กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--คต.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้รายงานการประเมินอุปสรรคทางการค้าของสหภาพยุโรป ประจำปี 2552 (2009 National Trade Estimate : NTE) ซึ่งประกอบด้วยมาตรการ/กฎเกณฑ์ด้านการค้าสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรและอาหารของสหภาพยุโรปที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการค้ากับต่างชาติ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. สินค้าอุตสาหกรรม
กระบวนการออกและบังคับใช้กฎระเบียบของสหภาพยุโรปในสินค้าอุตสาหกรรมยังขาดความชัดเจน ไม่โปร่งใส และไม่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียนอกสหภาพฯได้แสดงความเห็นต่อร่างระเบียบ รวมทั้งการนำหลักการ “ปลอดภัยไว้ก่อน” (precautionary principle) มาใช้ โดยไม่มีหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์มารองรับ ซึ่งถือเป็นการกีดกันทางการค้า และมาตรฐานที่นำออกใช้จะมีลักษณะเป็น design-based มากกว่า performance-based ทำให้ยากต่อการปฏิบัติ กฎระเบียบสำคัญที่สหภาพยุโรปใช้กับสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ ระเบียบควบคุมเคมีภัณฑ์( REACH) ระเบียบ WEEE/RoHS ที่ใช้กับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เงื่อนไขเรื่อง CE Marking การออกแบบสินค้าที่ประหยัดพลังงาน ระเบียบห้ามนำเข้าเครื่องสำอางที่มีการนำผลิตภัณฑ์ไปทดลองกับสัตว์ การจำกัดปริมาณการนำเข้า enriched uranium เป็นต้น
2. สินค้าเกษตรและอาหาร
สำหรับมาตรการ/กฎเกณฑ์ของสินค้าเกษตรและอาหาร สหภาพยุโรปใช้มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีจำนวนมากและมีความเข้มงวดมากกับสินค้าเกษตรต่างๆ ซึ่งบางมาตรการไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และการประเมินความเสี่ยงที่แท้จริงต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เช่น การบังคับให้ติดฉลากสินค้า biotech การกำหนดปริมาณสูงสุดของสารไมโครท็อกซินในอาหารหลายชนิด อาทิ ซีเรียล ผลไม้ ถั่ว การห้ามใช้ฮอร์โมนเร่งโตในเนื้อวัว การห้ามนำเข้าสัตว์ปีกที่ผ่านกระบวนการเพื่อลดสารพาโธเจน เป็นต้น
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์