INTERVIEW: ซาช่า บารอน โคเฮน ชายแท้ที่รับบทเป็นแฟชั่นนิสต้าสุดเริ่ดใน Bruno

ข่าวบันเทิง Wednesday July 22, 2009 15:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม ช่วยเล่าถึงตัวตนของ บรูโน่ แบบย่อๆหน่อย ในทีวีซีรี่ย์ของผมจะมีตัวละครสามคน คนแรกก็คือ อาลี จี คนที่สองคือ โบแร๊ท แล้วคนสุดท้ายก็คือ บรูโน่ ซึ่งเป็นแฟชั่นนิสต้าเกย์ชาวออสเตรีย ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นคนดังจากดินแดนมาตุภูมิต่อจาก ฮิตเลอร์ โดยเขายังได้รับแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต มาจากคนที่นักปราชญ์ทั่วโลก ทั้ง เพลโต, อริสโตเติล หรือกระทั่ง ชากีร่า Borat ทำเงินไปกว่า 250 ล้านเหรียญทั่วโลก คุณมีความกดดันไหมในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Bruno แน่นอนครับ มันรู้สึกกดดันมาก พวกเราไม่คิดว่า Borat จะสามารถทำเงินได้เยอะขนาดนี้ ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นขายให้กับคนเฉพาะกลุ่มมากๆ มันเกี่ยวกับนักข่าวชาวคาซัคสถานที่เดินทางมายังสหรัฐอเมริกา เพื่อแต่งงานกับผู้หญิงในฝัน พาเมล่า แอนเดอร์สัน พวกเรารู้สึกแปลกใจว่าทำไมคนดูถึงอยากดูมัน เพราะผมเองยังไม่รู้สึกอยากดูเลย (หัวเราะ) มีหลายครั้งที่คนดูเห็นหลายฉากในเรื่องแล้วคิดว่า "นี้มันเกิดขึ้นจริงเหรอ" หรือ "นี้มันน่าจะถูกจัดฉากขึ้นมานะ" เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันดูสุดขั้ว ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าสามารถเกิดขึ้นได้จริง คุณมีความเห็นว่ายังไงบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นของจริงครับ คือเราก็เคยมีปัญหาแบบนี้เหมือนกันตอน Borat ออกฉาย จนกระทั่งพวกเราถูกฟ้องร้องประมาณ 200 คดีมั้งคนถึงจะเริ่มเชื่อ (หัวเราะ) ผมยังคิดเล่นๆอยู่เลยว่า ทางสตูดิโอผู้สร้างคงอยากให้มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ผมขอบอกเลยว่ามันเป็นเหตุการณ์จริง แล้วฉากไคล์แมกซ์ในกรงเหล็กที่มีการจัดการต่อสู้สุดโหดนั้นล่ะ เป็นเหตุการณ์จริงทั้งหมดเลยรึเปล่า แน่นอนครับ คือฉากในเรื่องนั้น บรูโน่ พยายามที่จะรักษาอาการเกย์ด้วยการจัดการต่อสู้ในกรงเหล็ก ซึ่งพอตัวเองลองมองย้อนกลับไปแล้ว ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดูฉลาดเลย (หัวเราะ) ในการที่คุณทำอะไรแผลงๆในสเตเดี้ยม ซึ่งมีผู้ชมราว 2,000 พันคนที่ทั้งเมาและกระหายเลือดสุดๆ พวกเขารู้รึเปล่าว่าตัวเองกำลังเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่เลยครับ อย่างที่ผมบอกคือพวกเขามาเพื่อเห็นเลือด (หัวเราะ) ซึ่งก่อนถ่ายทำผมก็ไปถามยามรักษาการณ์ว่า “คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะไม่มีใครปีนข้ามกรงเหล็กนี้ได้ เพราะว่าผมจะทำอะไรบางอย่างที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกโกรธเคือง” (หัวเราะ) ซึ่งยามก็บอกว่า “ไม่ต้องห่วงครับ มันต้องใช้เวลากว่า 2 นาที ในการพยายามปีนกรงเหล็กเพื่อเข้ามาในสังเวียน" ตัดมาในวันถ่ายจริงซึ่งผู้ชมก็เริ่มโห่ไล่ผม เพราะพวกเขาอยากเห็นนักสู้ขึ้นมาบู๊กันสักที ซึ่งจากคำมั่นสัญญาของยามถึงเรื่องความปลอดภัย ผมจึงท้าทายให้ใครก็ได้ในสเตเดี้ยมสู้กับผม ทันใดนั้นเงามืดจากหางตาก็มีชายสูงหกฟุตแปด และกล้ามที่สูบฉีดไปด้วยสเตียรอยด์ วิ่งปรี่เข้ามาเอามือซ้ายเหนี่ยวตาข่ายกรงเหล็ก แล้วเหวี่ยงตัวข้ามเข้ามาภายในสังเวียน ภายในสองวินาที ในขณะเดียวกันผู้ชมก็ต่างตระโกนป็นเสียงเดียวกันว่า "ฆ่ามัน ฆ่ามัน" ซึ่งทำให้ผมเรียนรู้ได้ทันทีเลยว่า กรงนี้ไม่ได้กันให้คนข้างนอกเข้ามา แต่มันกันไม่ให้ผมออกไปข้างนอกต่างหาก (หัวเราะ) นอกจากคุณพยายามทำเรื่องสุดขั้วแบบนี้แล้ว คุณยังหาเรื่องใส่ตัวแบบอันตรายที่สุดด้วยการไปสัมภาษณ์หัวหน้าผู้ก่อการร้ายด้วยใช่ไหม ใช่ครับ มันเป็นเรื่องอันตรายที่สุดในชีวิตของผมแล้ว และผมก็ไม่แนะนำให้ใครทำอีกด้วย (หัวเราะ) คือก่อนที่จะเริ่มสร้างเรื่องนี้พวกเราก็มาคิดกันว่า "จะทำยังไงให้มันบ้ากว่า Borat” ให้ผู้ชมเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกภาพยนตร์ ในที่สุดเราก็ตกลงกันได้ว่า น่าจะเป็นการที่นักแสดงตลกไปสัมภาษณ์ผู้ก่อการร้าย ซึ่งทางเราก็ส่งแผนการถ่ายไปให้สตูดิโอ พวกเขาถามเราว่า "ไอเดียเจ๋งมาก แล้วใครจะมารับบทเป็นผู้ก่อการร้ายล่ะ" พวกเราจึงบอกไปว่า "ไม่ พวกเราจะไปตามหาผู้ก่อการร้ายตัวจริงเลย" (หัวเราะ) แต่ไม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามเสาะหาตัวผู้ก่อการร้าย ขนาดรัฐบาลของคุณยังตามล่าตัวพวกเขามาหลายปีแล้วเลย (หัวเราะ) แต่พวกเรามีเส้นสายกับคนในซีไอเอ พวกเราถามเขาว่า "ช่วยพวกเราตามหาผู้ก่อการร้ายหน่อยได้ไหม" ซึ่งคนในซีไอเอก็บอกกับพวกเราว่า "พวกเรามีชื่อมากมายในบัญชีผู้ก่อการร้าย แต่เผอิญว่าเราไม่มีที่อยู่ของพวกเขาเลยสักคนสิ" (หัวเราะ) แต่หลายเดือนต่อมาพวกเราก็ได้รู้จักกับชายคนหนึ่ง ที่บังเอิญอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผู้ก่อการร้ายชื่อดังคนหนึ่งของประเทศ ซึ่งเป็นหัวหน้าของหน่วยระเบิดพลีชีพของอัลกออิดะห์ เขาบอกเราว่า "ใช่แล้ว มีผู้ก่อการร้ายอาศัยอยู่ในเมืองของผม" ผมก็เลยถามเขาไปว่า "งั้นเราไปสัมภาษณ์เขาได้ไหม" ซึ่งตอนนั้นผมยังรู้สึกกลัวในความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง ผมกลัวว่าตัวเองอาจถูกกับระเบิดตาย หรือถูกลักพาตัวหรืออะไรทำนองนั้น แต่ชาวบ้านคนนั้นก็บอกผมว่า "ไม่ต้องห่วง พวกเราทุกคนในหมู่บ้านรักคุณมาก พวกเราชอบ Ali G Show ของคุณจริงๆ" (หัวเราะ) คำถามสุดท้าย พวกผู้ก่อการร้ายที่คุณไปสัมภาษณ์จะมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้รึเปล่า คุณเชิญพวกเขามางานเปิดรอบปฐมทัศน์ไหม คุณล้อเล่นรึเปล่า ผมยังสวดภาวนาอยู่ตลอดเลยว่า อย่าให้พวกเขาเห็นภาพยนตร์เรื่องนี้เลย (หัวเราะ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ