นักซิ่งขยาด ‘กล้องสี่แยก’ ยอดผิดกฎลดฮวบ

ข่าวทั่วไป Friday September 4, 2009 17:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล้องจับสี่แยกเจ๋ง นักซิ่งขยาดยอดผิดกฎลดลงกว่าครึ่ง เตรียมขยายระบบเพิ่มอีกเท่าตัว ตั้งเป้าติดทุกแยกที่มีอุบัติเหตุสูง ภูธรไม่น้อยหน้า โครงการ ‘365 วันอันตรายฯ’ ทำสถิติจับกุมเพิ่ม ส่วนเจ็บ-ตายลดฮวบ พล.ต.อ.วันชัย อยู่แสง ผู้กำกับ 4 กองบังคับการตำรวจจราจร กล่าวถึงความก้าวหน้าเกี่ยวกับระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร หรือระบบ Red light camera ในเวทีเรียนรู้ ‘มิติใหม่ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธภาพ’ ในงานสัมมนาระดับชาติเรื่องอุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ 9 พลังเครือข่ายเพื่อถนนปลอดภัย ที่ผ่านมาว่า มีผลต่อการเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุจราจร และเตรียมติดตั้งเพิ่มเติมอีกเท่าตัว พล.ต.อ.วันชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากข้อมูลสถิติการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุพบการฝ่าฝืนสัญญาณไฟเป็นสาเหตุต้นๆ ดังนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ดำเนินการเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง โดยริเริ่มติดตั้งระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร หรือระบบ Red light camera มาตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2548 และใช้ได้จริงในเดือนธันวาคม 2551 ซึ่งมาถึงขณะนี้ถือว่าได้ดำเนินการมา 7 เดือน โดยระบบทำงานหลักๆ ประกอบด้วย ระบบการจับกุมผู้กระทำผิด มีเลเซอร์ในการตรวจจับ ระบบถ่ายภาพ รวบรวมเข้าสู่ระบบประมวลผล และส่งข้อมูลสู่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง แล้วส่งไปให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการส่งหมายเรียกไปให้ผู้กระทำความผิด ดังนั้นความผิดพลาดจึงน้อยมาก พล.ต.อ.วันชัย กล่าวถึงผลสำเร็จของระบบดังกล่าวว่า จากผลสำรวจการใช้ระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรใน 30 ทางแยกที่ได้มีการคัดเลือกว่ามีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูง ตั้งแต่เดือน ก.ค. 51- ก.ค.52 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 209,901 ราย โดยในเดือนแรกที่มีการติดตั้งระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสามารถจับกุมได้ 60,000 กว่าราย จากนั้นพบในเดือนต่อมาว่า จำนวนการจับกุมลงกว่าครึ่ง ทั้งนี้ ตัวเลขล่าสุด มีสถิตการจับกุมผู้กระทำผิดฐานฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรเฉลี่ย 32 รายต่อทางแยกต่อวัน ลดลงจากเดิมประมาณ 52.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตรงนี้ชี้ให้เห็นว่า หากบังคับจริงจัง พฤติกรรมของผู้ใช้ถนนก็จะเปลี่ยนไปมาก ซึ่งระบบดังกล่าวเตรียมจะติดตั้งเพิ่มเติมอีก 30 ทางแยก และจะพยายามติดตั้งให้ครบทุกทางแยกที่มีปัญหาอุบัติเหตุสูง นอกจากนี้ ยังมีการรายงานความสำเร็จในโครงการ ‘365 วันอันตรายหยุดความตายด้วยวินัยจราจร’ โดยนำเสนอตัวอย่าง 2 แห่งคือ ตำรวจภูธรภาค 3 และ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา โดย พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รอง ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินงานตามโครงการของภาค 3 เดิมนั้นจะเน้นการกวดขันวินัยจราจรในช่วงเทศกาล หลังจากนั้นการกวดขันจะลดลงแล้วหันไปเน้นการอำนวยความสะดวกและให้ความรู้แก่เยาวชนและชุมชนแทน แต่เมื่อมีโครงการเข้ามาและเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 ส.ค.51-31 ก.ค.52 ได้ทำงานสร้างความเข้าใจในทุกระดับทั้งกองบัญชาการ ภูธรจังหวัด จนถึงโรงพัก ให้รู้ข้อมูลและเป้าหมายของโครงการ ได้รับความร่วมมือจากในส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เจ้าของกิจการห้างร้านต่างๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไป ดำเนินการประชาสัมพันธ์ กวดขันวินัยจราจร บังคับใช้กฎหมาย โดยมีสถิติการจับกุมเพิ่มขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ “คำถามคือจะจับอย่างไรให้ประชาชนไม่เกลียดตำรวจ ผมเสนอว่า การจับกุมควรจับในข้อหาที่ชาวบ้านเดือดร้อน จับในข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจร และการจับมีเป้าเพื่อให้ผู้ถูกจับปรับเปลี่ยนให้เป็นผู้มีวินัยทางการจราจร” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว ด้านผลงานลดอุบัติเหตุดีเด่นของ ภ.จว.นครราชสีมา โดยกล่าวถึงปัจจัยที่ช่วยลดอุบัติเหตุว่า นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่มีความชัดเจนเป็นส่วนสำคัญเพราะทำให้สามารถกำหนดแนวทางการปฏิบัติได้ นอกจากนี้ผู้บังคับบัญชาที่ให้ความสนใจและติดตามก็เป็นตัวกระตุ้นคนทำงานให้ตื่นตัว และทำให้เกิดขวัญกำลังใจในการทำงาน ปัจจัยสำคัญต่อมาคือตำรวจผู้ปฏิบัติงานที่ให้ความสนใจ ซึ่งทำให้ตัวเลขการจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่มสูงขึ้น โดยในปีแรกจับกุมได้ 300,000 กว่าราย ปีที่สองคือปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 820,000 กว่าราย ในส่วนสาเหตุการเกิดที่มากที่สุดคือเรื่องความเร็วก็มีการจับกุมได้มากขึ้นหลายเท่าตัวเพราะมีการใช้เครื่องจับความเร็ว เชื่อว่าหากมีการจับกุมได้มากขึ้นทำให้คนกลัวจะได้และอุบัติเหตุก็จะลดลง นอกจากนี้ปัจจัยความสำเร็จคือความร่วมมือของภาคเอกชน และประชาชน โดยมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ 1529 ครั้ง ปีนี้ประมาณ 800 ครั้ง ส่วนสถิติการตายลดลงจากปีที่แล้ว 511 ศพ ในปีนี้ 338 ศพ สถิติการบาดเจ็บปีที่แล้ว 1926 ราย ปีนี้ 1267 ราย ซึ่งแม้ตัวเลขแม้จะลดลง แต่ยังไม่ได้ลดตามเป้า 50 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งไว้.-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ