กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2549 ก.ล.ต. ดูไบ (Dubai Financial Services Authority หรือ“DFSA”) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย Mr. David Knott, Chief Executive และ ก.ล.ต. ของไทย โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในการกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนของทั้งสองประเทศ ก.ล.ต.ไทย ได้เล็งเห็นโอกาสความสำเร็จของ Dubai International Financial Centre (“DIFC”) ในการ เป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาและขยายไปสู่ระดับสากลได้มากกว่าศูนย์การเงินอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง เนื่องจากมีจุดเด่นที่มีการออกกฎหมายพาณิชย์ตามมาตรฐานสากลใช้เฉพาะสำหรับศูนย์การเงินแห่งนี้ ไม่ใช้กฎหมายท้องถิ่น และใช้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานสากลด้วย การลงนามใน MOU ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกที่จะปูทางให้ระบบกำกับดูแลตลาดทุนของไทยเป็นที่ยอมรับในตะวันออกกลาง เพื่อที่ว่าในอนาคตเมื่อภาคเอกชนของไทยมีความพร้อมก็จะสามารถเข้าไปเชื่อมโยงธุรกิจกับภูมิภาคนี้ได้ง่ายขึ้น Mr. David Knott, Chief Executive of DFSA กล่าวว่า “ ปัจจุบันความเชื่อมโยงระหว่าง DIFC กับภูมิภาคเอเชียได้ขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เศรษฐกิจของประเทศไทยนับว่ามีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้ และ ก.ล.ต. ไทยเองก็ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศ อีกทั้ง ก.ล.ต. ไทยและ DFSA ต่างก็เป็นสมาชิกที่มีบทบาทใน Emerging Markets Committee ของ International Organisation of Securities Commissions (IOSCO) และมีความตระหนักร่วมกันถึงคุณค่าของการทำข้อตกลงเพื่อความร่วมมือระหว่างองค์กรและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน” “ MOU ที่ลงนามกับ ก.ล.ต. ไทย นับเป็นฉบับแรกที่ DFSA ได้ลงนามกับองค์กรกำกับดูแลตลาดทุนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อถือและไว้วางใจของทั้งสององค์กรในเรื่องมาตรฐานการกำกับดูแลของทั้งสองประเทศ ” Dr. Habib Al Mulla, Chairman of DFSA กล่าวเสริมว่า “ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะได้เห็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ ก.ล.ต. ไทย ซึ่งเป็นการตอกย้ำเป้าหมายของ DFSA ในเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์อันดีกับองค์กรกำกับดูแลตลาดทุนในภูมิภาคอื่น ๆ ” นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ ความร่วมมือทวิภาคีในครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมและมีความสำคัญต่อตลาดทุนของไทย และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ ก.ล.ต. ไทยได้ลงนามใน MOU กับองค์กรกำกับดูแลในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยหวังที่จะเห็นความร่วมมือและความช่วยเหลือระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนการกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล อันจะนำมาซึ่งสภาพการลงทุนที่ดีและมีคุณภาพในภูมิภาคเอเชียต่อไป ” “ ปัจจุบันประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก และมีตราสารการลงทุนที่หลากหลาย ทั้ง Islamic และ non-Islamic ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุนในแถบตะวันออกกลางได้ ซึ่งประเทศไทยก็มีความพร้อมที่จะเสนอบริการสินค้าเหล่านี้ ” “ ก.ล.ต. ไทยเลือกดูไบเป็นจุดเชื่อมโยงทางตลาดทุนแห่งแรกในภูมิภาคนี้ของประเทศไทย เนื่องด้วย ก.ล.ต. ไทยเชื่อมั่นในแผนพัฒนาการกำกับดูแลตลาดทุนของ DFSA ที่ต้องการมุ่งสู่มาตรฐานระดับสากล อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทั้งผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกันกับแผนพัฒนาตลาดทุนของไทย” DIFC เป็นเขตเสรีทางการเงินจัดตั้งขึ้นที่รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคและขยายไปสู่ระดับสากลที่เทียบเท่า ฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกาต่อไป ภายในพื้นที่ 110 เอเคอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของ DIFC จะมีระบบกฎหมายพาณิชย์และระบบกำกับดูแลเป็นของตนเองเฉพาะต่างหากจากกฎหมายท้องถิ่น เป็นระบบที่ออกแบบให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งใช้บุคลากรที่มีประสบการณ์จากองค์กรกำกับดูแลระดับสากลของประเทศต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในการใช้ระบบกำกับดูแลที่ให้ความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนต่างชาติที่มีความคุ้นเคยกับมาตรฐานสากลเหล่านี้ Dubai International Financial Exchange Limited (DIFX) เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อเดือนกันยายน 2548 พร้อมกับเปิดรับสมาชิกจากประเทศต่าง ๆ ที่ DFSA ให้การยอมรับในระบบกำกับดูแล นอกจากนี้ ขณะนี้ DFSA อยู่ระหว่างการออกเกณฑ์กำกับดูแลกองทุนรวมและมีแผนที่จะเปิดให้มีการเสนอขายกองทุนรวมจากประเทศที่ DFSA ยอมรับ (recognize) ว่ามีการกำกับดูแลได้มาตรฐานสากลด้วย หมายเหตุ สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DIFC DFSA และ DIFX ได้ที่ http://www.difc.ae รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายงานเลขาธิการ - Press Office สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โทรศัพท์ 0-2695-9503-5 โทรสาร 0-2256-7755 E-mail: [email protected] สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net