อเบอร์ดีนแนะนำลงทุนหุ้นจีน มองจุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 11, 2009 14:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--อเบอร์ดีน มร. นิโคลัส โยว ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน-เอเชีย Aberdeen International Fund Managers Limited ในฮ่องกง กล่าวถึงเศรษฐกิจของจีนว่าจุดต่ำสุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่อเบอร์ดีนยังไม่อาจตัดกรณีที่เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงได้ในระยะสั้นภายใน 12 เดือนข้างหน้าต่อจากนี้ เนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจในขณะนี้ยังมีทั้งบวกและลบ เช่น การส่งออกยังคงแย่ เศรษฐกิจตามแถบชายฝั่งยังคงไม่ดี แต่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเริ่มปรับดีขึ้น ความเสี่ยงจากการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการใช้จ่ายผ่านโครงสร้างพื้นฐานอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจขาดสมดุลได้ ตัวอย่าง เช่น ปริมาณกำลังการผลิตที่เกินความจำเป็น ซึ่งจะส่งผลกระทบในทางลบต่อรายได้ของภาคธุรกิจ ประเทศจีนยังต้องการการสนับสนุนอีกมากจากอุปสงค์ของผู้บริโภคภายในประเทศ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา อเบอร์ดีนไม่ได้พิจารณาดัชนีเฉพาะตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อตัดสินทิศทางของเศรษฐกิจ เนื่องจากเราเป็นนักลงทุนที่เลือกหุ้นจากคุณภาพบริษัท ไม่ใช่จากข้อมูลเศรษฐกิจ และลงทุนระยะยาวในหุ้นนั้น จึงไม่ตามกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว มร. นิโคลัส กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตลาดหุ้น A-Share ปรับตัวขึ้นมาก ขณะที่ตลาดหุ้นในประเทศอื่นปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลลง หลังมีการอนุญาตให้บริษัทจีนที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสามารถออกขายหุ้นใหม่ต่อสาธารณะได้ ซึ่งจะไม่มีหุ้นออกใหม่มากเกินไปในตลาด เนื่องจากบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดเป็นบริษัทขนาดเล็ก และสัญญาณที่ว่าการปล่อยกู้ของธนาคารจะยังคงเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ตลาดจะปรับขึ้นไปได้อีกนานเท่าไร ก็ยังไม่มีใครรู้ และอเบอร์ดีนก็จะไม่กะจังหวะขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรแต่อย่างไร แต่สามารถพูดได้ว่าราคาหุ้นในตลาดหุ้น A-Share จะปรับขึ้นสูงอีกจนไม่น่าลงทุนอีกต่อไป ถ้าหากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังไม่ปรับปรุงให้ดีขึ้นมากกว่านี้อีก ดังนั้นการปรับปรุงแก้ไขปัจจัยพื้นฐานของบริษัทน่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยทั่วไปตลาดหุ้นสำหรับนักลงทุนภายในประเทศของจีน (A-Share) จะผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ตลาดหุ้น (A-Share) อาจมีทิศทางของตนเองในบางครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดปรับขึ้นอย่างรุนแรง (ตลาดกระทิง) ซึ่งสืบเนื่องจากสาเหตุทางเทคนิค เช่น การเป็นตลาดปิด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นต้น ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนอาจจะอิงกับเศรษฐกิจโลกมากกว่าเดิม แต่ทิศทางของตลาดหุ้นจีนและทิศทางของตลาดหุ้นในประเทศอื่นๆ จะไม่ค่อยตามกันมากนัก เนื่องจากสาเหตุทางเทคนิคที่กล่าวมาแล้ว ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นจีนสำหรับนักลงทุนภายในประเทศ (A-Share) อย่างแรกคือ ตลาดหุ้นของ A-Share ยังไม่ใช่ตลาดเปิด สภาพคล่องในระบบที่กักอยู่ภายในประเทศส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ทำให้การกำหนดราคาของตลาดไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนจะสามารถหาทางใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ได้อย่างไร ปัญหาที่สอง โดยทั่วไป คุณภาพของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนจำเป็นจะต้องปรับปรุง ซึ่งสามารถทำได้โดยการ 1) ส่งเสริมให้บริษัทดีๆเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นภายในประเทศ หรือจดทะเบียนในสองตลาดทั้งฮ่องกงและจีนให้มากขึ้น หรือให้บริษัทต่างชาติ (เช่นบริษัทย่อยในจีนที่เป็นของบริษัทข้ามชาติ) ให้เข้ามาจดทะเบียนในประเทศ 2) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในเชิงรุกของผู้จัดการกองทุนในการทำให้ทีมผู้บริหารของบริษัทปรับปรุงบรรษัทภิบาลของตนให้มากขึ้น เช่น เข้าร่วมลงคะแนนออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี และการประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญ เป็นต้น 3) เพิ่มความโปร่งใสในการบริหารงาน โดยการเปิดเผยข้อมูลใหม่ๆของบริษัทที่มีนัยสำคัญเมื่อถึงวาระจำเป็น เป็นต้น 4) ผู้กำกับดูแลต้องเข้มงวดมากขึ้นในการจัดการกับการซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน เป็นต้น สุดท้ายนี้ มร.นิโคลัส ได้กล่าวแนะนำกับผู้ลงทุนว่า “โปรดศึกษาค้นคว้าข้อมูลของบริษัทที่คุณจะลงทุนก่อนเสมอ อย่าลงทุนตามกระแสความนิยมในตลาด หรือข่าวลือ จงมีวินัยในการซื้อหุ้น โดยพิจารณาราคาหุ้น และไม่ซื้อหุ้นตามนักลงทุนคนอื่นๆ ควรลงทุนในระยะยาว และคงการลงทุนไว้ให้ครบวงจรของตลาด เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของการลงทุนคือการสะสมทรัพย์สินเพื่อการเกษียณอายุของคุณ ดังนั้น จึงไม่ควรพยายามกะจังหวะตลาดในการลงทุนตลอดเวลา”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ