STAR คาดปี50รายได้โตฉลุยถึง 40% แม้บาทแข็ง เหตุออเดอร์ทะลักหลังต่อสัญญากับลูกค้า ตปท.

ข่าวทั่วไป Thursday December 21, 2006 16:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--สตาร์ ซานิทารีแวร์
STAR เผยปีหน้ารายได้โตฉลุย หลังจากต่อสัญญารอบใหม่กับลูกค้าต่างประเทศเรียบร้อยและสินค้าที่พัฒนาขึ้นใหม่เริ่มวางตลาดได้ คุยมีออเดอร์รอคิวเพียบ ล่าสุดยืนยันคำสั่งซื้อแล้วถึง 200 ล้านบาท ขณะที่ตลาดในประเทศเตรียมนำสินค้าใหม่ถึง 20 รุ่น เจาะลูกค้ากลุ่มตลาดกลาง-บน มั่นใจราคาต่อหน่วยที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้รายได้โตโดยไม่ต้องเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลให้ปี 50 รายได้มีแนวโน้มขยายตัวได้ถึง 40% แม้ว่าเงินบาทที่แข็งค่าฉุดไม่ให้รับรู้รายได้จากตลาดนอกได้เต็มที่
ดร.สมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจสุขภัณฑ์ในปี 2550 ว่าทิศทางของธุรกิจในประเทศจะยังคงแข่งขันสูง เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว โดยการเติบโตจะอยู่ในตลาดซ่อมแซมมากกว่าตลาดสร้างใหม่ ซึ่งตรงกับแนวทางของบริษัทที่ต้องการหันมาเจาะตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดต่างประเทศยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะตลาดซ่อมแซมที่เป็นตลาดใหญ่และมีความต้องการใช้สินค้าค่อนข้างสูง
สำหรับ STAR ยังคงให้ความสำคัญกับการส่งออกเป็นหลัก โดยในปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการส่งออกประมาณ 85% ส่วนที่เหลือ 15% จะเป็นรายได้จากการจัดจำหน่ายในประเทศ ซึ่งในปี 2550 คาดว่าตลาดส่งออกจะขยายตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาบริษัทได้ต่อสัญญากับลูกค้าในต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว และสินค้าใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในปี 2549 เริ่มออกวางตลาดได้ จึงทำให้มีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาเป็นจำนวนมาก จากที่ชะลอไปในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อรอสินค้าใหม่และรอต่อสัญญาฉบับใหม่กับบริษัทฯ
"ตอนนี้เรื่องสัญญาทุกอย่างเรียบร้อย รวมทั้งเรื่องสินค้าใหม่ที่เราเร่งพัฒนาในปี 49 ตอนนี้เริ่มวางตลาดเรียบร้อยแล้ว และลูกค้าในต่างประเทศตอบรับดีมาก มีออร์เดอร์เข้ามาจนคาดไม่ถึง ล่าสุดมีการยืนยันออเดอร์อย่างเป็นทางการที่จะจัดส่งในปีหน้าแล้วประมาณ 200 ล้านบาท เฉพาะลูกค้าในตลาดยุโรป ส่วนลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงาน ซึ่งคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน"
ดร.สมชัยกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการขยายตลาดในต่างประเทศแล้วในปี 2550 บริษัทยังมีเป้าหมายจะขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดต่างประเทศเพียงอย่างเดียว โดยจะนำสินค้าที่บริษัทเพิ่งจะพัฒนาลงสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศในกลุ่มตลาดกลาง-บน ซึ่งมีราคาจำหน่ายสูงกว่าสินค้าเดิมที่บริษัทฯจัดจำหน่ายอยู่ในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ประกอบกับตลาดกลาง-บนเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยบริษัทมีแผนจะส่งสินค้าใหม่ลงวางตลาดต่อเนื่องตลอดปี 2550 มากถึง 20 รุ่น ผ่านช่องจัดจำหน่ายประเภทร้านค้าสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) อาทิ ร้านบุญถาวร โฮมโปร ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้รายได้ของตลาดในประเทศเติบโตขึ้นจากสัดส่วน 15% ในปี 49 เป็น 20% ในปี 50
เขากล่าวอีกว่า จากยอดออเดอร์ที่เข้ามามากในปี 2550 คาดว่าบริษัทจะสามารถเดินสายการผลิตได้เต็ม 100% จากเดิมที่ผลิตอยู่ที่ประมาณ 75-80% ของกำลังการผลิต 1 หมื่นตัน/ปี บริษัทฯจะผลิตสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงป้อนลงสู่ตลาดให้มากที่สุด เนื่องจากสินค้าที่ผลิตขึ้นใหม่นอกจากจะมีราคาขายที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 45% ซึ่งจะช่วยให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นได้โดยไม่ต้องขยายการผลิตเพิ่ม
"ปี 2550 ถือเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งของ STAR โดยเฉพาะเรื่องรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตชัดเจนถึง 40% ทะลุ 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2549 จากการมุ่งขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการแข็งค่าของเงินบาทถ้ายังอยู่ในระดับปัจจุบันต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จะทำให้การเติบของรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็นไปได้ไม่เต็มที่นัก จากที่คาดว่าจะเติบโต 20% ก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 15% แต่อัตราดังกล่าวก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะปัจจุบันเราอิงค่าเงินเป็นยูโร ไม่ได้ใช้ดอลลาร์จึงทำให้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทไม่มากนัก แต่ในทางกลับกันถ้าค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงเราก็จะยิ่งได้ประโยชน์ เพราะจะทำให้รับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นได้เต็มที่โดยไม่มีค่าเงินมาเป็นอุปสรรค" ดร.สมชัยกล่าว

แท็ก ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ