กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--คต.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า เขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นมา ได้ทำให้การค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลียและการส่งออกไปออสเตรเลียขยายตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 5,216.59 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ไทยส่งออกไปออสเตรเลียเป็นมูลค่า 3,536.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราขยายตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 9.25 ขณะเดียวกัน ไทยนำเข้าจากออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 1,679.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยยังคงได้ดุลออสเตรเลียติดต่อกันโดยมีมูลค่า 469.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในส่วนการใช้ประโยชน์จากความตกลง TAFTA นั้น ในช่วงเดือนมกราคม- มิถุนายน 2552 กรมการค้าต่างประเทศได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form FTA) จำนวนทั้งสิ้น 22,646 ฉบับ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าภายใต้ความตกลงทั้งสิ้น 2,652.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการขอใช้สิทธิภายใต้ความตกลง TAFTA ทั้งสิ้น 1,828.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 68.95 ของมูลค่าส่งออกภายใต้สินค้าที่ได้รับสิทธิ โดยสินค้าสำคัญที่ใช้สิทธิส่งออกภายใต้เขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ได้แก่ รถยนต์ที่มีเครื่องสันดาปภายในชนิด จี.วี. ดับบลิว น้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน รถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล ชนิด จี.วี. ดับบลิว น้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน หลอดหรือท่ออื่น ๆ เป็นต้น
ในช่วงที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อการใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง และได้สนับสนุนการส่งออก โดยการตรวจและรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อการส่งออกไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีศุลกากรในการนำเข้าประเทศออสเตรเลียภายใต้ความตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากความตกลงไทย-ออสเตรเลีย รวมทั้งเข้าใจในเรื่องกฎแหล่งกำเนิดสินค้า และแนวปฏิบัติในการขอใช้สิทธิภายใต้ไทย-ออสเตรเลีย กรมการค้าต่างประเทศยินดีให้บริการตอบทุกปัญหาการค้าต่างประเทศ ทั้งทางโทรศัพท์และทางเว็บไซด์ หากมีข้อสงสัยหรือสนใจสอบถามรายละเอียดในการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากสำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 หรือทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ http://www.dft.go.th