Economize Your Storage “ความคุ้มค่าของระบบจัดเก็บข้อมูล”

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday September 1, 2009 12:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--คอร์แอนด์พีค ด้วยสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนในขณะนี้ ทำให้หลายบริษัทหันมายึดแนวทางอนุรักษ์นิยมและไม่เต็มใจที่จะใช้จ่ายในด้านใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม วิกฤตครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการตรวจสอบการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) และการนำกลยุทธ์ต่างๆ ที่ทำให้ 'ได้งานมากขึ้นแต่จ่ายน้อยลง' มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ รายงานฉบับนี้เน้นไปที่เทคโนโลยีระบบจัดเก็บข้อมูลและให้มุมมองของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ต่อการจัดการต้นทุนของระบบจัดเก็บข้อมูล ซึ่งนั่นจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและสร้างสถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวด้วย นายฮิว โยชิดะ รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ระบุว่า: "การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเรามีเทคโนโลยีชั้นเยี่ยม แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเนื่องจากผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ซึ่งมองเห็นว่าเทคโนโลยีระบบจัดเก็บข้อมูลเป็นหน่วยการเปลี่ยนแปลงสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ และมีทักษะด้านผู้นำที่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ไปใช้เพื่อจัดการกับปัญหาที่แท้จริงของธุรกิจได้" รากเหง้าของวิกฤตทางการเงิน ? วิกฤตการณ์ทางการเงินของโลกที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากความสูญเสียความมั่นใจของนักลงทุนต่อมูลค่าของสินเชื่อที่อยู่อาศัย (การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์) ในสหรัฐ ส่งผลต่อวิกฤตสภาพคล่องของตลาดการเงิน ซึ่งกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรปต่างพากันอัดฉีดทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดเงินของตน ? ภาวะล่มสลายของตลาดสินเชื่อการเคหะสำหรับผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อต่ำ (ซับไพร์ม) และการพลิกกลับ (จากเคยเฟื่องฟูก็ดิ่งลงเหว) ของภาวะตลาดบ้านเฟื่องฟูในประเทศอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปทั่วโลก ? สิ่งที่ตามมาหลังยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู คือ ตลาดการเงินเกิดภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งการขาดทุนแบบเหนือความคาดหมาย ทำให้ฐานเงินทุนของสถาบันการเงินหดหายในอัตราที่รวดเร็วเกินกว่าที่จะระดมทุนก้อนใหม่ได้ทัน ? มีการนำความรุนแรงของสถานการณ์ครั้งนี้ ไปเปรียบเทียบกับยุคเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เมื่อปี 2472 ซึ่งภาวะนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับไฟไหม้ป่า ส่งผลกระทบต่อบรรดาประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งสุดในโลก และทำให้หลายประเทศตกอยู่ในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ โดยบางประเทศในจำนวนนี้อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ? ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกต่างร่วงลง สถาบันการเงินขนาดใหญ่ต้องล้มละลาย หรือโดนซื้อกิจการ และรัฐบาลประเทศต่างๆ แม้กระทั่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยังต้องยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูระบบการเงินของตัวเอง ? ปัจจุบันเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลกต่างเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือกำลังตกอยู่ในภาวะนี้ ซึ่งประเทศเหล่านี้รวมถึงหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ? ในช่วงเวลาเช่นนี้ รัฐบาลเกือบทุกประเทศต่างพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคมาตรฐาน รวมถึงนโยบายด้าน เพิ่มการกู้ยืม, ลดดอกเบี้ย, ลดภาษี และใช้จ่ายในงานด้านสาธารณะ อาทิเช่น สาธารณูปโภคพื้นฐาน ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกต่อภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ? รายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีต่อเอเชียเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมักจะรุนแรงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาคส่งออกของเอเชีย พึ่งพา และ เกี่ยวข้องอย่างมากกับเศรษฐกิจโลก ? นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังคาดการณ์ไว้ว่า — การเติบโตของเอเชียจะลดลงอย่างมากที่ระดับ 1.3% ในปี 2552 จากที่เคยเติบโตถึง 5.1% ในปีก่อนหน้านี้ — จีนมีการดำเนินนโยบายในเชิงรุกเพื่อส่งเสริมความต้องการภายในประเทศ — ในระยะยาวอาจต้องมีการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจโดยไม่เน้นพึ่งพาการส่งออก ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ บรรดานักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกขาลงได้เร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ ข้อมูลจากที่ประชุมโป๋อาว ฟอรัม ฟอร์ เอเชีย (บีเอฟเอ) ระบุว่าจีนและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางรายในเอเชียจะเป็นแกนนำในการฟื้นตัวจากวิกฤติครั้งนี้ ข้อมูลจากบีเอฟเอยังระบุด้วยว่าวิกฤตทางการเงินถือเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างโลกตะวันออกกับตะวันตกให้สมดุลมากขึ้น หลายประเทศในเอเชีย เช่น จีนที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศรื้อแผนการใช้เงินของภาครัฐครั้งใหญ่ ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกต่อตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ? จากรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ของบริษัท การ์ทเนอร์ (2552) ระบุว่า “ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลดลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) โดยคาดการณ์การใช้จ่ายด้านไอทีรวมทั่วโลกที่ระดับ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2552 ลดลง 3.2% จากปี 2551 ที่มีรายได้รวมเกือบ 3.4 ล้านล้านดอลลาร์” ? ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก บริษัท การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าตลาดหลักทั้งหมดสี่ส่วน ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บริการด้านไอที และโทรคมนาคม จะได้รับการปรับลดต่ำลง ซึ่งจะมีเฉพาะการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์เท่านั้นที่ยังคงเติบโตในทางบวก ? แม้ว่าการใช้จ่ายด้านไอทีจะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าไอทีสามารถช่วยลดต้นทุนโดยรวมขององค์กรและช่วยองค์กรขนาดใหญ่ควบคุมงบประมาณเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจในปี 2552 ได้ ? ขณะนี้องค์กรต่างๆ กำลังพิจารณาใช้ไอทีเป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนธุรกิจของตนและนำโมเดลการดำเนินงานที่ปรับลดหรือตัดกระบวนการที่ไม่จำเป็นหรือสิ้นเปลืองออกไปเข้ามาใช้ภายในองค์กรมากขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ไม่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีก็เนื่องมาจาก — ไอทีรวมอยู่ในการดำเนินงานทุกด้านขององค์กรธุรกิจ — เป็นระยะเวลาหลายปีมาแล้วที่โครงการเกี่ยวกับไอทีถูกกำหนดไว้ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจและยากที่จะตัดออกได้ในทันที — การใช้จ่ายด้านไอทีช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจได้อย่างน้อยสองไตรมาส ? บริษัท การ์ทเนอร์ ธุรกิจด้านการวิจัยเทคโนโลยี คาดว่าองค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกจะชะลอการอัปเกรดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และโครงการด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ออกไป และจะหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาฐานลูกค้าและการจัดซื้อให้มากขึ้น รายงานยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด คาดกันว่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตที่ระดับ 8.3% ในปี 2552 หรือคิดเป็น 585.7 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของการ์ทเนอร์ที่ระบุว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 11% ? บริษัท ไอดีซี คาดการณ์หลังปี 2552 ว่าการใช้จ่ายด้านไอทีเพื่อฟื้นสภาพองค์กรจะมีอัตราการเติบโตถึง 6.0% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ไอดีซีประมาณการว่ารายได้ของอุตสาหกรรมจะหายไปกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากการใช้จ่ายที่ชะลอตัวในอีกสี่ปีข้างหน้านี้ ? แม้ว่าภาคไอทีจะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด แต่บางส่วนของอุตสาหกรรมมีความยืดหยุ่นกว่าส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะในส่วนที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของธุรกิจและความคุ้มค่าที่ทำให้องค์กรสามารถได้งานมากขึ้นแต่จ่ายน้อยลง มุมมองด้านระบบจัดเก็บข้อมูล “ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสสำหรับองค์กรธุรกิจในเอเชียที่จะกลั้นลมหายใจของตนและวางแผนเชิงกลุยทธ์เพื่อแซงหน้าคู่แข่งด้วยการให้ความสำคัญกับการปรับใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” ไซมอน พิฟ ผู้อำนวยการโครงการด้านการวิจัยระบบจัดเก็บข้อมูลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ไอดีซี กล่าว ? ไอดีซีคาดว่าข้อมูลแบบมีโครงสร้างจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ระดับ 32.3% ระหว่างปี 2550 - 2554 ขณะที่ข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้างจะมี CAGR ที่ระดับ 63.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนคลังเนื้อหา ซึ่งเป็นข้อมูลที่สร้างโดย Web 2.0 และบริษัทผู้ให้บริการอุปกรณ์เคลื่อนที่จะมี CAGR ที่ระดับ 121% ? การควบคุมและการลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการและการบริหารที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์จะเป็น "ส่วนสำคัญ" สำหรับองค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้ที่จะต้องดำเนินการต่อไป ? จากรายงานของบริษัท ไอดีซี ระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและระบบปรับอากาศเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและจัดการอุปกรณ์ ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดรายจ่ายการดำเนินงาน (Operating Expenditure) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ใหม่หรือรายจ่ายการลงทุน (Capital Expenditure) ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ? องค์กรธุรกิจสามารถลดรายจ่ายด้านการลงทุนได้ด้วยการผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์ศูนย์ข้อมูลของตนให้เต็มที่ และยังสามารถประหยัดรายจ่ายการดำเนินงานด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจัดการและพลังงานได้ด้วย ? สิ่งที่เกิดตรงข้ามกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ก็คือการขยายของข้อมูลในเชิงบวกแม้ว่าธุรกิจจะชะลอตัวอยู่ก็ตาม แต่อัตราการเติบโตของข้อมูลกลับไม่ได้ชะลอตัวตามไปด้วย ? จากผลการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลท่ามกลางภาวะปั่นป่วนของตลาดเงิน พบว่า — 57% ของซีไอโอระบุว่าพวกเขาจะไม่ลดการลงทุนด้านระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรตน — ต้นทุนด้านการจัดการ (69%) และการจัดสรรทรัพยากรระบบจัดเก็บข้อมูล (52%) เป็นงานที่สำคัญที่สุดที่จะต้องดำเนินการให้ลุล่วงในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ — ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านเทคโนโลยีระบุว่าแนวทางหลักที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จก็คือการยึดปัจจัยสำคัญที่สุดเพียงปัจจัยเดียว — การให้คำอธิบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับการลงทุนในระบบจัดเก็บข้อมูล (52%) และการได้งานมากขึ้นจากสินทรัพย์ปัจจุบัน (50%) เป็นสิ่งสำคัญสองประการที่ซีไอโอต้องการจากผู้ค้าเทคโนโลยี ? ผู้ใช้ที่ปรับโครงสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลของตนให้ทันสมัยภายในวงงบประมาณที่จำกัดและตามข้อกำหนดที่เคร่งครัดกำลังหันมาใช้ระบบเสมือนจริง ระบบจัดเก็บข้อมูลใหม่ เทคโนโลยีระบบจัดเก็บข้อมูลสีเขียว (เชิงอนุรักษ์) และแนวทางการจัดการและเครื่องมือที่ดีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยและข้อตกลงของระดับการบริการ ? จากข้อมูลของ SNIA ระบุว่าระบบเสมือนจริง (Virtualization), การกำจัดความซ้ำซ้อนของข้อมูล (Data De-duplication), การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ/ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing/Cloud Storage) และ SaaS เป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2552 เนื่องจากบริษัทต่างๆ ต้องการได้รับ TCO และ ROI ที่ดีขึ้น การใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นและการปรับใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ได้งานมากขึ้นแต่จ่ายน้อยลงเป็นจุดสำคัญของอุตสาหกรรมระบบจัดเก็บข้อมูล ? การรวมระบบเป็นหนึ่งเดียวจะเป็นตัวผลักดันที่สำคัญขององค์กรเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งจะต้องการสถาปัตยกรรมใหม่มากกว่าผลิตภัณฑ์ระบบจัดเก็บข้อมูลใหม่ การรวมระบบเป็นหนึ่งเดียวนั้นจะต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ — ไม่รบกวนการทำงานของแอพพลิเคชั่น — ใช้การลงทุนที่มีอยู่แล้ว — ลดต้นทุนการดำเนินงานโดยที่ไม่เพิ่มความซับซ้อนใดๆ — เพิ่มการใช้ประโยชน์สิ่งมีอยู่และเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น — ตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วผ่านการปรับใช้บริการใหม่ต่างๆ แทนที่ จะเพิ่มโซลูชั่นใหม่ กลยุทธ์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ — ความคุ้มค่าของระบบการจัดเก็บข้อมูล (Economize Your Storage) ประเด็นสำคัญ: แนวคิด 'ความคุ้มค่าของระบบจัดเก็บข้อมูล' (Economize Your Storage) ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คือการช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่มีอยู่ได้สูงสุด ลดค่าใช้จ่าย ได้สินทรัพย์ต่างระบบที่มีอยู่ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์กลับคืนมา ทำให้การจัดการเป็นเรื่องง่าย และสามารถปรับใช้การป้องกันข้อมูลได้อย่างเหมาะสมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (Storage Virtualization), การจัดสรรดิสก์อย่างอิสระ (Dynamic Provisioning), การจัดเก็บเนื้อหาถาวร (Content Archiving) และการป้องกันข้อมูล (Data Protection) แนวคิดสนับสนุน: แนวคิดแบบเดิมขององค์กรเมื่อต้องจัดการกับความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีจำกัด คือ การจัดซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมหรือเพิ่มดิสก์ข้อมูล แม้ต้นทุนการจัดซื้อจะมีเพียง 20-30% ของต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวมของระบบจัดเก็บข้อมูล (TCO) แต่แนวทางนี้สร้างภาระทางการเงินอย่างมหาศาลให้กับองค์กรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและยังนำไปสู่ความซับซ้อนและความต้องการด้านการจัดการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แนวทาง ‘ความคุ้มค่าของระบบจัดเก็บข้อมูล’ ของฮิตาชิ แสดงให้เห็นถึงรูปแบบใหม่ในการจัดการปัญหาด้านการขยายตัวของข้อมูลด้วยการให้ความรู้แก่ผู้จัดการระบบจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการประเมินต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม (Total Cost of Ownership :TCO) และสร้างแผนปฏิบัติการเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากสินทรัพย์ระบบจัดเก็บข้อมูลต่างชนิดกันที่มีอยู่ ( Return on Assets :ROA) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ระบุต้นทุนการดำเนินงานของระบบจัดเก็บข้อมูลที่แตกต่างกัน 33 ชนิด ทุกชนิดจะครอบคลุมตั้งแต่ความเสี่ยงด้านการดำเนินการตามกฎข้อบังคับและประเด็นการเก็บรักษาข้อมูล ไปจนถึงการลดจำนวนไลบรารีเทป เทปไดรฟ์ และการลดค่าใช้จ่ายระยะยาว แนวคิด ‘ความคุ้มค่าของระบบจัดเก็บข้อมูล’ ช่วยให้องค์กร — ระบุส่วนที่สามารถช่วยประหยัดต้นทุนระยะยาวและระยะกลางได้ — ลดทั้งรายจ่ายด้านการลงทุน (Capital Expenditure :CAPEX) และรายจ่ายด้านการดำเนินการ (Operational Expenditure: OPEX) — ปรับปรุงระดับบริการขณะที่ต้นทุนลดลง — ลดการพึ่งพิงแบบจำกัดผู้ค้า — ช่วยให้องค์กรเป็นอิสระจากโมเดลความซับซ้อนของภาวะผันแปรขึ้นลงของต้นทุน — นำสถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลที่ดีเยี่ยมมาใช้ได้ภายใต้หลักการพิจารณาเชิงต้นทุน — นำความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลับมาใช้ได้ — จัดการสภาพแวดล้อมการทำงานที่ต่างระบบกันได้โดยง่าย — โอนย้ายข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ ? บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ทำงานร่วมกับลูกค้ากว่า 600 รายทั่วโลกตั้งแต่ปี 2545 ด้วยการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำให้สภาพแวดล้อมระบบจัดเก็บข้อมูลที่ต่างระบบสามารถช่วยประหยัดเงินให้กับองค์กรได้ การเข้าร่วมกับบริษัท ฮิตาชิเพื่อความคุ้มค่าของระบบจัดเก็บข้อมูลของคุณ ถือเป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพจากการลงทุนปัจจุบันได้สูงสุดและลด CAPEX และ OPEX ได้อย่างต่อเนื่อง แนวคิดที่ได้รับการยอมรับ: ? ในการรวมระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างดิสก์อย่างอิสระเข้าด้วยกัน จะทำให้ลูกค้าสามารถ — ประหยัดค่าใช้จ่ายต่อปี 20% — เพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ได้ 30 - 40% — ลด TCO ได้ 30% — เรียกความจุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลับคืนได้ 30%-50% ? มหาวิทยาลัยศูนย์สาธารณสุขศาสตร์ของยูทาห์ (University of Utah Health Sciences Center: UUHSC) ได้รับ ROI 127% ภายใน 14 เดือนและคาดว่าภายในสามปีของการใช้โซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงของฮิตาชิ (Hitachi Storage Virtualization) จะประหยัดเงินได้มากกว่า 1.6 ล้านดอลลาร์ ? บริษัทสิบอันดับแรกใน Forbes Global 2000 สามารถเรียกคืนความจุที่ไม่ได้ใช้งานกลับคืนได้กว่า 150 เทราไบต์ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2 ล้านดอลลาร์เมื่อนำโซลูชั่นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างดิสก์อย่างอิสระของฮิตาชิ (Hitachi Dynamic Provisioning) เข้ามาใช้ภายในองค์กร ? เศรษฐศาสตร์การจัดเก็บข้อมูล: การประเมินต้นทุนที่แท้จริงของระบบจัดเก็บข้อมูล, ไอดีซี, ธันวาคม 2551 ระบุว่า แนวคิดของ "บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในเรื่องเศรษฐศาสตร์การจัดเก็บข้อมูลแสดงให้เห็นถึงมูลค่าที่แท้จริงของสถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลที่ซับซ้อนและทำให้การวิเคราะห์ ROI กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจด้านการลงทุนในระบบจัดเก็บข้อมูลด้วย” ? การศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การจัดเก็บข้อมูลของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ระบุว่า ระบบจัดเก็บข้อมูลในปัจจุบันได้รับการใช้ประโยชน์เพียง 20 - 30% เท่านั้น แต่การจัดซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ? บริษัท ฟิเดลิตี้ เนชั่นแนล อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส (เอฟเอ็นไอเอส) ได้รับทุนคืนภายในไม่กี่เดือนหลังจากปรับใช้สถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบระดับชั้นเสมือนจริง คาดว่าโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลจะช่วยเอฟเอ็นไอเอสประหยัดได้มากกว่า 27 ล้านดอลลาร์ภายในสามปี ? “สถาปัตยกรรม Thin Client และ SAN ช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่า 900,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์* ในปีแรกของการดำเนินโครงการ” เอ็ด ซาแลนท์ รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงแรมและรีสอร์ทมิลเลนเนียม (นิวซีแลนด์) กล่าว ? จากรายงานของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ระบุว่าการโอนย้ายข้อมูลไปยัง "เทคโนโลยีรุ่นใหม่" จะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 76,000 ดอลลาร์ต่อเทราไบต์ ? “ด้วย Hitachi USP V ทำให้เราสามารถรวมสภาพแวดล้อมของระบบจัดเก็บข้อมูลที่แยกส่วนกันก่อนหน้านี้ให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้เกิดความสามารถด้านระบบเสมือนจริงและสามารถโยกย้ายข้อมูลได้ทั่วทั้งองค์กร ซึ่งนั่นตอบสนองความต้องการของเราได้อย่างสูงสุด นอกจากนี้ เรายังสามารถสั่งงานได้จากจุดเดียว ตลอดจนลดความซับซ้อนและต้นทุนการเป็นเจ้าของได้อีกด้วย…” ไบรอัน คริปส์ สถาปนิกระบบจัดเก็บข้อมูล บริษัท ซีล แอร์ กล่าว ? ด้วยเครือข่ายทั่วประเทศ 1,412 สาขา และเอทีเอ็ม 3,177 จุดในเมืองต่างๆ 527 แห่ง ธนาคารเอชดีเอฟซี สามารถประหยัดชั่วโมงการทำงานได้นับพันชั่วโมง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเสมือนจริงของฮิตาชิ นายฮาริช เชตตี รองประธานฝ่ายบริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ธนาคาร เอชดีเอฟซี กล่าวว่า “โซลูชั่นระบบเสมือนจริงของฮิตาชิช่วยให้เราสามารถจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น เราไม่เพียงสามารถขยายอายุการใช้งานของสินทรัพย์เดิมเท่านั้น แต่ยังสามารถจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดผ่านพูลเสมือนจริงเพียงพูลเดียวได้ ซึ่งนั่นปรับปรุงการใช้ประโยชน์ระบบจัดเก็บข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานได้อย่างมาก เรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตได้อย่างมากด้วยการส่งมอบเวลาตอบสนองให้กับลูกค้าได้เร็วขึ้นและรักษาต้นทุนของการทำสแนปช็อตฐานข้อมูลขนาด 3 เทราไบต์จำนวนมากให้ลดน้อยลงได้" สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณศรีสุพัฒ เสียงเย็น ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท คอร์แอนด์พีค จำกัด โทร. 02 439 4600 ต่อ 8300 [email protected] Best Regards, Srisuput Siangyen Public Relations Manager Core & Peak Co., Ltd. Tel: (+66) 02 439 4600 ext. 8300 Mobile: (+66) 081 694 7807 email: [email protected] ***** Disclaimer Message *************************** This e-mail and its attachment are confidential and are intended solely for the use of the individual or entity to whom they are addressed. If you are not the intended receipient or the person responsible, be advised that you have received this e-mail in error and that any use, dissemination, forwarding, printing or copying of this e-mail is strictly prohibited. If you have received this e-mail in error, please immediately return the email back to the sender and notify that you have received it in error and please delete all copies of such email either in soft or hard format from your systems or records. **********************************************************

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ