กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ประชุม กอ.รมน.กทม. เตรียมพร้อมมาตรการรับมือการชุมนุมของ นปช. ทั้งรถดับเพลิง ไฟฟ้าส่องสว่าง CCTV รถบรรทุกน้ำ ทีมแพทย์พยาบาล เวชภัณฑ์ และเวรยามดูแลความเรียบร้อย ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการเหตุการณ์รักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยการ สั่งการ ประเมินสถานการณ์และวิเคราะห์เหตุการณ์ เพื่อการป้องกันเหตุการณ์และแก้ไขปัญหาฉุกเฉินอย่างทันท่วงที
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (ผอ.รมน.กทม.) ประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) หน่วยงานด้านการข่าว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติหน้าที่และมาตรการในรับมือกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 18—22 ก.ย.52 อันเนื่องมาจากการประกาศชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 19 กันยายน
ตั้งศูนย์อำนวยการเหตุการณ์รักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มปฏิบัติทันที
ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า กทม. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเหตุการณ์รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อทำหน้าที่อำนวยการ ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ของกรุงเทพมหานครและหน่วยงานภายนอก พร้อมกันนี้ได้ประชุมซักซ้อม กอ.รมน.กทม. และหน่วยงานในสังกัดถึงมาตรการต่างๆ ที่สั่งการไป อาทิ การเตรียมพร้อมรถดับเพลิงและรถไฟฟ้าส่องสว่าง การจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ 350 นาย ช่วยอำนวยการจราจรและอื่นๆ ตามที่ได้รับการร้องขอ ยกเว้นภารกิจรักษาความมั่นคงเนื่องจากเป็นภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร การจัดเตรียมรถสุขาเคลื่อนที่ รถบรรทุกน้ำ รถปฐมพยาบาล หน่วยแพทย์และพยาบาลในสังกัดทุกแห่งรวมถึงการประสานงานกับเครือข่ายโรงพยาบาลและมูลนิธิ รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
สำหรับศูนย์อำนวยการเหตุการณ์รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ ณ สำนักงานปกครองและทะเบียน ชั้น 5 ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โทร. 0 2224 2940, 0 2225 5610 จะรับรายงานเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่และประมวลวิเคราะห์สถานการณ์ พร้อมทั้งรายงานให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและปลัดกรุงเทพมหานครทราบทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ อำนวยการตลอด 24 ชั่วโมง
เข้มหน่วยงานเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และพร้อมให้การสนับสนุนตามที่ได้รับการร้องขอ
นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้มีวิทยุด่วนที่สุดสั่งการให้ทุกหน่วยงานและส่วนราชการของกรุงเทพมหานครเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในกรณีมีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทันต่อเหตุการณ์ โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานและส่วนราชการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและจัดเวรยามอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเตรียมรถดับเพลิง รถไฟฟ้าส่องสว่าง เครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุพร้อมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมปฏิบัติงานและรับการประสานงานตลอดเวลา สำนักการแพทย์และสำนักอนามัยเตรียมพร้อมด้านบุคลาการแพทย์ เวชภัณฑ์ รถพยาบาล และการประสานงานกับเครือข่ายมูลนิธิเพื่อให้การรักษาพยาบาล สำนักการจราจรและขนส่ง ดูแลระบบสัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจร ระบบ CCTV และเส้นทางเดินรถ สำนักการโยธาตรวจสอบดูแลระบบสาธารณูปโภค จัดหน่วยซ่อม ดูแลการกีดขวางจราจรเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนได้ทันที สำนักสิ่งแวดล้อมจัดเตรียมรถน้ำ รถสุขาเคลื่อนที่ให้พร้อมปฏิบัติงาน สำนักเทศกิจ จัดกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนหน่วยงานอื่นในการอำนวยการด้านจราจรบริเวณทางแยกต่างๆ และบริเวณการตั้งด่านตรวจ รวมถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ และสำนักงานเขต จัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราอาคารสำนักงานเขต สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ บ้านของบุคคลสำคัญในพื้นที่และแหล่งชุมชนอย่างเข้มงวด
ปลัดกทม. เตรียมลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ด้านปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) ตนเองจะลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการเตรียมความพร้อมของหน่วยต่างๆ ทั้งหน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักเทศกิจ พื้นที่เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตพระนคร ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่อง อีกทั้งได้แจ้งให้หัวหน้าหน่วยงานรอรับการประสานงานจากส่วนกลาง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดในฐานะหน่วยงานสนับสนุนตามที่ได้รับการร้องขอ และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่กังวลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยต่างๆ เพราะเป็นการทำงานในหน้าที่ตามปกติ