‘ Ferro’ สร้างชื่อ “วัสดุขัดมันผิวแกร่ง” สินค้าแบรนด์ไทย เทียบชั้นต่างชาติด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล

ข่าวทั่วไป Tuesday August 25, 2009 13:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--สวทช. iTAP เครือข่ายภาคเหนือ หนุนบริษัท เฟอร์โร คอนสตรัคชั่น โปรดักส์ จำกัด เพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์วัสดุขัดมันผิวแกร่งสำหรับพื้นโรงงานอุตสาหกรรมด้วยหลักวิชาการ ภายใต้แบรนด์ “Ferro” ที่มุ่งมั่นสร้างสินค้าเมดอินไทยแลนด์ 100% รายแรกที่กล้าชนต่างชาติ ด้วยคุณภาพที่ทัดเทียมกับสินค้านำเข้าเตรียมต่อยอดสู่ “ Green Product ” ในวงการเคมีภัณฑ์ งานก่อสร้างและธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้างกลุ่มเทคโนโลยีฯ ส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ ที่คนไทยต้องพึ่งพาการนำเข้า ขณะที่การก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมของไทยมีอยู่จำนวนมากและยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในการก่อสร้างพื้นโรงงานอุตสาหกรรม เทคนิคที่ทำให้พื้นมีความแข็งแกร่ง ทนต่อแรงเสียดทาน หรือแรงกดทับจากการใช้งานต่างๆ คือ ‘ผงแร่ หรือ เคมีภัณฑ์ ’ สำหรับโรยบนหน้าคอนกรีต(สด) เพิ่มความแข็งแกร่งใช้ได้ทั้งพื้นภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งสารเคมีดังกล่าวปกติจะต้องนำเข้าปีละหลายล้านบาทแต่ที่ผ่านมาสินค้าลักษณะดังกล่าวยังไม่เคยมีคนไทยคนไหนกล้าลงทุนผลิตขึ้นในประทศแข่งต่างชาติ ภายใต้แบรนด์ของคนไทยมาก่อน นายบุญชัย วังรัตนโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟอร์โร คอนสตรัคชั่น โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตวัสดุขัดมันผิวแกร่งสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ “ Ferro” ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทคนไทยไม่กี่รายในวงการเคมีภัณฑ์งานก่อสร้างของไทยที่กล้าท้าชนบริษัทข้ามชาติ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 มูลค่าการลงทุนกว่า 20 ล้านบาท บนพื้นที่ 10 ไร่ ในอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานเพื่อดำเนินการผลิตวัสดุก่อสร้างชนิดต่างๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีสำหรับวัสดุก่อสร้าง อาทิ วัสดุกันซึม วัสดุพื้น และวัสดุซ่อมแซมคอนกรีต เป็นต้น นายบุญชัย ยอมรับว่า “ จนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นมีแบรนด์ไทยในวงการเคมีก่อสร้างและมอร์ต้าร์ที่มีภาพลักษณ์ของคนไทย 100% และมีการจดทะเบียนเป็นโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่จะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างคนไทยกับต่างชาติมากกว่าที่จะกล้าเสี่ยงสร้างแบรนด์เอง จึงมีแนวคิดที่จะผลิตสินค้ากลุ่มดังกล่าวและสร้างแบรนด์ของคนไทยขึ้นเอง ด้วยความตั้งใจให้เป็นโรงงานแห่งแรกของไทย เพื่อให้ต่างชาติเห็นว่าคนไทยก็สามารถพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นใช้ได้ไม่แพ้ชาวต่างชาติ จึงได้ทดลองการผลิตสินค้ากลุ่มวัสดุเคมีภัณฑ์งานก่อสร้าง ” แต่ในการทดลองสูตรของบริษัทเบื้องต้นนั้น ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากขาดความรู้เชิงหลักวิชาการ ดังนั้น บริษัทจึงขอรับการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เครือข่ายภาคเหนือ โดยโครงการ iTAP สวทช. เครือข่ายภาคเหนือ ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ามาเป็นที่คำปรึกษา ในโครงการ “การปรับปรุงและพัฒนาสมบัติของวัสดุขัดมันผิวแกร่ง ” ของสินค้า 2 ชนิด คือ Ferrocrete NM ( Non-Metallic Floor Hardener ) หรือ วัสดุขัดมันผิวแกร่งทนการเสียดสี ชนิดไม่มีส่วนผสมของผงโลหะสำหรับพื้นโรงงานอุตสาหกรรม และ Ferrocrete MT (Metallic Floor Hardener ) ผลจากการร่วมวิจัยพัฒนาครั้งนี้ ทำให้บริษัทสามารถผลิตปูนทรายผิวแกร่งทนการเสียดสีสำหรับพื้นโรงงานอุตสาหกรรมในกลุ่มสินค้าซีเมนต์พิเศษได้สำเร็จตั้งแต่ปี 2548 และผลิตออกจำหน่ายในปี 2549 เป็นต้นมา จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ใช้ในโครงการขนาดใหญ่หลายแห่ง จึงเกิดความมั่นใจมากขึ้นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพื้นเรซิ่น และเตรียมส่งออกในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชา ภายใต้แบรนด์ “Ferro” หลังได้รับการรับรองมาตรฐานมอก. จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับการจัดทำห้องปฏิบัติการ (Lab) ภายในปี 2552 อย่างไรก็ดีผลจากการดำเนินโครงการฯ ยังพบว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีคุณสมบัติความแข็งแรงหรือกำลังอัด ( Compressive Strength) ที่เทียบกับคอนกรีตอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่ามาตรฐานพื้นคอนกรีตทั่วไป ( 210 กก./ตร.ซม.) โดยคอนกรีตที่ถูกพัฒนาแล้วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มอายุการใช้งานของพื้นอุตสาหกรรม หรือ คลังเก็บสินค้า นอกจากนี้ยังแห้งเร็วขึ้นจาก 28 วันเหลือเพียง 12 ชม. ช่วยประหยัดเวลา และค่าแรงงาน สามารถรับน้ำหนักของวัตถุได้ดีขึ้น มีความทนทานแข็งแรงได้มากถึง 9 เท่า ( จากผลวิจัยในห้อง Lab ) เกิดการสึกกร่อนน้อยกว่าพื้นคอนกรีตทั่วไป ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมสำหรับการก่อสร้างพื้นโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังสามารถนำสูตรคอนกรีตที่พัฒนาขึ้น ไปใช้งานซ่อมแซมหรือแก้ไขงานก่อสร้างเดิม เพื่อเพิ่มค่าการรับน้ำหนักสำหรับโรงงานเก่าได้ ป้องกันการหดตัวจากการระเหยของน้ำในปูนซีเมนต์ เพราะเมื่อน้ำระเหย ปูนจะแห้งแต่สารเคมีดังกล่าวมีความยืดหยุ่นจะมีการพองตัวเต็มพื้นที่ (มีการเรียงเม็ดทำให้แน่นขึ้น) ส่งผลให้คอนกรีตเกิดความแข็งแกร่ง ทนทานต่อการรับน้ำหนักและแรงานเสียดทานของวัตถุที่มากระทบบนพื้นผิว จึงเหมาะสำหรับงานซ่อมแซม และงานเก็บรอยร้าว นายบุญชัย ยอมรับว่า “ สิ่งพิเศษที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่างจากคู่แข่ง คือ “เครื่องมือทดสอบ” ที่ทางผู้เชี่ยวชาญได้สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ร่วมกับบริษัทวิจัยและพัฒนาขึ้น ขณะที่คู่แข่งทั้งบริษัทร่วมทุนและบริษัทต่างชาติ ยังไม่มีการนำเข้าเครื่องทดสอบดังกล่าวมาใช้ จึงถือเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบทำให้มั่นใจว่า เราเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวของไทย ที่มีการใช้เครื่องมือทดสอบความแข็งแกร่งของวัสดุขัดมันผิวแกร่งสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมได้ตรงกับการใช้งานจริง และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ” สำหรับผลประกอบการของบริษัทหลังจากที่ได้พัฒนาสูตรการผลิตวัสดุขัดมันผิวแกร่งฯ ขึ้น ส่งผลให้บริษัท มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 เพราะเมื่อบริษัทไม่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้ช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้กลับเข้ามามากขึ้น โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ สถาปนิก ที่ต้องการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของคนไทย นายบุญชัย กล่าวเสริมว่า ล่าสุดบริษัทฯ มีความสนใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตไปสู่กรีนโปรดักส์ เพราะเป็นกระแสที่กำลังมาแรงในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทฯ จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาคอนกรีตสำหรับพื้นหลังคา หรือ Green roof (ดาดฟ้าสีเขียว) โดยใช้คอนกรีตกันซึม กันร้อนที่มีน้ำหนักเบา สามารถรองรับแนวคิดการจัดสวนบนดาดฟ้าอาคาร เพื่อเป็นการอนุรักษ์พลังงานและสร้างออกซิเจนบนพื้นที่ที่จำกัด ช่น กรุงเทพมหานคร และตามเมืองใหญ่ๆ “ เฟอร์โรกรีต 218 เป็นผลิตภัณฑ์ปูนฉนวนกันความร้อนและกันน้ำซึมที่ทางบริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพื้นหลังคาดาดฟ้าที่ยังไม่มีผู้ใดผลิตได้ ซึ่งทางบริษัทฯ เตรียมนำออกแสดงในงานสถานปนิก’ 53 ที่จะมีขึ้นราวเดือนเมษายนปีหน้า ขณะนี้บริษัทฯ กำลังขอรับการสนับสนุนจากโครงการ iTAP สำหรับการจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านพฤษศาสตร์ที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการตัดแต่งพันธุกรรมพืชหรือต้นไม้ที่มีน้ำหนักเบา และต้องการน้ำน้อย แต่สามารถให้ออกซิเจนได้มากขึ้นถึงสองเท่า รองรับกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทด้วย เพื่อให้โครงการนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ” นายบุญชัย กล่าว บริษัท เฟอร์โร คอนสตรัคชั่น โปรดัสก์ จำกัด ( สำนักงานขาย ) เลขที่ 10/15 หมู่ 2 ถ. ราชพฤกษ์ ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร. 02-921-8648 แฟ็กซ์ 02-985-3742 เว็บไซต์ www.ferroproduct.co.th สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับการสนับสนุนจากโครงการ iTAP สามารถติดต่อได้ที่ ( ส่วนกลาง ) โทร.02-564-7000 ต่อโครงการ iTAP ( สวทช.เครือข่ายภาคเหนือ ) โทร.(053)226-264 แฟ็กซ์ (053)226-265 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tmc.nstda.or.th/itap , www.nn.nstda.or.th ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการ iTAP โทร .02-270-1350-4 ต่อ114 , 115

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ