ม.อ.ชี้ธรรมชาติเสียสมดุล ต้นตอหอยแมลงภู่ตาย แนะปรับขนาดแพเลี้ยง-เพิ่มการหมุนเวียนน้ำ

ข่าวทั่วไป Tuesday September 15, 2009 14:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ม.อ.เตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ตามชายฝั่ง ระวังสภาพแวดล้อมเปลี่ยนจากการเพิ่มปริมาณการเลี้ยงและฝนหนัก ชี้ระบบการหมุนเวียนของน้ำเปลี่ยนแปลง ทำให้หอยแมลงภู่เกิดอาการเครียดและเสี่ยงต่อการตายง่ายขึ้น แนะลดจำนวนการเลี้ยงและปรับแพหอยให้มีขนาดเล็กลง เพื่อรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติ รศ.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ เปิดเผยว่า จากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในปีนี้ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับความเค็มของน้ำ รวมทั้งปริมาณการเลี้ยงที่หนาแน่น มีผลต่อการเลี้ยงหอยแมลงภู่ของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอย ซึ่งในปีนี้จะต้องมีความระมัดระวังในการเลี้ยงหอยแมลงภู่มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยได้เข้าไปศึกษาการตายของหอยแมลงภู่ในหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 4 ของอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ที่มีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยอยู่ 89 ราย จำนวน 100 แพ พบว่า หอยแมลงภู่ที่เลี้ยงไว้ตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมของน้ำอย่างฉับพลัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหอยแมลงภู่ที่อยู่ในถุงอวน พบว่า หอยแมลงภู่ที่อยู่ด้านบนหรือที่อยู่ในระดับผิวน้ำมีการตายมากกว่าหอยแมลงภู่ที่อยู่ด้านล่าง เนื่องจากระดับความเค็มของน้ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าและเร็วกว่าระดับน้ำที่อยู่ลึกลงไป ส่งผลให้หอยแมลงภู่ไม่สามารถปรับตัวได้ นอกจากนี้ วิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ของกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าว ต่างเพิ่มปริมาณการเลี้ยงหอยแมลงภู่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 2-3 เท่า มีผลต่อระบบการไหลเวียนของน้ำที่ไม่ดี ทำให้ปริมาณอาหารที่หอยแมลงภู่ได้รับน้อยลง เมื่อรวมกับปัจจัยของระดับความเค็มของน้ำทะเลที่ลดลงจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ทำให้หอยแมลงภู่เกิดความเครียด อ่อนแอ และเมื่อหอยเกิดการตาย ทำให้สภาพน้ำยิ่งเสื่อมลง เกิดเชื้อโรคและส่งผลให้หอยแมลงภู่ตายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว “การชะล้างของน้ำฝนทำให้เกิดตะกอนสีต่างๆ ที่เป็นปัญหาต่อหอยที่กินอาหารด้วยการกรอง แม้ว่าหอยแมลงภู่จะมีกลไกในการจัดการกับตะกอนแขวนลอยในน้ำ แต่ด้วยปริมาณการเลี้ยงหอยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระบบการไหลเวียนของน้ำไม่ดี จึงเป็นผลทำให้หอยแมลงภู่ตายเป็นจำนวนมาก” รศ.ชูศักดิ์ กล่าว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ม.อ. วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวด้วยว่า กลุ่มเกษตรกรที่เลี้ยงหอยแมลงภู่โดยอาศัยการเลี้ยงที่อยู่อาศัยแบบธรรมชาติเป็นหลัก จะต้องคำนึงถึงความสามารถของระบบด้วยว่า จะสามารถรองรับปริมาณหอยได้มากน้อยได้เท่าใด ซึ่งจะเป็นลักษณะของการจัดการการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้ยั่งยืนโดยไม่เสียสมดุล โดยในกรณีนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ควรลดจำนวนแพและปรับขนาดแพหอยให้เล็กลง ไม่แขวนถุงบรรจุหอยให้แน่นจนเกินไปจนส่งผลกระทบต่อระบบการไหลเวียนของน้ำ ซึ่งจะช่วยลดการตายจากการเลี้ยงหอยแมลงภู่ลงได้ เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดยบริษัทมาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ในนามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ : พิภพ ฆ้องวง (ท๊อป) โทร. 0-2248-7967-8 ต่อ 118 e-mail address : c_mastermind@hotmail.com เว็บไซต์ : www.mtmultimedia.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ