ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ SVI ที่ ‘BBB+(tha)’

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 11, 2009 07:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term rating) ของบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ที่ ‘BBB+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term rating) ที่ ‘F2(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตของ SVI สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Manufacturing Service) โดยบริษัทเน้นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับบนประเภท non-traditional ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตที่ดี มีความผันผวนจากความต้องการที่ต่ำกว่า และมีอัตราส่วนกำไรจากการผลิตที่สูงกว่า ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาวะอุตสาหกรรมมีความท้าทายอย่างมาก นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของตลาดรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนแนวโน้มที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer) ว่าจ้างผู้รับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ผลิตแทนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้อันดับเครดิตของ SVI ยังพิจารณารวมถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาศแรกของปี 2552 บริษัทมีเงินสดสุทธิจำนวน 975 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินปรับปรุงต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Total adjusted debt to EBITDAR) ที่ 0.3 เท่า ถึงแม้ว่าการจ่ายเงินปันผลหลังจากการที่ผู้บริหารซื้อหุ้นและกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท (Management Buyout) น่าจะส่งผลให้หนี้สินสุทธิ และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น ฟิทช์มองว่าผลกระทบทางการเงินต่อ SVI มีค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก SVI มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าบริษัทจะมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อันดับเครดิตของ SVI ได้ถูกลดทอนด้วยปัจจัยความเสี่ยงซึ่งประกอบด้วย การที่บริษัทมีการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้า แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของบริษัทประกอบด้วยความเสี่ยงจากความผันผวนของความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทได้ นอกจากนี้ SVI ยังเผชิญกับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินยูโร ในขณะที่หนี้สินส่วนใหญ่อยู่ในรูปสกุลเงินบาท อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวได้ถูกลดทอนบางส่วนจากการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงแนวโน้มที่ SVI จะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไร และสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอสำหรับเงินลงทุนและเงินปันผล และรักษาอัตราส่วนหนี้สินและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตของ SVI อาจถูกพิจารณาปรับลดได้หากหนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการจ่ายเงินปันผลและการลงทุนที่สูง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า(Adjusted net debt to EBITDAR) สูงกว่า 1.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้อันดับเครดิตอาจถูกพิจารณาปรับลดได้หากอัตราส่วนกำไรของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทสูญเสียสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสูญเสียลูกค้ารายสำคัญ ในทางกลับกันอันดับเครดิตของ SVI อาจถูกพิจารณาปรับเพิ่มได้หากยอดขายและขนาดธุรกิจของบริษัทมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการกระจายตัวของลูกค้าและกลุ่มลูกค้าตามภูมิภาคมากขึ้น และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR margin) สูงกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง ในเดือน พฤษภาคม 2552 บริษัท เอ็มเอฟจี โซลูชั่น จำกัด หรือ MFG ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SVI ได้เข้าซื้อหุ้น SVI ในสัดส่วน 58.5% จาก H&Q Asia Pacific และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยปัจจุบันMFG ถือหุ้น SVI ในสัดส่วน 62.9% ในการดำเนินการครั้งนี้ MFG ใช้แหล่งเงินทุนจากวงเงินกู้จำนวน 1,800 ล้านบาทจากธนาคารกสิกรไทย MFG คาดว่าจะใช้เงินปันผลรับจาก SVI และ/หรือเงินจากการขายหุ้น SVI บางส่วนในการชำระคืนเงินกู้ของธนาคารกสิกรไทย ในขณะที่การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวน่าจะทำให้หนี้สินสุทธิ และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิของ SVI ปรับตัวเพิ่มขึ้น การเข้าถือหุ้นใหญ่ใน SVI โดยผู้บริหารได้ลดทอนความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างการถือหุ้นที่มีก่อนหน้านี้ และน่าจะเพิ่มแรงจูงใจต่อผู้บริหารในการบริหารบริษัทให้มีผลประกอบการที่ดีต่อไป หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ติดต่อ: โอบบุญ ถิรจิต, พิมรำไพ ปันยารชุน, Vincent Milton, + 662 655 4755; Matt Jamieson, +82 2 3278 8355 คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ