TIES หุ้นน้องใหม่พื้นฐานแกร่ง สถาบันเชื่อมั่น

ข่าวทั่วไป Monday September 18, 2006 15:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--บลจ.ธนชาต
ผลตอบรับการจองหุ้น TIES ดีเกินคาด สถาบันทั้งไทยและเทศให้ความสนใจเหตุบริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้บริหารมืออาชีพ มีศักยภาพและกลยุทธที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีราคา IPO เหมาะสม
บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TIES เปิดเผยผลการจองหุ้น IPO ที่เสนอขายประชาชนจำนวน 33 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.80 บาทต่อหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานอีก 2 ล้านหุ้น ในราคา 1.40 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 13 — 15 กันยายนว่า ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของประชาชนและนักลงทุนสถาบัน
นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร TIES กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี ผู้บริหารของ TIES ทุกคน นอกจากจะสามารถนำพาบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจหลายๆ ครั้งได้อย่างภาคภูมิใจแล้ว พวกเรายังคงยึดถือปรัญชาในการดำเนินธุรกิจที่ว่า TIES จะต้องเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน บริหารเงิน บริหารลูกค้า มีระบบการตรวจสอบรัดกุมและโปร่งใส เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและให้ผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ในการนำ TIES เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้แนะนำบริษัทที่ได้ก่อตั้งและดูแลอย่างดีมาโดยตลอดให้นักลงทุนทุกท่านได้รู้จักและมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ถือหุ้น และการเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของ TIES ในระยะยาว”
นายอัศวินได้กล่าวย้ำอีกว่า “เพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจในอนาคตที่สดใสของ TIES และแสดง Commitment ที่มีต่อบริษัท ผู้ถือหุ้นเดิมคือ ผมและคุณสมพล อาสาที่จะนำหุ้นสามัญในส่วนของเราทั้งหมดเข้า เกณฑ์ lock-up (เงื่อนไขการกำหนดระยะเวลาห้ามขาย) ทั้ง 100% เป็นระยะเวลา 1.5 ปี ถึงแม้ตามกฎของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะบังคับเพียงแค่ 65% เท่านั้น”
อนึ่ง TIES ก่อตั้งและดำเนินงานโดยกลุ่มวิศวกรที่มีประสบการณ์มากว่า 25 ปี มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและงานระบบต่างๆ และได้ขยายการให้บริการรับเหมาก่อสร้างไปยังโรงพยาบาล และศูนย์การค้า บริษัทมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการทั้งในด้านคุณภาพงานและการส่งมอบงานที่ตรงต่อเวลา จนได้รับมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 จาก MASCI และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก ทำให้ลูกค้าเดิมกลับมาใช้บริการซ้ำ และมีฐานลูกค้าใหม่ๆอยู่เสมอ โดยที่ผ่านมามีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำอย่าง สยามมิชลิน, เบียร์ไทย (1991), การบินไทย, เซ็นคาร์ หรือ ห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์, บางกอกคาซ่า หรือ อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์, โรงพยาบาลรามคำแหง, นิปปอนเพ้นต์, อุตสาหกรรมเครื่องแก้วไทย, ยางสยามอุตสาหกรรม และโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เป็นต้น
ในปี 2548 บริษัทมีรายได้ 985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.45 บาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 15% และอัตรากำไรสุทธิ 4.6% ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างทั่วไป ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2549 บริษัทมีรายได้รวม 526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากการสร้างโรงงาน 55% และที่เหลือเป็นรายได้จากงานโรงพยาบาล อาคารสูง และศูนย์การค้า และมีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ล่าสุดบริษัทได้งานเพิ่มอีก 130 ล้านบาท จากบริษัท สยาม มาลายา กลาส (ประเทศไทย) ผู้ผลิตขวดเบียร์ Hineken เป็นงานติดตั้งระบบวิศวกรรมและไฟฟ้าในโรงงานเตาหลอม ทำให้ปัจจุบันมีโครงการในมือ 2,327 ล้านบาท ซึ่งรับรู้เป็นรายได้แล้วถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 1,178 ล้านบาท เหลือที่จะรับรู้เป็นรายได้ในอนาคตอีก 1,149 ล้านบาท

แท็ก ประกัน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ