กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ปตท.
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงรุนแรง จากการที่กองโจร MENDในประเทศไนจีเรียขู่จะโจมตีท่อขนส่งน้ำมัน หากบริษัทน้ำมันเข้าทำการซ่อมแซมในช่วงที่มีการประกาศหยุดยิง 60 วัน รวมถึงกลุ่มโอเปคมีแนวโน้มพิจารณาลดปริมาณการผลิตหากความต้องการน้ำมันดิบยังคงชะลอตัว ในขณะที่ Reuters Poll คาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ปัจจัยทั้งหมดส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วกว่า 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเมื่อวานนี้ (22 ก.ค. 52) ราคาน้ำมันดูไบอยู่ที่ 64.40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 สิงคโปร์ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 73.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 72.43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปตท.จึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและกลุ่มดีเซล 80 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.52 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E 85 พลัส) 21.12
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) 27.44
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 29.74
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 28.94
น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 33.34
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 24.49
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 27.29
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.
โทรศัพท์ 0 2537 2571
โทรศัพท 0 2537 2517, 2572