กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--ไทยธนาคาร บลจ.บีที ออกกองทุนใหม่รับภาวะการลงทุนดีขึ้นหลังวิกฤตการณ์การเมืองคลี่คลาย กองทุนนี้จะลงทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนโดยมีเงื่อนไขพิเศษ คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสแตะระดับ 800-850 ได้ภายในปีนี้ มองอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไป ในช่วงที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์กลับมามีการซื้อขายอย่างคึกคัก หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และอัตราดอกเบี้ยภายในยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาสสี่ บลจ. บีที ออกกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นว่า “หลังวิกฤตการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย แนวโน้มราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะสามารถปรับตัวให้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานได้ดีขึ้น นอกจากนี้บรรยากาศการลงทุนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย SET Index สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสแตะระดับ 800-850 ได้ภายในปีนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มองเห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังน่าลงทุนและราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ และเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์กลับมามีการซื้อขายอย่างคึกคัก หลังจากตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และอัตราดอกเบี้ยภายในยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาสสี่ บลจ. บีที ออกกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ กองทุนนี้ลงทุนได้ทั้งในตราสารแห่งทุน เช่น หุ้น และหรือตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้บริษัท ตามจังหวะตลาดที่เหมาะสมโดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนตามแนวทางต่อไปนี้ หุ้น 1. เป็นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยหากเป็นภาคการผลิตจะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และหรือกลุ่มวัตถุดิบและสินค้าอุตสาหกรรม หากเป็นภาคบริการจะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน 2. เน้นการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET 50 ตราสารแห่งหนี้ - พันธบัตรภาครัฐ ตราสารหนี้ภาครัฐ และหรือ - หุ้นกู้บริษัทเอกชน เฉพาะที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 4 อันดับแรก (category) ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ได้เปิดเผยถึงเงื่อนไขพิเศษ : ในระยะแรกกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝากเท่านั้นซึ่งจะได้ผลตอบแทนดีในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและคาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในวันที่ 10 เม.ย. ศกนี้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองรวมทั้งภาวะตลาดหุ้นดีขึ้นอย่างมีเสถียรภาพแล้ว กองทุนจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น บริษัทจัดการจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ และจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในระหว่าง 7 วันทำการดังกล่าว กองทุนนี้จะเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 10-17 เมษายน ศกนี้ มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อเพียง 5,000 บาท สรุปสาระสำคัญของกองทุน จำนวนเงินทุนโครงการ 500 ล้านบาท อายุโครงการ ไม่กำหนด วันเสนอขายกองทุนครั้งแรก เสนอขายครั้งแรก 10 — 17 เม.ย. 2549 ราคาหน่วยลงทุนที่เสนอขายครั้งแรก 10 บาทต่อหน่วยลงทุน มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อ 5,000 บาท ลงทุนแล้ว ซื้อ-ขาย ได้อีกเมื่อใดบ้าง - ซื้อเพิ่มได้เมื่อไร บริษัทจัดการจะกำหนดวันและเวลาทำการขายเป็นคราว ๆ โดยบริษัทจัดการจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน - ขายคืนได้เมื่อไร ทุกระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ในวันที่ 2 ของเดือน ม.ค. , เม.ย. , ก.ค. , และ ต.ค. ของทุกปี ระหว่างเวลาเริ่มทำการ ถึง 12.00 น. (ครั้งแรกในวันที่ 2 ก.ค. 2549 ) ทั้งนี้ หากบริษัทจัดการจะปรับปรุงเพิ่มเติมวันและเวลาทำการรับซื้อคืนหน่วยจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เงื่อนไขพิเศษ : ในระยะแรกกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากเท่านั้น และเมื่อกองทุนจะลงทุนในตราสารทุน บริษัทจัดการจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ และจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในระหว่าง 7 วันทำการดังกล่าว - ขายคืนแล้ว ได้รับชำระเงินเมื่อไร ภายใน 5 วันทำการนับตั้งแต่วันถัดจากวันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายหลัก* ของกองทุน ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ซื้อหรือผู้ถือหน่วยลงทุน (ร้อยละของมูลค่าหน่วยลงทุน) (ร้อยละของมูลค่าหน่วยลงทุน) ค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน ไม่มี ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ไม่มี ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ไม่มี ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม (ร้อยละของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) ร้อยละของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ค่าธรรมเนียมการจัดการ ในช่วงที่กองทุนลงทุนเฉพาะตราสารหนี้และเงินฝาก ไม่เกินร้อยละ 0.40 ต่อปีตั้งแต่วันที่กองทุนเริ่มลงทุนในตราสารทุนไม่เกินร้อยละ 0.50 ต่อปี ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ ไม่เกินร้อยละ 0.08 ต่อปี ค่านายทะเบียนหน่วยลงทุน ไม่เกินร้อยละ 0.125 ต่อปี ค่าใช้จ่ายอื่นๆ** ตามที่จ่ายจริง *การคำนวณค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จะบวกด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะหรือภาษีอื่นใดในทำนองเดียวกัน (ถ้ามี) ** เป็นยอดรวมของค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งแต่ละรายการมีมูลค่าไม่เกินร้อยละ 0.01 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการ เสนอขายที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด โทร. 0-2686-9500 ต่อ 9518-9555 โทรสาร 0-2657-3167 ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ และสาขาทั่วประเทศ โทร. 0-2626-7267 และ 0-2626-7283-90 โทรสาร 0-2626-7259 และ 0-2626-7279 และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ บลจ.บีที แต่งตั้ง