย่างไร เขาเต้นอย่างไร ท่าทาง การขยับบอดี้เป็นอย่างไร ครูที่มาสอนมีชื่อว่าครูชิน แล้วครูชินเขาก็แยกให้ดูว่าอันนี้คืออะไร อันไหนคือครัมปิ้ง อันไหนคือป๊อปปิ๊น อันไหนคือบีบอย อันไหนคือเบรกแดนซ์ เอาวิดีโอมาเปิดให้ดูเลยว่าอะไรคืออะไร แล้วที่เหลือก็เป็นการซ้อม ที่นี้ก็มาถึงเรื่องของแอ็คชั่น ก็คือจะมีการจับทาง เหมือนกันว่า พอเริ่มเต้นท่านี้ได้ เต้นเบสิกนี้ได้ ลองเอาท่าหมุนอันนี้มาผสมกับท่านี้ดูดีไหม ท่านั้นมาผสมกับท่านี้ไหม ลองคิดดีไซน์เลย อย่างเช่น สมมติถ้าเราเตะปุ๊บ เราลงไปแล้วหมุนท่าซิกส์สเต็ปหรือหมุนทรีสเต็ปหรือไม่ว่าจะเป็นจังหวะใดๆของบีบอยก็ตาม ลองเอามามิกซ์ๆกันดูเหมือนกับว่าถ้าเราผสมผสานกันดีๆ ทุกจังหวะของการเต้นมาผสมผสานกับการต่อสู้มันจะกลายมาเป็นท่าของการต่อสู้ได้หลายๆท่าเลยค่ะ อย่างบางท่าเราก็จะมีลักษณะของคล้ายๆการเต้นลีลาศ หรือเหมือนเป็นการเล่นไอซ์สเก็ตน้ำแข็งที่จ้าต้องเล่นคู่กับคาซู ให้กลายมาเป็นท่าต่อสู้ที่เน้นความรุนแรงและความสวยงาม แต่มี ประสิทธิภาพ ที่ใช้ได้จริง ต้องเป็นท่าต่อสู้ได้จริง เราคิดกันเยะอถึงขั้นที่ว่า แม้แต่กระทั่งพี่ท็อปที่เป็นผกก.คิวบู๊ ดูวีซีดีกายกรรม และก็จับท่า ดึงท่าออกมาว่าท่านี้เราน่าจะเล่นได้นะ โดยพี่ท็อปต้องทำออกมา ต้องดีไซน์ออกมาให้ได้มีประสิทธิภาพที่สุด และได้ดีที่สุด เพื่อที่นักแสดงจะต้องมีเวลาซ้อมและทำออกมาให้ได้ดีที่สุด ซึ่งในเรื่องนี้พูดได้ว่าตัวพี่ท็อปเองทำงานหนักมาก Q.จีจ้าบอกว่า กายกรรม และการเต้นรำ ถูกถ่ายทอดออกมาในแอ็คชั่นของหนังเรื่องนี้ด้วย JIJA ใช่แล้วค่ะทั้งกายกรรม การเต้นรำ และการต่อสู้ และอีกหลายๆอย่างรวมๆกันอยู่ค่ะ แล้วถูกถ่ายทอดและนำเสนอออกมาในหนังเรื่องนี้ โดยเป็นแอ็คชั่นดีไซน์เลย Q. สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน หรือคนที่ไม่เคยทำ ถามจริงๆว่ามันยากไหมในการที่จะต้องนำเอาสิ่งต่างๆเหล่านี้มารวมกัน ไหนจะต้องโฟกัสในส่วนของเรื่องการแสดง แล้วต้องเรียนรู้ที่จะรับคิวแอ็คชั่นที่ดีไซน์ขึ้นใหม่ด้วย JIJA ยากค่ะ แล้วยิ่งสโคปในการทำงานของเรื่องที่2 เราใช้เวลาที่สั้นกว่าตอนทำช็อคโกแลตเยอะ อย่างน้อยต้องมีประสบการณ์หรือจะต้องมีร่างกายที่พร้อมนิดนึง อย่างของจ้าพอรู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีการเต้นด้วย แล้วมันเป็นทั้งเต้นทั้งแอ็คชั่นด้วย ต้องใช้กล้ามเนื้อขาและแขนให้แข็งแรงมากขึ้น ตัวจ้ายังไม่เท่าไหร่ แต่ตัวคาซูจะต้องแข็งแรงมาก เพราะคาซูเขาจะต้องแบกรับน้ำหนักจ้าทั้งตัวและต้องเซฟจ้าไปในตัวด้วย คือจ้าจะเจ็บไม่ได้ รวมทั้งนักแสดงคนอื่นก็จะเจ็บไม่ได้ เพราะถ้าเจ็บปุ๊บจะเล่นต่อไม่ได้ คือทุกคนต้องแข็งแรง แล้วก็อย่างที่บอก คืออย่างพอมีการเต้นปุ๊บ คาซูต้องแบกจ้า อย่างสมมติเล่นๆจังหวะหนึ่ง คาซูต้องแบกจ้าทันที คาซูต้องแข็งแรงมากๆ ตัวจ้าเองต้องแข็งแรงด้วย ต้องเกร็งให้อยู่ ต้องอยู่ให้ได้ ต้องบาลานซ์ อย่างในหนังคาซูเขาต้องมีการแบกจ้าหรือหิ้วจ้าขึ้นมาซึ่งจริงๆคือ สมมติพอมีการแบกขึ้นไหล่ปุ๊บ เขาต้องใช้ตัวจ้าเป็นอาวุธได้ด้วย ไม่ใช่แบกแล้ววิ่งหนี จริงๆมันเป็นการสอดประสานลีลาท่าทางให้เล่นแอ็คชั่นให้สวยสมบูรณ์ อย่างที่ถามว่าคนธรรมดาเล่นได้ไหม เล่นได้แต่ต้องให้เขาฝึกกล้ามเนื้อนิดนึง เพราะไม่ว่าจะเล่นกีฬาใดๆก็ตาม คนเราต้องมีกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อต้องพร้อมทุกอย่างค่ะ คืออย่างจ้าเนี้ยะบางทีไม่พร้อมก็ต้องพร้อมนะ เพราะกำหนดการเวลามันมาแล้ว เพราะฉะนั้น เราต้องคอยบริหารร่างกายเรา กล้ามเนื้อขาต้องแข็งแรง กล้ามเนื้อแขนต้องแข็งแรงอย่างจ้าเองยอมรับเลยว่ากล้ามเนื้อแขนไม่แข็งแรง ก็ต้องฟิตขึ้นให้มากกว่านี้อีก แล้วถ้าพักผ่อนน้อยกล้ามเนื้อก็จะขึ้นยาก Q. หนังเรื่องที่2ชื่อ จีจ้า ดื้อสวยดุ อยากให้ขยายในส่วนตรงนี้ในความเป็น จีจ้าว่า ดื้อ สวย และดุ อย่างไรรวมไปถึงเราจะได้เห็นพัฒนาการในตัวของแอ็คชั่นหญิงอย่างจีจ้า ญาณินอย่างไรบ้าง JIJA ค่ะอย่างคำว่าดื้อ อันนี้ยอมรับทั้งตัวละครและตัวจริงที่แอบค่อนข้างดื้อ ดุ นี่ต้องมีอยู่แล้วเพราะเราเล่นแอ็คชั่นก็ต้องมีบู๊ แต่สวยนี่ไม่มั่นใจเลย ไม่น่าจะใช่(หัวเราะ) คำว่าสวย ถ้าจะให้จ้าคิด(หัวเราะ) ก็.....ก็คำว่าสวยจริงๆแล้วคงมาเน้นในด้านท่าของแอ็คชั่น เพราะว่าในเรื่องจะมีการเล่นแอ็คชั่นสวยเยอะแต่ว่าในความสวยมีความดุด้วย อย่างที่บอกว่าท่าสวยปุ๊บแต่ต้องแข็งแรงและกระทำได้จริง ถ้างั้นมันจะไม่เกิดความน่าเชื่อถือในการเล่นแอ็คชั่นขึ้น คนดูก็จะรู้สึกว่ามันไม่จริงรึเปล่า เขาเสียตังค์อยากดูเรื่องแอ็คชั่น แอ็คชั่นจริงๆนะ เราก็จะมานั่งคิดแล้วว่ามันมีโจทย์ไหนบ้างที่เราจะนำเสนอ สมมติคาซูเหวี่ยงจ้าไปทีหนึ่ง เราต้องกระทำคนที่บุกเข้ามาได้จริงๆ แล้วในหนังเรื่องนี้ความดื้อสวยดุจะมีพัฒนาการของตัวดื้อ ทั้งในเรื่องของการแสดงหมายถึงว่าในเรื่องของแอ็คติ๊ง คือดื้อจะเป็นเด็กนิสัยเด็กๆเลยคือเอาแต่ใจ ก้าวร้าว เจ้าอารมณ์นู้นนี่นั่น ฉันอยากได้อะไรฉันต้องได้ฉันไม่เข้าใจโลกทั้งสิ้น ทุกคนต้องเข้าใจฉัน เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ซึ่งพออยู่ไปเรื่อยๆ เขาได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น เขารู้จักความรัก เขารู้จักมิตรภาพที่แท้จริง เริ่มรู้สึกแบบว่ามีการเสียสละเริ่มโตขึ้นๆ อันนี้คือเป็นพัฒนาการด้านการแสดงด้านคาแรกเตอร์ในเรื่อง แต่พอมาถึงในเรื่องของแอ็คชั่นแล้ว ในเรื่องเราจะได้เห็นตัวดื้อตั้งแต่ไม่เป็นอะไรเลย เริ่มจากการฝึก ซึ่งไม่เก่งเลย มีเจ็บมีล้มมีอะไรหลายอย่าง ไม่ใช่ว่ามาถึงปุ๊บสู้ๆ สู้กัน คือเราจะเห็นตั้งแต่เขาไม่เป็นอะไรเลย จนเก่ง จนสุดท้ายคนดูจะได้เห็น ได้รู้ถึง จุดที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรักของเขาค่ะ Q.ความหลากหลายของแอ็คชั่นใน ดื้อสวยดุ JIJA พูดถึงความหลากหลาย รูปแบบและคาแรกเตอร์ของการต่อสู้ในเรื่องนี้ค่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะเครียดๆต่อสู้ๆ มันจะไม่ได้มีแค่อย่างเดียว อย่างเช่นรูปแบบของการต่อสู้ในช่วงแรกจะเป็นการต่อสู้แบบทะเล้นไม่ซีเรียสไม่เครียดมาก แล้วมียิ้มมีสนุกสนานนิดหน่อย ไปจนถึงการต่อสู้ที่ค่อนข้างเคร่งขรึมดุดัน เครียดกับการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน จะมีหลายระดับๆให้ดูมีความหลากหลายนะค่ะ คนดูน่าจะรู้สึกว่ามันไม่จำเจ Q.โลเกชั่นอุปสรรคสำคัญในการเล่นแอ็คชั่น JIJA โอ้โห พูดถึงเรื่องโลเคชั่นที่ถือได้ว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการเล่นแอ็คชั่นซึ่งสามารถไล่อุปสรรคในแต่ละที่ได้เลยนะ คือในการทำงานต้องมีอุปสรรคอยู่แล้วค่ะ มีทุกที่ซึ่งถือว่าเป็นปกติของการทำหนังแอ็คชั่นเลยนะ บางอันก็ต้องปรับตัวกับมันไป อย่างเช่นต่อสู้ใต้ท้องเรือที่เรือขนสินค้าลำใหญ่ๆที่เก่าจริงๆ แล้วข้าง ในไม่ใช่ฝุ่นธรรมดา เราต้องลงไปถ่ายใต้ท้องเรือที่เป็นฝุ่นสนิมเลย สนิมเป็นสนิม รวมกับฝุ่นม็อคอัพที่ทางทีมงานเราโรยกันเองด้วย ทุกอย่างก็จะปนๆกันไป แล้วฝุ่นสนิมทำให้หายใจลำบาก ค่อนข้างหนัก แล้วจ้าเป็นคนที่ยืนเล่นตรงกลางจะใส่หน้ากากไม่ได้ อย่างทีมงานพี่เขาก็จะได้ใส่หน้ากากกัน ยอมรับว่าเหนื่อย หายใจเข้าเยอะกว่าคนอื่น จนรู้สึกว่าหายใจไม่ได้ ตอนที่อยู่ใต้ท้องเรือ หายใจยาก แล้วเรารู้สึกไม่ไหวแล้ว เราต้องขอพักนิดหนึ่ง เบรค ขอปีนบันไดขึ้นจากท้องเรือ เพื่อไปหายใจข้างบน พอหายใจเสร็จปุ๊บก็ต้องมุดกลับมาใหม่ค่ะ จะเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆช่วงที่ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นประมาณอาทิตย์หนึ่ง แต่ก็สนุกค่ะ ดูในหนังจริงๆแล้วอาจจะประมาณนาทีครึ่งสองนาทีเองไม่เกินนี้ แต่ก็รู้สึกว่าคุ้มค่านะค่ะ เวลาที่เห็นผลงานของเราเห็นหนังของเราตัดออกมาใช้เวลานานก็เถอะตัดออกมาแค่เนี่ยะ เราเห็นแล้วเราชื่นใจเราเห็นแล้วเราภูมิใจ ดีใจที่แบบเสร็จไปอีกฉากหนึ่งแล้วนะ มันก้าวข้ามมาสเต็ปที่หนึ่งที่สองแล้วนะ ไปถึงสิบแล้วนะ ก็คือพี่เขาต้องมีหน่วยพยาบาลเตรียมถังอ๊อกซิเจนไว้ เพื่อให้นักแสดงแต่ละคนไม่ใช่จ้าคนเดียวนะค่ะ ทั้งสตั้นท์หรือตัวแสดงอื่นๆ ทีมงานก็เตรียมไว้เพื่อความปลอดภัยที่สุดค่ะ โลเกชั่นต่อไปนะค่ะที่ทะเลประจวบ ตอนแรกก็ถ่ายๆแถวๆริมทะเล ยังไม่เท่าไหร่ อุปสรรคแรกคืออากาศร้อน ร้อนมาก ถ่ายตั้งแต่แดดออกยันแดดหมด ตั้งแต่หกโมงเช้าเจ็ดโมงเช้า เริ่มลงไปแช่น้ำทะเลละ ตอนแรกก็ เราคงแอ็คชั่นริมๆทะเล แต่นี่ไม่ เริ่มขยับลงไปในน้ำๆๆ คือร้อนร้อนแล้วย้ายมาเล่นในทะเล พอตัวเราแช่อยู่ในทะเล เล่นแอ็คชั่นไปเรื่อยๆๆ เริ่มแล้ว มันหนาวแบบสั่นเลย สั่นข้างใน แล้วแบบสมองมันไม่สั่งการแล้วค่ะ เหนื่อยด้วยเพราะว่าเราถ่ายแอ็คชั่นติดกันหลายวัน ด้วยการที่เราไปกันเป็นอาทิตย์ ถ่ายปุ๊บเหนื่อยหนาวร้อนตะคิวกิน อยู่ดีๆหนาวจนตะคิวกินกินมือกินเท้า ก็ต้องพัก พอพักปุ๊บพี่เขาก็ต้องเอาถุงร้อนมาให้กอดไว้กันตัวเปียก ตัวกอดถุงร้อนแต่มีผ้าคลุมอีกทีหนึ่ง แล้วผ้าก็เปียก เพราะทะเลคลื่นแรงมาก เล่นค่อนข้างลำบากอุปสรรคหนึ่งเลยที่สำคัญ เล่นแอ็คชั่นเวลายกขาที พื้นทรายจะไม่แน่น อ่อนแล้วยวบ แล้วก็หอยแหลมค่ะ เปลือกหอยจะเยอะมากหอยแหลมๆแล้วทะเลที่เราไปถ่ายจะไม่มีคน ฉะนั้นเปลือกหอยปูเสฉวนจะค่อนข้างเยอะมีตำกันไปเยอะเหมือนกัน เวลาเล่น เล่นเท้าเปล่าด้วยค่ะใส่รองเท้าไปเล่นแล้วมันยาก เสื้อผ้าเปียกเนี่ยสำคัญมาก ติดตามตัวยกขาอะไรลำบากหมดค่ะ แต่ทุกอย่างเราต้องเล่นให้เหมือนไม่ มีอะไรเกิดขึ้นไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางเราได้ เล่นๆๆไปปุ๊บเสื้อขาดทุกตัวเพราะมันเปื่อยแช่น้ำทุกวัน แอ็คชั่นกัน มีดึง มีสู้ ก็ขาดค่ะ เปลี่ยนเสื้อกัน แล้วก็แบบหนักกางเกงที่ชุ่มน้ำ เล่นๆแล้วหลุด ต้องเอาเชือกผูกให้กระชับขึ้นไม่งั้นเดี๋ยวมันหลุดลงไป แต่ว่าสุดท้ายแล้วคืออุปสรรคที่เพิ่มเข้ามาอีกก็คือ พอล้มลงไปปุ๊บทรายเข้าตาและก็ยังต้องอดทนเล่นกันต่อไปทรายเข้าตาน้ำทะเลเข้าตาแสบมากและพอถูกเหวี่ยงลงพื้นลงไปในน้ำปุ๊บน้ำเข้าหูยังต้องเล่นกันต่อไป คือทุกอย่างในซีนนี้ล้วนเป็นอุปสรรคในการเล่นแอ็คชั่นเพราะมันเป็นทะเล แต่สุดท้ายแล้วคุ้มค่าไหม คุ้มค่า อยากให้จับตาดูฉากนี้ ภาพที่ออกมาอย่างที่บอกว่าโลเคชั่นมันสวยมาก แล้วเวลาแอ็คชั่นมันมีแบบน้ำกระจาย เวลาเตะเวลาต่อสู้ น้ำทะเลสาดขึ้นมา Q. ทราบมาว่าถึงขั้นผู้กำกับเข้าโรงพยาบาล JIJA ผู้กำกับเข้าโรงพยาบาลคือผู้กำกับแพ้แมลงเหมือนไรทะเลนะค่ะกัด ซึ่งจ้าก็โดนนะแต่แบบว่าน้อยกว่าคนอื่นเขาหน่อยเพราะว่าขยับตัวอยู่ตลอดเวลาและอยู่ในน้ำตลอดอยู่ในน้ำตั้งแต่แดดออกยันแดดหมดนะค่ะไรทะเลไม่กัดคนตัวเปียกเลยมันคงไปกัดเลือกกัดคนตัวแห้งๆ Q มีโลเคชั่นไหนในการเล่นแอ็คชั่นอีกไหมที่มันทรหดหรือที่ว่าสาหัส ยากมาก JIJA เป็นฉากเพาเวอร์สกิป เพาเวอร์สกิปที่เหมือนจะถ่ายในสนามกีฬาแห่งหนึ่งแต่ว่าเราเซ็ตขึ้นเป็นสวนสนุกร้าง ทีนี้คือความยากของมัน คือไอ้ดื้อเนี่ยะยังไม่เป็นวิชา แถมไม่มีสติ แถมยังต้องเป็นภาระให้คาซูเต็มๆ เป็นฉากที่เปิดตัวคาซูเลย โชว์ความสามารถ TRICKZ ของเขาเต็มที่ แล้วจ้าก็เป็นภาระเขา อุปสรรคของมันคือพื้นปูนโอบรอบทุกอย่างเป็นปูนอัฒจันทร์เป็นปูน แล้วร้อนระอุขึ้นมา ทุกอย่างระอุ แต่ที่สำคัญสุดในการเล่นคือเล่นกีฬากันตอนเที่ยง เราถ่ายแอ็คชั่นกันตอนเที่ยงๆบ่ายๆร้อนมากไปทะเลร้อนจริงแต่พื้นทรายยังพอแบบมีน้ำทะเล เป็นที่โล่งลมพัดเข้าพัดออกบ้าง แต่อันนี้คือไม่ คือไม่มีลมแล้วร้อนระอุ คือพื้นปูนสะท้อนขึ้นมาทำให้คาซูเขาค่อนข้างเล่นยากนิดนึง ส่วนจ้าก็จะไปเป็นอุปสรรคเขาเพิ่มไปเป็นก้อนอะไรให้เขาลากไปลากมายังงั้นอีก ก็ยากพอสมควรขนาดจ้ายังไม่ได้เล่นแอ็คชั่นในฉากนั้นนะค่ะจ้ายังรู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก ร้อนแล้วรู้สึกหมดแรง แล้วมีอีกฉากหนึ่งฉากที่หินที่สุด แม้กระทั่งเดินยังลำบากเลยคือฉากสะพานเชือก เป็นสะพานเชือกที่สูงเทียบเท่ากับตึกสองสามชั้น แล้วเป็นสะพานเชือกที่มันปุปะค่ะ เป็นไม้หักๆ เป็นสะพานไม้ที่เขาเอามาพาด พาดไม้เป็นร่องๆ ที่ว่าแค่เดินยังลำบาก คือหนึ่งมีช่อง สองคือสะพานโยกไปโยกมาแล้วเด้งขึ้นเด้งลงเด้งขึ้นเด้งลง เวลาเล่นแอ็คชั่นน้ำหนักน้อยกว่าเพื่อน คาซูกับพี่ซิง(ผู้ร้าย)อยู่บนสะพานเดียวกันกับจ้าทุกคนขยับตัวตึ้งตั้งตึ้งตั้ง เสร็จปุ๊บ ไอ้ความที่เราตัวเล็กสุดเราเหมือนถั่ว ถูกโยน ดึ้งๆ ดึ้งๆ อยู่งี้ เล่นแอ็คชั่นไม่ได้เพราะว่าพอจะเตะปุ๊บจังหวะพี่เขาขยับตัวกัน ขยับตัวปุ๊บสะพานมันขึ้นลงขึ้นลง ตัวจ้าบินเลย มันไม่ใช่ธรรมดามันโยนกับบินน่ะ มันอยู่บนความสูงด้วย อีกอย่างหนึ่งคือ พื้นไม้เป็นร่องๆ ยกขาเตะปุ๊บ มีอยู่ทีหนึ่งยกขาเตะปุ๊บขาร่วงไปหนึ่งข้าง ยกขาเตะสลับปุ๊บขาร่วงไปสองข้าง แล้วไม่ได้ใส่กระจับ ด้วยความที่เรายืนอยู่จุกมากอยู่ดีๆขาเราสลับขาปุ๊บแล้วพาดลงไป โอเคหลังจากที่เราร่วงไป ทุกคนก็จะงงว่าอยู่ดีๆจ้าเล่นคิวบู๊อยู่จ้าหายไปไหน คือจ้าร่วงไปแล้ว คือขาร่วงลงไปสองช่องแล้วขึ้นไม่ได้เพราะว่าช่องมันพอดีขา ต้องให้พี่ซิงมาหิ้วขึ้นไป คือคิวนั้นจะมีขาพลิกเยอะ ขาแพลงขาพลิกขาส้น อย่างที่บอกค่ะไม้มันเป็นร่องๆซี่ๆ มันเป็นอันตรายต่อการเล่นค่ะ เราหมุนเท้าปุ๊บเราหลุดออกจากบริเวณพื้นไม้แล้ว แล้วก็จะตกร่อง ตกร่องๆค่ะ เท้าก็จะเบี่ยงลงเบี่ยงลงๆค่อนข้างอันตราย แต่ต้องบอกว่าคิวสะพานไม้นี้เป็นคิวที่เล่นยากจริง แต่ว่ามีความหวือหวาและสวยงาม เป็นฉากที่ทุกคนค่อนข้างชอบเพราะมันเป็นฉากที่ตื่นเต้นและสวยงามด้วย เราคนเล่นเองเราๆยังรู้สึกชอบ พอเล่นแล้ว รู้สึกว่าฉากนี้เป็นฉากที่เราภูมิใจมากที่สุด เพราะมันเล่นยากมากๆ มีอุปสรรคเยอะ ตอนนั้นคือทุกคนเครียด มีความกดดันทุกคนจะโทษตัวเองเวลาเล่นช้า จริงๆแล้วมันอยู่ที่อุปสรรค ส่วนใหญ่เลยคือคิวเหล่าเนี่ยะถ้าไปเล่นบนพื้นมันอาจจะไม่กี่เทค แต่นี่คือเราเป็นสิบๆเทคเลย เพราะว่าเราต้องเล่นร่วมกัน ประสานกัน มีอุบัติเหตุมีอุปสรรคตลอดเวลาตกร่องกันตลอดเวลาค่ะ Q.เล่นแอ็คชั่นมาถึงเรื่องที่ 2 แล้วมีร่องรอยบาดแผลหรือบาดเจ็บจากการถ่ายทำบ้างไหม JIJA ชินแล้วค่ะ คือรอยช้ำรอยอะไร มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกวัน อันนี้คือหายแล้ว จางแล้ว ที่หายไปแล้วก็เยอะมาก ที่หน้าเต็มๆเลยก็มี แต่โชคดีที่หน้าแบบแผลถากหรือแผลอะไรของเรื่องนี้นะค่ะ ส่วนใหญ่โดนแล้วก็จะลอกออกเป็นวงกลมแดงๆเหมือนเป็นสเก็ดแผล อย่างบางคิวเหมือนเล่นคิวพลาดแล้วถูก เขาทับหรืออย่างไหล่ไปโดนเสื้อของนักแสดงที่ล้มทับฟาดพื้นถากไปปื๊ดแล้วแบบโอ๊ยมันแสบค่ะ คือตอนแรก มันแค่รู้สึกเหมือนช้ำๆ พออาบน้ำแล้วจะรู้สึกเหมือนโดนอะไรมาค่ะ ที่ตาบางทีถูกทับหรือถูกกระแทกไปจะมีปวด ส่วนใหญ่เกิดจากการกระแทกกันมากกว่าจะไม่ค่อยเกิดแผลในตัว แต่พวกรอยบวมรอยช้ำเขียวๆม่วงๆมีเหมือนเดิมตามแขนตามขาค่ะ อย่างอันนี้(เปิดโชว์ให้ดูที่ต้นแขนด้านใน)ธรรมดาเลย อันนี้คือแผลสุดท้ายก่อนปิดกล้องคือจะหายแล้ว หลายๆอันจำไม่ได้ค่ะมันเยอะคือตามหน้าตามขาอะไรอย่างเนี่ยะแต่ตอนนี้หายหมดแล้ว ยาทาก็หมดไปหลายหลอดนะเรื่องนี้ ถ้าเอาแผลที่เกิดจากการต่อสู้ก่อนโดนเตะโดนต่อย เราเป็นผู้หญิง แล้วนักแสดงชายหรือว่าจะเป็นพี่ซิง ทุกคนจะหนากว่าจ้าทั้งนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ว่าเวลาต่อสู้ กระทบกัน คือเราต้องโดนอยู่แล้ว ยังไงมันก็ต้องมีเป็นปื้น เราต้องมีการป้องกันตัวเอง ต้องมีการพลาดเข้ากลางหลังบางทีปุ๊บโดนถีบเข้ากลางหลังมีตลอด หรือแม้กระทั่งโดนพี่สตั้นถีบเข้าที่ท้อง ถีบให้กระเด็นอย่างเนี่ยะค่ะเป็นเรื่องธรรมดา แหมการต่อสู้มันมีทั้งบุกและรับเราต้องโดนบ้าง กระทำเขาบ้าง ถูกกระทำถูกถีบถูกต่อยกลับมาบ้าง เพื่อความสมจริงของหนังใช่มั้ยค่ะ แต่ทีนี้ไอ้เรื่องบางเรื่องบางทีมันไม่น่าจะโดนอย่างเช่นเชือกเขาขึงไว้อยู่ดีๆ ระดับสายตาเดินก้มหน้าก้มตาปุ๊บปาดหน้าตัวเอง เชือกปากหน้าโดนตาเป็นแผลเป็นเบ้าอย่างนี้ก็มี เป็นปกติเลยความซุ่มซ่ามกับจ้าเป็นของคู่กัน Q. เวลาเล่นแอ็คชั่นด้วยกันกับนักแสดง มีไหมที่โดนกันเอง โดนจากใครบ่อยที่สุด JIJA ใช่ๆการเล่นกับคาซูยังมีพลาดกันเองเลยเช่นมีคิวที่จ้ากับคาซูจะต้องเล่นคู่กัน รวมพลังกันต่อสู้กับพี่ซิง ดื้อกับคาซูต่อสู้กับลอนดอน เล่นๆปุ๊บคาซูหันมาจะอุ้มจ้า จ้าก็ผิดคิวตีลังกาฟาดหน้าคาซู คาซูโดนหัวโน คือลงไปนั่งงง ยืนหัวโนค่ะ เราพวกเดียวกันเองนะ พลาดคิวกันเป็นธรรมดา แต่ว่าซ้อมคิวกันมาดีแล้วนะ แต่พอจังหวะปุ๊บต่างคนต่างเล่นของตัวเองให้ดีที่สุดเหมือนๆมันตั้งใจมากเกินไปก็จะมีการพลาดกันบ้างคือต้องรีแลกซ์กันบ้าง บางทีตั้งใจเกิน Q. ในที่สุด จีจ้า ก็มีพระเอกแล้ว เป็นชาวต่างชาติด้วย พูดถึงการร่วมงานกับพระเอกคนแรกในชีวิตหน่อย คาซู แพทริค แทง JIJA สำหรับการเล่นกับคาซูนะค่ะ เขาเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสเวียดนาม การเล่นกับคาซูไม่ค่อยยาก ไม่ว่าจะเป็นแอ็คชั่นหรือการทำอารมณ์ เพราะเราค่อนข้างจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เรารู้จักกันก่อนหลายปี แล้วเราก็ซ้อมแอ็คชั่นด้วยกัน เหมือนเป็นพี่เป็นน้องเลย เล่นกันแรงๆเลย ฉุดกระชาก เข้าขากัน มีเตะ มีต่อยกัน เราก็จะรู้สึกว่าเราชิน เราก็เลยมองหน้ากัน เออเราจะเล่นบทกุ๊กกิ๊กกันได้ไหม บทรักหรือมองตากันอย่างเนี่ยะ(ทำตาให้ดู) แรกๆก็มีขำนะ พอเล่นไปสักพัก เริ่มชินกัน ด้วยอารมณ์บรรยากาศต่างๆ ฉากเสื้อผ้ามันพาไปค่ะ และก็สมาธิดี ถามว่ามีฉากที่ต้องใกล้ชิดกันไหม ก็อย่างที่บอกค่ะว่าสนิทกันมาก่อน ฉากกอดฉากอะไรก็มีบ้าง เรื่องกอดกันได้อยู่แล้ว เพราะต้องมีฉากแอ็คชั่นที่ต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวกัน สัมผัสกัน เพราะคาซูต้องมีแบกจีจ้า อุ้ม โยน เหวี่ยงจ้าสู้กับผู้ร้ายด้วย ตัวจ้ากับคาซูเองก็มีลงเรียนเวิร์คช็อพด้วยกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นแอ็คติ้งหรือแอ็คชั่น จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะมากค่ะ จนค่อนข้างสนิทกัน ถามว่ามีอุปสรรคไหม นิดนึงค่ะ อาจจะเป็นช่วงแรกๆคาซูอาจจะมีแบบคำถามว่าคำๆนี้ มันคืออะไร เพราะคาซูตอนแรกมาเขายังไม่รู้ภาษาไทยเลย เพราะเขาพูดแต่ฝรั่งเศส แรกๆเป็นเรื่องของภาษามากกว่าจะเป็นสำเนียงการออกเสียงอย่างเช่นคำว่า ซ้อมอย่างเนี่ยะค่ะ จะงง ระหว่างที่ฝึกซ้อม เราก็จะคอยอธิบายว่าซ้อมอะไร ตรงไหนไทยบ้าง อังกฤษบ้าง จ้าก็งูๆปลาๆไปค่ะ ก็มีนัดกัน ฝึกภาษาด้วย Q. ประทับใจอะไรในตัวเขาเป็นพิเศษไหม JIJA คาซูเขาเป็นผู้ชายที่มีหลายๆอย่างที่น่าสนใจ อย่างที่จ้าสังเกตเห็นคือในเรื่องของการทำงาน ไม่เกี่ยงเรื่องความยากลำบาก อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ ที่สำคัญคาซูเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตัวเองมากๆเช่นวันซ้อม เขาจะกำหนดเรื่องตารางการฝึกซ้อมแบบเป๊ะๆเลยนะค่ะ เช่นวันนี้ต้องกินข้าวกับผักนะ เสาร์อาทิตย์เขาจะกินขนม หรือจะมีเวลาที่ทานอาหารคำนวณเป็นชั่วโมงเลย แล้วที่สำคัญเป็นคนที่มีความมุมานะ และมีความพยายาม ความตั้งใจมากๆค่ะอย่างที่บอกว่าเขายอมบินจากฝรั่งเศสเพื่อที่จะมาทำหนัง มาร่วมงานกับทีมแอ็คชั่นของไทย เขาใช้เวลาถึง4ปี ถึงได้มีดื้อสวยดุ เป็นเรื่องแรก ทำให้นึกถึงตัวเองตอนช็อคโกแลต คาซูเป็นผู้ชายที่ขยันมาก แต่จ้าว่าความตั้งใจของเขาดีมากๆเลยค่ะ Q.พูดถึงผกก.ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล JIJA พี่ราเชนทร์นะคะ พี่ราเชนทร์เป็นคนที่ค่อนข้างละเอียด ในการทำงานมากๆ จะมีมุมมองหรือสิ่งที่อยากได้อยู่ในหัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมุมภาพ หรือการแสดง พี่เชนทร์ให้ความสำคัญในทุกๆเรื่องรวมไปถึงเรื่องเสื้อผ้าของนักแสดง แต่พี่เชนทร์ก็จะเปิดโอกาสให้จ้าได้ลองเล่นในแบบที่จ้ารู้สึก เช่นถ้าจ้าเป็นดื้อจะทำอย่างไร เจอเหตุการณ์แบบนี้จ้าคิดว่าดื้อจะรู้สึกแบบนี้นะ จะคิดแบบนี้ จะพูดแบบนี้ พี่เชนทร์ก็จะฟังความคิดของเรา แล้วก็จะคอยห่วงใยนักแสดง เขาจะคอยถามเขาจะห่วงใยเราตลอดเลยว่าจ้าโอเคไหม Q.ท้ายนี้ฝากผลงานหนังแอ็คชั่นโรแมนติค แต่เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ในชีวิตของจีจ้า ญาณิน JIJA ค่ะก็สำหรับดื้อสวยดุ เป็นความตั้งใจและความพยายามของพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักแสดงตัวจ้าเองคาซูเพื่อนๆพี่ๆ หนุ่ยที่เล่นเป็นขี้หมู,พี่โอ๋โอมานที่เล่นเป็นขี้ควาย,เฮดที่เล่นเป็นขี้หมา รวมไปถึงพี่ซิงรุ้งตะวันจินดาซิงที่เล่นเป็นลอนดอน รวมไปถึงพี่ท็อปผกก.คิวบู๊ทีมสตันท์ทุกคน พี่ราเชนทร์ผกก.และทีมงานทุกคน พวกเราตั้งใจทำกันเต็มที่ทุกคนๆเลยค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะค่ะกับ จีจ้าดื้อสวยดุ 12 สิงหานี้ ค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ