ผู้ว่าฯ ประชุมรับทราบปัญหาผู้บริหารโรงเรียนกลุ่มกรุงธนเหนือ

ข่าวทั่วไป Monday August 24, 2009 14:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม. มอบโครงการบ้านยิ้ม ปรับหนี้บัตรเครดิต หวังจูงใจเจ้าหน้าที่ แก้ปัญหาสมองไหล พร้อมขยายผล E-Library เพิ่ม 50 แห่งภายในปีหน้า และเชื่อมโยงข้อมูลกับห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมรับทราบสภาพการจัดการศึกษาของกลุ่มกรุงธนเหนือ โดยมีคณะผู้บริหารกทม. สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต ผู้บริหารสำนักการศึกษา และโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครในพื้นที่กลุ่มกรุงธนเหนือ ประกอบด้วย เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตบางกอกใหญ่ เขตบางกอกน้อย เขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน เขตทวีวัฒนา รวม 89 โรงเรียน ร่วมประชุม ณ โรงเรียนวัดยายร่ม เขตจอมทอง กรุงเทพมหานครได้จัดการประชุมรับทราบสภาพการจัดการศึกษาขึ้น โดยหมุนเวียนไปตามกลุ่มเขตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คณะผู้บริหารกทม. ได้พบปะ และรับฟังปัญหาจากผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกทม.ทั่วพื้นที่โดยตรง อันจะส่งผลให้การพัฒนาระบบการศึกษาในสถานศึกษากรุงเทพมหานครเกิดการพัฒนาอย่างครบวงจร มีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง ผู้ว่าฯ วางแนวทางแก้ปัญหาสมองไหลบุคลากรกทม. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากคณะผู้บริหารศึกษามีหลายปัญหาด้วยกัน อาทิ ปัญหาความล่าช้าของการเลื่อนวิทยฐานะของข้าราชการครู การขาดแคลนครูผู้สอนในวิชาเอกทั้งคณิตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษส่งผลต่อการทดสอบคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียนด้วย และการบรรจุลูกจ้างเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ที่ปฏิบัติงานมานาน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานส่วนหนึ่งต้องลาออกไป ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวกรุงเทพมหานครได้มอบสวัสดิการพิเศษให้แก่ทั้งข้าราชการและลูกจ้างประจำเพื่อเป็นสิ่งจูงใจที่จะสังกัดกรุงเทพมหานครต่อไป ทั้งโครงการปรับหนี้บัตรเครดิต และโครงการสินเชื่อบ้านยิ้ม โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 1 หมื่นคนแล้ว วงเงิน 700 กว่าล้านบาท และโครงการปรับหนี้บัตรเครดิตมีผู้เข้าร่วมโครงการ 500 กว่าราย ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาสมองไหลในบุคลากรกทม.ในเบื้องต้นได้ ขยายโครงการ E-Library เพิ่มอีก 50 แห่งภายในปีหน้า ด้าน นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในปัจจุบันรัฐบาลได้บรรจุวาระการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเด็กไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยเพียงปีละ 2 เล่ม ส่วนหนึ่งเกิดจากเด็กขาดการอ่าน และเขียนภาษาไทยที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลไปยังวิชาอื่นๆ ได้ต่อไป จึงได้มอบหมายให้โรงเรียนทำการสำรวจหากพบเด็กไม่สามารถอ่านหนังสือได้ หรืออ่านได้แต่ไม่คล่องก็ให้สอนพิเศษเพิ่มเติมเพื่อให้เด็กกลุ่มดังกล่าวพัฒนาทักษะทางด้านการอ่านขึ้น โดยให้โรงเรียนประเมินผลหลังจากดำเนินการเดือนละ 1 ครั้ง สำหรับโครงการ E-Library ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการจัดการกับระบบการยืมคืนหนังสือระหว่างห้องสมุดแต่ละโรงเรียนได้ด้วยตนเอง แต่ขาดการดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้ครบทุกโรงเรียนส่งผลต่อการเรียนรู้ในห้องสมุด กทม.จึงได้เตรียมโครงการที่จะขยายการดำเนินการเพิ่มเติมอีก 50 แห่งภายในปีหน้า โดยจะพัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ได้ด้วย จัดอบรมเพื่อพัฒนาการศึกษาทุกระดับอย่างครบวงจร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง โครงการต่างๆ ด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานครในอนาคตภายหลังการจัดโครงการฝึกอบรมครูพี่เลี้ยงประจำศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียนทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น 13 รุ่น เนื่องจากเด็กจะเรียนดีได้ต้องได้รับการพัฒนาในช่วงเวลาก่อนวัยเรียน หากกทม. มุ่งเน้นในจุดนี้ได้จะทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากยิงขึ้น ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับโรงเรียนสาธิตและมหาวิทยาลับราชภัฎหลายแห่ง ในการพัฒนาระบบการจัดการศึกษาของกทม. รวมทั้งการขอความร่วมมือจากสถานกวดวิชาชื่อดัง 10 แห่ง เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนสังกัดกทม. โดยเฉพาะโรงเรียนขยายโอกาสที่มีนักเรียนระดับม.3-ม.6 ที่มีความพร้อมแต่ขาดโอกาสได้รับการกวดวิชาเพื่อให้เข้าสู่มหาวิทยาลัยได้มากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ