กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ตลท.
ดร. สันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ (Bond Electronic Exchange หรือ BEX) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติรับพันธบัตรออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มูลค่า 20,000 ล้านบาท และพันธบัตรธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มูลค่า 3,000 ล้านบาท เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน BEX ในวันที่ 17 และ 23 พฤศจิกายน 2549 ตามลำดับ โดยการเข้าจดทะเบียนครั้งนี้ จะทำให้มูลค่าคงค้างรวม (Total Outstanding Value) ใน BEX เพิ่มขึ้นเป็น 3.51 ล้านล้านบาท
1. พันธบัตรธปท. งวดที่ S5/10/49 มูลค่า 20,000 ล้านบาท ชื่อย่อ “CB06D01A” เป็นพันธบัตรรุ่นพิเศษ ระยะสั้น อายุ 10 วัน มีกำหนดชำระคืนเงินต้นวันที่ 1 ธันวาคม 2549 เริ่มซื้อขายวันที่ 17 พฤศจิกายน 2549
2. พันธบัตรธอส. พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 1 และ 2 มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท เป็นชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน เริ่มซื้อขายวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ประกอบด้วย
- ครั้งที่ 1 มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ชื่อย่อ “GHB11NA” อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.89 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
- ครั้งที่ 2 มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ชื่อย่อ “GHB13NA” อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.98 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
“หากเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนอ้างอิง คือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Yield) ที่อายุเท่ากัน ได้แก่ พันธบัตรอายุ 5 ปีให้ผลตอบแทนร้อยละ 4.84 ต่อปีและอายุ 7 ปีให้ผลตอบแทนร้อยละ 4.89 ต่อปี จะเห็นว่าตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่จดทะเบียนใน BEX เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนในอัตราที่น่าสนใจ และสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ผู้สนใจทางเลือกลงทุนในตราสารหนี้ สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ได้ทุกแห่ง รวมทั้ง ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับตราสารหนี้ได้จากเว็บไซต์ตลาดตราสารหนี้ที่ www.bex.or.th ” ดร. สันติกล่าว
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/ ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797