ผลประกอบการปี 48 ปตท.ยังแข็งแกร่ง พร้อมลงทุนอีก 2.4 แสนล้านบาท

ข่าวทั่วไป Wednesday March 1, 2006 16:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ปตท.
ปี 2548 ปตท.มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 8.6% ของรายได้รวม ซึ่งผลกำไรส่วนใหญ่ยังคงมาจากบริษัทในเครือที่ ปตท.ไปลงทุน ในขณะที่ธุรกิจตรงของ ปตท. มีกำไรต่อหน่วยคงเดิม แต่มีปริมาณขายทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซหุงต้ม ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การใช้ปิโตรเลียมโดยรวมที่ยังคงสูงขึ้น ส่งผลให้ ปตท.มีความพร้อมสำหรับแผนการลงทุนอีกเกือบ 2.4 แสนล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2548 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการ ขายจำนวน 929,716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากปี 2547 มีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) จำนวน 114,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 80,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% หรือคิดเป็น 8.6% ของรายได้รวม หรือเท่ากับ 28.63 บาทต่อหุ้น และเมื่อรวมกำไรจากการปรับโครงสร้างของบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,417 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 85,521 ล้านบาท หรือเท่ากับ 30.57 บาทต่อหุ้น โดยส่วนใหญ่ของกำไรสุทธิที่ได้คือ 62% หรือประมาณ 52,900 ล้านบาท มาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน อาทิ ธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจขุดเจาะสำรวจ ปิโตรเลียม
นายประเสริฐ กล่าวว่า ผลกำไรดังกล่าวส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปกำไรสะสมเพื่อใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติรองรับรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อเพิ่มมูลค่าของก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านพลังงาน และเป็นรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2549 นี้ มีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 80,000 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า (2549 -2553) ปตท.มีแผนลงทุน 238,794 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรส่วนหนึ่งคือประมาณ 30% จะจ่ายเป็นเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 9.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งกว่า 80%ของผู้ถือหุ้น ปตท. คือ กระทรวงการคลัง กองทุนหรือสถาบันการเงินของคนไทย และนักลงทุนไทยรายย่อย สำหรับฐานะทางการเงิน ปตท. ณ สิ้นปี 2548 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 649,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 33% ส่วนของผู้ถือหุ้น 278,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% หนี้สิน 371,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 0.5 : 1
นายประเสริฐ กล่าวถึงสถานการณ์การใช้พลังงานในประเทศปี 2549 คาดว่าการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจะขยายตัวน้อยกว่า 1 % เนื่องจากราคาน้ำมันที่อาจยังทรงตัวในระดับสูง และมาตรการประหยัดพลังงานของรัฐ การใช้ก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น 7.6% โดยจะมีการใช้ NGV ในภาคขนส่งเพื่อทดแทนการใช้น้ำมันมากขึ้น สำหรับการใช้ก๊าซฯเพื่อผลิตไฟฟ้าจะขยายตัวประมาณ 4% นอกจากนี้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ก็คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนสอดคล้องกับการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจากแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องดังกล่าว คณะกรรมการ ปตท. จึงได้อนุมัติแผนการจัดหาเงินทุนจากแหล่งภายนอก เพื่อใช้ในการลงทุนและ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และ/หรือเพื่อทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในระยะเวลา 5 ปี (2549-2553) เพิ่มเติมอีกในวงเงินรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท
อนึ่ง ในปี 2548 ปตท. ได้รับรางวัลดีเด่นในด้านต่างๆจากสถาบันชั้นนำทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความมีศักยภาพขององค์กร โดยในด้านการบริหารจัดการองค์กร ปตท. ได้รับการจัดอันดับจาก นิตยสาร BusinessWeek ให้เป็นที่ 1 ในเอเชีย นิตยสาร Fortune จัดอันดับให้เป็นที่ 373 จาก 500 บริษัทชั้นนำของโลก และ นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้เป็นที่ 425 จาก 2,000 บริษัทชั้นนำของโลก อีกทั้ง ปตท. ยังได้รับรางวัล Best Performance ในงาน SET Award 2005 อีกด้วย สำหรับการยอมรับด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจนั้น ปตท. ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในประเทศไทย จาก นิตยสาร FinanceAsia นิตยสาร The Asset และ จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ปตท. ยังได้รับรางวัล Best CEO จากหลายองค์กร อาทิ นิตยสาร Asiamoney นิตยสาร Institutional Investors สถานีข่าว CNBC และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ