บีโอไอเผย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง สำนักงานต่างประเทศแห่งใหม่เริ่มดูดเงินทุนจากจีน-เกาหลีใต้

ข่าวทั่วไป Thursday September 10, 2009 13:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--บีโอไอ บีโอไอเผย ภาวะการลงทุนยังไปได้ดี มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับความสนใจจะเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยได้รับอานิสงค์จากปัจจัยภายนอกและเป็นการลงทุนในระยะยาว อาทิ พลังงานทดแทน อาหารแปรรูป และภาคบริการ ส่วนยอดขอรับส่งเสริมเดือนสิงหาคม มีจำนวนโครงการสูงกว่าเดือนกรกฎาคมเล็กน้อย ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศแม้จะลดลง แต่คำขอรับส่งเสริมจากประเทศที่เปิดสำนักงานบีโอไอใหม่ขยายตัวอย่างมาก นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงภาวการณ์ลงทุนในช่วง 8 เดือน ปี 2552 (มกราคม — สิงหาคม) ว่า แม้ภาพรวมของคำขอรับส่งเสริมจะลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า มีอุตสาหกรรม 3 กลุ่มหลักที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นผลมาจากการตื่นตัวในการสร้างพลังงานทางเลือก ทำให้มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการผลิตเอทานอล โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม และโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ โดยโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกลุ่มพลังงานทดแทนที่น่าสนใจและมีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท คือ โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจำนวน 3 โครงการ มูลค่า 86,200 โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 15,600 ล้านบาท และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 1 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2,300 ล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรมบริการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุน และมีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย กิจการโรงแรมจำนวน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท กิจการขนถ่ายสินค้าทางน้ำจำนวน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 9,500 ล้านบาท และกิจการขนส่งทางอากาศ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8,100 ล้านบาท อีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจะเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก คือ อุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะอาหารแปรรูป ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคในต่างประเทศ เกิดความไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตในบางประเทศ จึงทำให้เกิดความต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่ผลิตจากประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต ทำให้มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้น โดยมีจำนวน 28 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 6,458 ล้านบาท นางอรรชกา กล่าวถึงยอดคำขอรับส่งเสริมในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ว่า มีจำนวนโครงการมากกว่าเดือนกรกฎาคม 7 โครงการ โดยคำขอรับส่งเสริมเดือนสิงหาคมมีจำนวน 105 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 23,800 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดคำขอตลอดทั้ง 8 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนโครงการขอรับส่งเสริม 693 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 246,100 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีจำนวน 799 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 282,800 ล้านบาท สำนักงานต่างประเทศใหม่ดึงยอดลงทุนเพียบ สำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ (Foreign Direct Investment) ในช่วง 8 เดือน พบว่า แม้จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนจะลดลง ซึ่งเป็นเพราะบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่ก็ยังมีหลายประเทศที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงทุนจากประเทศที่บีโอไอเพิ่งไปเปิดสำนักงานต่างประเทศแห่งใหม่เมื่อช่วงต้นปีนี้ อาทิ การลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งมีการเปิดสำนักงานใหม่ 2 แห่ง ที่ปักกิ่งและกวางโจว มีการขอรับส่งเสริมการลงทุน 14 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 298 หรือเกือบ 3 เท่าตัว การลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งบีโอไอได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่กรุงโซล ส่งผลให้มีคำขอรับส่งเสริมจากเกาหลีใต้จำนวน 21 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ในขณะที่การลงทุนจากไต้หวัน ซึ่งมีสำนักงานบีโอไอแห่งใหม่ด้วย มีคำขอรับส่งเสริม 23 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,426 ล้านบาท ส่วนประเทศที่บีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรมเดินทางไปชักจูงการลงทุนหลายครั้ง ก็มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มมากขึ้น อาทิ ประเทศอินเดีย มีการขอรับส่งเสริม จำนวน 13 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 400 หรือ 4 เท่าตัว และสหรัฐอเมริกา มีจำนวน 27 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ