ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “ยูนิเวนเจอร์” ที่ระดับ “BBB/Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday November 2, 2005 17:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความสามารถของฝ่ายบริหารที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจสังกะสีออกไซด์ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนของอุตสาหกรรมสังกะสีออกไซด์ แนวโน้มที่จะมีการขาดแคลนวัตถุดิบภายในประเทศ และกระแสเงินสดที่ไม่สม่ำเสมอจากธุรกิจการลงทุนของบริษัทเนื่องจากการขาดความหลากหลาย
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทยูนิเวนเจอร์จะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจสังกะสีออกไซด์เอาไว้ได้ และจะสามารถก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จได้ตามกำหนดเวลา นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำรงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและสามารถดำเนินโครงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้สำเร็จได้อย่างสม่ำเสมอ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทยูนิเวนเจอร์ประกอบธุรกิจสังกะสีออกไซด์มาตั้งแต่ปี 2523 และต่อมาได้กลายเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในประเทศ สังกะสีออกไซด์เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งโดยธรรมชาติจะขึ้นอยู่กับการแข่งขันด้านราคาแม้ว่าความต้องการภายในประเทศจะมีในระดับสูงก็ตาม ลักษณะดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างผันผวน เนื่อง
จากสังกะสีเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสังกะสีออกไซด์ และปริมาณสังกะสีสำรองในประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัดก็ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ของบริษัท จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบในอนาคตซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท ทำให้ต้องมีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม แม้ราคาจะมีความผันผวนเพียงใด แต่อัตราการเติบโตของความต้องการสังกะสีออกไซด์ก็ทวีขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักต่อปีตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทยูนิเวนเจอร์ได้ขยายกิจการอย่างจริงจังโดยเพิ่มธุรกิจการลงทุนในปี 2543 ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้คัดเลือกแล้ว บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญในการจัดหาอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาในราคาถูกและรับผิดชอบด้านการเงินทั้งหมดในโครงการร่วมทุน ในขณะที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้ร่วมทุนจะรับผิดชอบด้านการก่อสร้างและการขาย ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องพึ่งพาหุ้นส่วนที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมากเพื่อให้โครงการเสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าการลงทุนของบริษัทในโครงการอสังหาริมทรัพย์จะสร้างรายได้มาตั้งแต่ปี 2545 แต่โครงการเหล่านี้ไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีส่วนได้เสีย การลงทุนของบริษัทส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนจากผู้ถือหุ้น และที่เหลือส่วนน้อยเป็นเงินกู้ ทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำและมีภาระดอกเบี้ยจ่ายไม่มาก บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเนื่องจากมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำ แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งโดยอยู่ที่ระดับ 2%-15% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และอยู่ที่ระดับ 18% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548
กระแสเงินสดภายในของบริษัทค่อนข้างผันผวน เงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำที่ 11 ล้านบาทในปี 2543 และเพิ่มสูงขึ้นที่สุดที่ระดับ 74 ล้านบาทในปี 2547 ซึ่งได้รวมรายได้จากเงินปันผลจำนวน 73.5 ล้านบาทจาก บริษัท แสนสิริเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทร่วมทุน บริษัทต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะสร้างฐานธุรกิจเพื่อให้เกิดกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากโครงการที่หลาก
หลาย ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ