กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--คต.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ระเบียบ REACH ได้กำหนดระยะสุดท้ายของการจดทะเบียนสารเคมีให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ธันวาคม 2553 จากนี้ไปผู้จดทะเบียนควรเร่งจัดตั้ง SIEF (Substance Information Exchange Fora) และต้องกำหนด Lead Registant ให้ได้ภายในกันยายน 2552 เพื่อจัดเตรียมแฟ้มข้อมูลสำหรับยื่นจดทะเบียนสารเคมีให้ทันระยะเวลาที่กำหนดไว้
แม้ว่าขั้นตอนการจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าไม่ซับซ้อนมาก แต่การจัดทำแฟ้มข้อมูลจดทะเบียน จะยุ่งยากมากกว่าเดิม เนื่องจากผู้ประกอบการต้องเตรียมข้อมูลทางเทคนิคและศึกษาทำความเข้าใจคู่มือทางเทคนิคอย่างถ่องแท้ ขณะเดียวกันจะต้องดำเนินการแจ้งรายการสารเคมีที่ได้จัดจำแนกและปิดฉลาก (Classification & Labelling Inventory) ตามระเบียบว่าด้วยการจัดจำแนกและปิดฉลากสารเคมีและบรรจุหีบห่อสารเคมี (CLP) ให้ทันกำหนดสิ้นสุดก่อน 1 ธันวาคม 2553
ในส่วนของระเบียบ CLP เป็นระบบจัดจำแนกสารเคมีด้วยตนเอง (Self — Classification) โดยผู้ประกอบการต้องมีการปรับประสานการจัดจำแนกและปิดฉลาก รวมทั้งจัดทำ Classification & Labelling Inventory เพื่อให้ครอบคลุมรายการสารเคมีที่ได้จดทะเบียนภายใต้ระเบียบ REACH ด้วย ซึ่งสารเคมีที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของระเบียบ CLP และจัดเป็นสารอันตรายนั้น กำหนดวันสุดท้ายในการจัดการสารเคมีตามระเบียบ CLP ต้องเสร็จสิ้นภายใน 30 พฤศจิกายน 2553 อย่างไรก็ดี การประชุม Conference on EU and World — Wide Rules for Classification, Labeling and Packaging of Chemicals ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมได้มีข้อเรียกร้องให้จัดทำบริการ Hotline เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการนำเข้าในประเด็นการให้คำอธิบาย / แนะนำการปฏิบัติให้สอดคล้องตามระเบียบ REACH และ CLP
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (DG SANGO) ได้กำหนดห้ามการใช้สารเคมีที่ป้องกันเชื้อรา (Dimethyl Fumarate : DMF) ในผลิตภัณฑ์ สำหรับผู้บริโภคใน EU โดยได้ประกาศลงใน Official Journal แล้วตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2552 และมีการนำเสนอวิธีการตรวจวัดปริมาณสาร DMF ในผลิตภัณฑ์ ดังเอกสารแนบ ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบียบ CLP ได้ทางเว็บไซต์ http://echa.europa.eu/classification_en.asp