การบินไทย ชวนเติมเต็มประสบการณ์ชีวิต ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา ท่อง 8 ประเทศในเอเชีย บนเส้นทางแห่งศรัทธา

ข่าวท่องเที่ยว Thursday September 17, 2009 16:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ ในยามที่ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคนานา ในฐานะชาวพุทธแล้ว ความเชื่อ ความศรัทธา ความเลื่อมใส ศาสนา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดแรงบันดาลใจ ชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้นและมีแรงสู้ต่อไปได้ แม้จะยุคสมัยใด ก็ยังมีผู้แสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจด้านศาสนาเพิ่มขึ้นทวีคูณ กระทั่งในในโลกเทคโนโลยีก็ตาม ซึ่งล่าสุดนี้ การบินไทย นำโดย พฤทธิ์ บุปผาคำ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ และรักษาการกรรมการผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ได้เปิดโครงการบินสัมผัส “เส้นทางแห่งศรัทธา กับการบินไทย” มอบเป็นของขวัญทางจิตใจแก่นักเดินทาง ในการสักการะศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อของชาวพุทธใน 8 ประเทศ ได้แก่ 4 สังเวชนียสถานในเส้นทางประเทศอินเดีย — เนปาล , 5 มหาบูชาสถาน ประเทศพม่า , บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย , พระโพธิสัตว์กวนอิม ประเทศจีน , วัดพระใหญ่ เกาะฮ่องกง, เมืองเกียวโต-นารา ศูนย์รวมแห่งศาสนาพุทธ ประเทศญี่ปุ่น, พระเขี้ยวแก้ว ประเทศศรีลังกา และพระธาตุประจำปีเกิด ประเทศไทย ได้อย่างสะดวกสบายในราคาพิเศษ โดยได้รับเกียรติจาก อ.เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และโบราณคดี มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวน่าสัมผัสของเส้นทางแห่งศรัทธาในการเปิดตัวครั้งนี้อย่างมีสีสัน ณ การบินไทย สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดี อ.เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และโบราณคดี กล่าวถึงความน่าสนใจของศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ในโครงการบินสัมผัส “เส้นทางแห่งศรัทธา” กับการบินไทย ว่า “ในขณะนี้คงพูดได้ว่าไม่มีใครมีความสุขเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนย่อมมีความทุกข์ทั้งสิ้น ไม่มีใครเกิดมาไม่มีทุกข์ แต่สิ่งที่ทำให้เรามีพลังต่อสู้อุปสรรค ก็คือ ความเลื่อมใส ความศรัทธาในสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จึงสมควรส่งเสริมให้คนไทยหันมาใส่ใจศาสนา เพื่อเป็นพลังให้กับชีวิตมากขึ้น เช่นเดียวกับการบินไทยที่ได้จัดโครงการนี้ เพื่อให้ชาวพุทธได้ใกล้ชิดศาสนาได้ง่ายขึ้น ซึ่งแต่ละสถานที่ล้วนเป็นที่น่าสนใจ มีประวัติศาสตร์น่าค้นหาที่อยู่ในเอเชียใกล้บ้านเราทั้งสิ้น เริ่มที่ ประเทศพม่า ปัจจุบันใช้เวลาบินไปเพียง 50 นาทีเท่านั้นสะดวกมาก แต่หากไปแล้วไม่ได้ไปกราบ 5 มหาบูชาสถาน ถือว่าไม่ได้ไปถึง ซึ่งอย่างแรกคือ พระธาตุอินทร์แขวน ในเขตพม่าใต้ เป็นสถานที่ต้นกำเนิดวรรณคดีเจ้าจันทร์ผมหอม ที่เชื่อว่าผู้ที่พลังจิตสูง เมื่อกราบแล้วจะเห็นพระธาตุจะลอยขึ้นจนสามารถเอามวยผมลอดผ่านได้ ทั้งองค์พระธาตุปิดทองอร่ามดูสวยงามมาก ต่อมาคือเจดีย์ชเวดากอง กรุงย่างกุ้ง เจดีย์องค์นี้เป็นทองคำตั้งแต่ฐานรากถึงปลายยอด มีความสำคัญเพราะเป็นที่ที่บุเรงนองไปกราบขอพรก่อนออกรบทุกครั้งและได้ชัยชนะกลับมา จนได้สมญานามว่าผู้ชนะสิบทิศ ซึ่งรัฐบาลพม่าได้ทำสัญลักษณ์ไว้เป็นรูปดาวคือจุดที่บุเรงนองเคยได้มาด้วย ด้านพุทธประวัติตำนานว่าในวันที่พระพุทธเจ้าทรงผนวชวันแรก ทรงลูบพระเศียรแล้วมีพระเกศาติดมา 7 เส้น เมื่อมีอุบาสกนำข้าวตูมาถวายแด่ท่าน ท่านจึงได้มอบพระเกศาให้ตอบแทน จากนั้นพระเกศานั้นก็กระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ เป็นเวลาช้านาน แต่ได้กลับมารวมกันได้ ณ เจดีย์แห่งนี้ ซึ่งที่นี่เอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีของเราก็เคยถอดฉลองพระบาท เสด็จรอบเจดีย์องค์นี้มาแล้ว ที่ที่สามคือ พระมหามัยมุนี กรุงมัณฑะเลย์ พระพุทธรูปองค์นี้ได้รอนแรมมาไกลมาเป็นร้อยปี ระหว่างทางถูกปิดทองทุกส่วนจนหนาเป็นศอกๆ จนเมื่อกดลงไปจะนิ่มและยุบตัว จึงเรียกขานกันว่า พระเจ้าเนื้อนิ่ม ซึ่งการปิดทองนั้นพม่าไม่ยอมให้เอาทองที่อื่นมาปิด ให้ใช้ของพม่าเท่านั้นและการันตีว่าเป็นทองคำเปลวพม่าทำจากทองคำร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้เครื่องทรงที่คอของพระมหามัยมุนี ยังเต็มไปด้วยเพชรนิลจินดาแท้ทั้งนั้นที่ผู้เลื่อมใสนำมาถวาย เรียกว่า เป็นองค์ที่ได้รับความศรัทธาอย่างมาก ที่ต่อมา คือ เจดีย์ชเวซิกอง สร้างเสร็จพร้อมๆ กับปราสาทหินพิมายของไทยเรา เป็นที่เก็บกระดูกส่วนหน้าผากของพระพุทธเจ้า สิ่งที่มหัศจรรย์คือหน้าองค์พระเจดีย์จะมีหลุมเล็กๆ ที่มีน้ำซึมตลอดปี เวลาจะมองเจดีย์ไม่ต้องเงยขึ้น แต่มองเห็นเงาสะท้อนได้ในหลุมได้เต็มองค์แบบหัวไม่กลับ ซึ่งหลุมนี้เกิดขึ้นจากสมัยโบราณที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถก้มกราบได้จนสุด เนื่องจากมีเครื่องทรงมากมาย ช่วยให้มองเห็นเจดีย์ได้เต็มองค์ ซึ่งน่าประหลาดใจมาก สุดท้ายที่ เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสาวดี เมืองนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เช่น ตอนหนึ่งในผู้ชนะสิบทิศที่ตละแม่ของบุเรงนองอยากกินดินกลางใจเมืองหงสา ก็คือดินที่เชิงของเจดีย์แห่งนี้ เมืองนี้เล่าขานว่าเคยเป็นเกาะเล็กมากเท่าฝ่ามือ มีหงส์ตัวผู้ตัวเมียจะมาเกาะ แต่เกาะพร้อมกัน 2 ตัว มีพื้นที่ไม่พอ ตัวผู้จึงให้ตัวเมียเกาะบนหลัง เวลาเข้าเมืองนี้จะเห็นสัญลักษณ์หงส์ตัวเมียเกาะหลังตัวผู้อยู่ทั่วไป และยังหยอกกันว่าหญิงพม่านิยมมาจดทะเบียนที่เมืองนี้เพราะจะได้อยู่เหนือผู้ชาย ต่อมาที่ประเทศจีน เดินทางสะดวกโดยเครื่องบินแค่ 3 ชั่วโมงกว่าก็ถึง ที่น่าสนใจคือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่วัดผู่จี้ ซึ่งแท้จริงคือพระอวโลกิเตศวร ของพุทธศาสนานิกายมหายาน ท่านเป็นเพศชาย แต่ตำนานเล่ากันว่าวันหนึ่งท่านธุดงค์ผ่านหมู่บ้านไปพบหญิงกำลังจะคลอด จึงได้เข้าไปช่วยแต่กลัวหญิงผู้นั้นอาย จึงแปลงกายเป็นหญิง ระหว่างนั้นถูกโลหิตของหญิงผู้นั้น คาถาจึงเสื่อมต้องอยู่ในร่างผู้หญิงตลอดไป ใกล้ๆกันที่เกาะฮ่องกง น้อยคนที่จะเสียเวลาช็อปปิ้งไปไหว้พระ อยากให้ลองไป องค์พระใหญ่ วัดโป่หลิน เพราะมีแต่คนหนุ่มคนสาวไปกราบไหว้ทั้งนั้น เพราะพวกเขามีศรัทธาตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เกิดความเชื่อมั่น มีการตัดสินใจที่แน่วแน่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนหนุ่มสาวฮ่องกงนั้นประสบความสำเร็จ เป็นเศรษฐีกันมากมาย สำหรับท่านที่มีกำลังทรัพย์มากเสียหน่อย แนะนำต่อมาที่ ประเทศญี่ปุ่น ณ วัดโทไดจิ ที่นี่ประทับใจตั้งแต่ด้านหน้า เพราะมีกลางดาวเชื่องๆ เป็นร้อยตัวมาคลอเคลีย สามารถทำบุญด้วยทานให้อาหารสัตว์ ได้สนุกสนานและอิ่มบุญก่อนเข้าด้านใน และที่เมืองนาราที่ตั้งของวัดแห่งนี้ยังมีวัด วัง สวนหลายแห่งให้เที่ยว เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศแบบธรรมชาติ เมื่อได้ไปแล้วแม้จะไม่ได้ลงเครื่องยังเมืองที่หมาย แต่การเดินทางในญี่ปุ่นก็สะดวกมาก แนะนำให้ขึ้นรถไฟชินกังเซนด้วย หรือจะเดินทางไปเมืองต่างๆ ก็แวะพักโรงแรมได้หลากแบบให้เลือก ราคาย่อมเยาว์ก็มี แนะนำที่เมืองเกียวโต เป็นเมืองที่มีทั้งพระราชวัง ที่อยู่ของโชกุน มีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับไทยอย่างมาก โดยเฉพาะที่พิพิธภัณฑ์เกียวโต มีผ้าไทยเก่าแก่ที่ม้วนอยู่ในกระบอก ซึ่งไทยส่งเป็นเครื่องราชบรรณาการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มีอายุกว่า 400 ปี ซึ่งขณะนี้ในไทยก็ไม่มีแล้ว ต่อมาลงใต้กันที่ ประเทศอินโดนีเซีย ต้องไป บุโรพุทโธ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่นี่มาง่ายจะบินมาลงที่จาการ์ตา เมืองหลวงก็ได้ แนะให้แวะไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์คชา (Museum Gajah) ’ก่อน ซึ่งรัชกาลที่ 5 เสด็จไปทรงโปรดให้หล่อช้างสำริดเชือกใหญ่ไว้ที่ด้านหน้า จากนั้นเข้าสู่เมืองยอร์คจาการ์ตา หรือจะเลือกบินลงที่บาหลีก็ได้ ต่อไปสู่ยอร์คจาการ์ตา ได้เช่นกัน ที่บุโรพุทโธ นับว่าเป็นศาสนสถานี่สำคัญที่สุดในพุทธาศานา มีความยิ่งใหญ่มาก เดินจนรอบอยู่ประมาณ 5 กม. มีลักษณะเหมือนขนมเค้กซ้อนเป็นชั้น แต่ละชั้นมีรูปสลักมากมาย จำนวน 4 ชั้น พอเดินขึ้นไปจนสุด ตรงกลางก็มีพระมหาสถูปยักษ์ ไม่มีลวดลายใดๆ หมายถึงนิพพาน ที่ไม่ต้องการการตกแต่งใดๆ แล้ว และรอบๆ ของแต่ละชั้น จะมีพระพุทธรูปอยู่ภายในหินครอบทุกอัน แต่รัฐบาลอินโดนีเซียก็ได้ยกหินออกให้เห็นภายในเป็นบางอัน ส่วนอันที่ครอบอยู่ มีความเชื่อว่าหากสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสกับพระพุทธรูปในเจดีย์ได้ก็จะสมหวังดังที่ตั้งจิตอธิษฐาน ก็เป็นเรื่องที่น่าไปพิสูจน์อยู่เหมือนกัน ต่อมาที่ 4 สังเวชนียสถาน เริ่มที่เนปาล ต้องไปที่ สวนลุมพินีวัน เป็นตึกสีส้มๆ สร้างทับที่ประสูติของพระพุทธเจ้าเอาไว้ ด้านหน้ามีสระน้ำ ที่เชื่อว่าพระนางสิริมหามายา เมื่อให้พระประสูติกาลแล้วทรงสรงน้ำที่สระแห่งนี้ ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างเสาหินไว้ที่นี่ มีคนไปชมเสาแกรนิตทั้งต้นนี้ด้วยความเลื่อมใส ส่วนตัวแล้วเวลาไปสถานที่เหล่านี้จะรู้สึกได้ถึงความปิติ นึกจินตนาการเหตการณ์ในครั้งพุทธกาลที่แสนลำบาก กว่าจะให้กำเนิด ต้องรอนแรมมากลางป่าทีไร ก็รู้สึกตื้นตันไปด้วย ที่ต่อมาในอินเดีย ณ เมือง พุทธคยา ปัจจุบันเดินทางง่าย และการบินไทยจะเปิดบินได้ทุกวัน ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป ที่นี่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บริเวณใกล้ๆ จะมีแม่น้ำที่พระพุทธเจ้าทรงเคยเสี่ยงทายก่อนตรัสรู้ เวลาไปแล้วจะได้เห็นภาพในอดีตที่เมืองนี้ และยังพบเห็นบรรยากาศการสวดมนต์ที่นี่ที่มีเกือบตลอด 24 ชั่วโมง และใกล้ๆ กัน เดินเพียง 10 นาที ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่มีโบราณวัตถุมากมายเก็บไว้ให้ไปดูในราคาถูกเพียง 1 รูปี ไม่ถึง 1 บาทไทย , พาราณสี ไปยังสารนาถ หรือสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนาครั้งแรก นั่งสวดมนต์ ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นใกล้ๆ กันเป็น เมือง กุสินารา หรือสถานที่เสด็จปรินิพพาน มีพระพุทธรูปปางปรินิพพาน สังเกตว่าปลายเท้าจะชิดเสมอกัน การตายของท่านสำคัญที่เป็นการตายที่จะไม่ต้องมาเกิดอีกต่อไป เป็นความสุขที่ถาวร ตลอดไป ที่อินเดียสมัยนี้เดินทางไม่ลำบากอย่างแต่ก่อน แนะนำที่ง่ายๆ ลงที่นิวเดลี ก็มีพิพิธภัณฑ์ที่มีพระบรมสาริกธาตุองค์จริง จารึกไว้ว่าได้มาในพิธีศพ เป็นกระดูกมนุษย์จริงๆ ที่มีรอยไหม้ โดยสมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วและศึกษารายงาน และโปรดให้สร้างบุษบกแบบไทยแท้ครอบไว้อย่างสวยงามจนทุกวันนี้ เป็นอีกที่ที่น่าไปชมมาก ส่วนที่ประเทศศรีลังกา นิยมไปสักการะ วัดพระเขี้ยวแก้ว หรือฟันของพระพุทธเจ้าเป็นสิริมงคลที่เมืองแคนดี้ ซึ่งปัจจุบันสะดวกมากสามารถนั่งเครื่องบินแล้วนั่งรถต่อไปได้ไม่ไกล และที่นี่ยังมี Botanical Garden ของอังกฤษให้เยี่ยมชมด้วย ส่วนท่านที่ต้องการประหยัด แต่อิ่มเอมใจเช่นกัน แนะนำที่ประเทศไทยเราเอง ด้วยการไหว้ พระธาตุประจำปีเกิด ซึ่งส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ พระธาตุเหล่านี้อยู่ในภาคเหนือ ซึ่งก็เดินทางกับการบินไทยไปลงที่เชียงใหม่ก็มีวันละหลายเที่ยว โดยผู้ที่เกิดปีชวด ไหว้พระธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ,ปีฉลู ไหว้พระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง ,ปีขาล ไหว้พระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ ระหว่างทาง ผมชอบมาก มีดอกไม้ข้างทางจะเปลี่ยนสีตลอดทุกฤดู สวยงาม ,ปีเถาะ ไหว้พระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน คนไทยทุกคนควรไปกราบ เพราะเป็นปีพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , ปีมะโรง ไหว้พระพุทธสิหิงค์ ที่วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีที่กรุงเทพ และนครศรีธรรมราชด้วย , ปีมะเส็ง ไหว้พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ อยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ใกล้ถนนนิมมานเหมินทร์ , ปีมะเมีย พระธาตุชเวดากองประเทศพม่า และในไทยมีจำลองเล็กๆ อยู่ที่พระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน ให้กราบไหว้แทนได้ , ปีมะแม พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นปีพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งท่านก็เคยเสด็จไปมาแล้ว , ปีวอก เป็นปีเดียวที่พระธาตุประจำปีเกิดอยู่ในภาคอีสาน คือ พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม , ปีระกา พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน , ปีจอ โบราณว่าให้ไปกราบพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่สามารถไปไหว้พระเจดีย์ที่วัดเกตุการาม จังหวัดเชียงใหม่แทนได้ และปีกุน ที่พระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย เป็นพระธาตุคู่ ในภาคกลางเรียกกุนคือหมู แต่ในภาคเหนือเรียกกุนคือช้าง มาจากกุญชร ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเส้นทางเริ่มต้นสำหรับผู้ศรัทธา ในโลกนี้ยังมีอีกหลายแห่งที่รอให้เราไปเยือน ไปกราบเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง หากมีโอกาสอยากเชิญชวนชาวพุทธทุกคนไปสัมผัส เริ่มที่เส้นทางแห่งศรัทธาที่เดินทางง่าย สะดวก สบาย ก็เป็นหนทางที่ดีในการเริ่มต้น” อ.เผ่าทอง กล่าวปิดท้าย มอบรางวัลให้ชีวิต มอบสิริมงคลแก่ท่านและครอบครัวด้วยการเดินทางที่คุ้มค่า อิ่มบุญ อิ่มใจ กับโครงการบินสัมผัส “เส้นทางแห่งศรัทธา” กับการบินไทย ในเอเชีย กับบัตรโดยสารพรีเพด THAI Value Plus เส้นทางแห่งศรัทธา ในราคาพิเศษเริ่มต้น 9,999 บาท ซึ่งจะเปิดจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน — 28 กุมภาพันธ์ 2553 หรือท่องเที่ยวกับทัวร์เอื้องหลวงราคาพิเศษ เช่น ทัวร์ท่องแดนอารยธรรมมรดกโลกของชาวพุทธที่ประเทศศรีลังกา ทัวร์เอื้องหลวงจาริกดินแดนพุทธภูมิตามรอยพระศาสดา สอบถามรายละเอียด ได้ที่ โทร. 02-288-7159 และทริปพิเศษที่เดินทางไปกับผู้เชี่ยวชาญในเส้นทางแห่งศรัทธา ซึ่งการบินไทยได้ร่วมมือกับ เอ-ไทม์ทราเวิลเลอร์ จัดทริปพิเศษ ไหว้มหาบูชาสถาน ประเทศพม่า ซึ่งจะมีทริประหว่างเดือนตุลาคม 2552 — กุมภาพันธ์ 2553 รายละเอียดสอบถามได้ที่ 02-665-9922 หรือคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiairways.com รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 0-2434-8300 คุณสุจินดา , คุณแสงนภา , คุณชินนารี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ