ผู้บริโภคชาวไทยมั่นใจแศรษฐกิจฟื้น กลุ่มประเทศ BRIC และเอเชียมั่นใจพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ข่าวทั่วไป Tuesday August 4, 2009 12:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--นีลเส็น ผลการสำรวจออนไลน์ของผู้บริโภคจาก 28 ประเทศชิ้นล่าสุดจาก นีลเส็น ผู้นำด้านการวิจัยทางการตลาดและข้อมูลชั้นนำของโลก พบว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นห้าจุดจากระดับ แปดสิบเอ็ด จากการสำรวจในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไปยัง ระดับที่แปดสิบหกในไตรมาสที่สองนี้ จากผลการสำรวจของนีลเส็นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าค่าเฉลี่ยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกเพิ่มขึ้นห้าจุดจากการสำรวจในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากระดับที่เจ็ดสิบเจ็ด ไปยังระดับที่แปดสิบสองในไตรมาสที่สอง ซึ่งผลการสำรวจนี้ชี้ให้เห็นถึงระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นโดยเป็นผลมาจากความมั่นใจของผู้บริโภคและการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศ BRIC ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดียและประเทศจีน รวมถึงประเทศหลักๆที่สำคัญในแถบเอเซีย มร.แอรอน ครอส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี ประเทศไทย กล่าวว่า “ จากการสำรวจระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นีลเส็นเห็นสัญญานว่าสภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว สามเดือนต่อมา ผู้บริโภคเริ่มที่จะรู้สึกถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นจุดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ” มร แอรอน กล่าวเสริมว่า “ ผู้บริโภคชาวไทยก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับผู้บริโภคในประเทศอื่นๆ โดยจะเห็นได้จากจำนวนของผู้บริโภคที่คิดว่าเศรษฐกิจในประเทศของตนอยู่ในสภาวะถดถอยสูงถึง เก้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลดลงมาสู่ ระดับแปดสิบสี่เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่สองนี้ นอกจากนี้ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ ยังเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสิ้นสุดภายในหนึ่งปี โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ ยี่สิบสี่เปอร์เซ็นต์ที่มีความคิดดังกล่าวในการสำรวจเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา กลุ่มประเทศ BRIC และประเทศต่างๆในแถบเอเชียมีความเชื่อมั่นสูงขึ้นจากการสำรวจเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาอย่างมาก โดยจะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอินเดีย (+13) ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง อินโดนีเชีย (+9) ไต้หวัน บราซิล (+8)สิงคโปร์ ตุรกี รัสเซีย ฟิลิปปินส์ อังกฤษ (+7) และประเทศไทย (+5) ส่วนประเทศที่ไม่พบการเพิ่มขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาสที่สองได้แก่ สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่าเยอรมันเป็นเพียงประเทศเดียวจากการสำรวจที่มีระดับความเชื่อมั่นลดลงหนึ่งจุด ผู้บริโภคชาวไทยยังมีความหวังที่สดใสเกี่ยวกับโอกาสในด้านการงานมากขึ้น โดยแสดงให้เห็นจากอัตราความมั่นใจที่เพิ่มมากของผู้บริโภคชาวไทยที่ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า “ดี” และ “ดีมาก” เพิ่มขึ้นจากสิบห้าเปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจในเดือนมีนาคม เป็น ยี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจครั้งล่าสุด ผู้บริโภคชาวไทยยังคงนิยมการออมมากที่สุด นีลเส็นถามผู้บริโภคว่าหากมีเงินเหลือหลังจากใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตแล้ว พวกเขาอยากใช้จ่ายกับอะไร ผู้บริโภคชาวไทยกว่าครึ่ง ( 53%) ยังคงประสงค์ที่จะเก็บเงินในส่วนที่เหลือเพื่อเก็บออม นอกจากความตั้งใจที่จะออมเงินแล้ว การใช้จ่ายทางด้านการท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจ ยังคงเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคชาวไทยนิยม (43%) มากเป็นลำดับที่สอง ลำดับที่สามคือ ซื้อกองทุนเพื่อการเกษียณ ( 27%) หากถามถึงความกังวลใจมากที่สุดในอีกหกเดือนข้างหน้าพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยยังคงวิตกกังวลกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุด (49%) ลำดับรองลงมาคือ ความมั่นคงในด้านการงาน ( 26%) ปัญหาหนี้สิน (20%) และ การพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ( 19%) ตามลำดับ นีลเส็นยังเผยผลสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับการซื้อของและการดำเนินชีวิตของพวกเขาในหกเดือนที่ผ่านมา โดยทำการสำรวจในผู้บริโภคจำนวน 2000 คนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สินค้าใดที่ผู้บริโภคซื้อน้อยลง และสินค้าประเภทใดที่ซื้อเพิ่มขึ้น นีลเส็นพบว่าผู้บริโภคในปัจจุบันกำลังลำดับความสำคัญกับรายการซื้อของใหม่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ นั่นก็คือพวกเขากำลังตัดสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่นอาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเช่น บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเสื้อผ้า ออกจากรายการ แต่ในขณะที่ผู้บริโภคกำลังระมัดรวะวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยนั้น ผลการวิจัยของนีลเส็นพบโอกาสที่ดีภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต รวมถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ของใช้ส่วนตัว และสินค้าที่เกี่ยวกับโทรคมนาคม วิถีชีวิตของคนไทยก็เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน โดยผู้บริโภคลดการใช้จ่ายในด้านกิจกรรมด้านบันเทิง รวมถึงการเที่ยวกลางคืน การชอบปิ้ง และการเดินทางท่องเที่ยว ในขณะที่การอยู่บ้านเริ่มที่จะเป็นเทรนด์ใหม่ ผู้บริโภคชาวไทยก็หันมาทำกับข้าวทานเองมากขึ้นเพื่อลดรายจ่ายด้านการทานอาหารนอกบ้าน ซื้อของบ่อยน้อยลง แต่ซื้อมากขึ้นในแต่ละครั้ง ความนิยมในการอยู่บ้านมากขึ้นยังส่งผลกระทบกับความถี่ของการซื้อของของผู้บริโภค จากข้อมูลของชอบเปอร์เทรนด์ ในปี 2552 พบว่า คนไทยไปซื้อของที่ ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด และซุปเปอร์มาร์เก็ตน้อยครั้งลง แต่ความถี่ที่ไปซื้อของที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตยังคงเหมือนเดิม จากข้อมูลของนีลเส็น โฮมสแกน พบว่าค่าเฉลี่ยของความถี่ในการชอปปิ้งของครัวเรือนลดลงจาก 79.7 ครั้งในปี 2550 มาเป็น 79.2 ครั้งในปี 2551 ส่งผลให้ซื้อของมากขึ้นในแต่ละครั้งที่ไปชอปปิ้งถึง 3.9 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2551 เมื่อเทียบกับปี 2550

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ