กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--โทเทิ่ล ควอลิตี้ พีอาร์
คณะกรรมาธิการยุโรปแห่งประเทศไทย ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ฝ่ายการค้าต่างประเทศ คณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ในวันนี้ ร่วมกันจัดงานสัมนาพิเศษในหัวข้อ การทำธุรกิจกับสหภาพยุโรป หรือ EU ในด้าน นโยบายสิ่งแวดล้อมของกลุ่มธุรกิจชั้นนำของสหภาพยุโรป ที่จะมีผลกระทบต่อผู้ผลิตในสายโซ่การผลิต ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย ได้คำนึงถึงความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งร่วมต่อสู่กับภาวะโลกร้อน และเล็งเห็นถึงโอกาสและความท้าท้ายในการดำเนินงานร่วมกับบริษัทจากประเทศสหภาพยุโรป
คุณ คาร์ล เอฟ ฟาลเคนเบอร์ก รัฐมนตรี กระทรวงสิ่งแวดล้อม คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กล่าวว่า “ในปัจุบัน การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมรวมทั้งการทำงานโดยอิงกับหลักการรักษาสิ่งแวดล้อมได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ สืบเนื่องจากความจำเป็นในการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดคาร์บอนตกค้างในระดับต่ำ จึงทำให้ “ตำแหน่งงานด้านสิ่งแวดล้อม” เป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น โดยภาคเอกชนคือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสหภาพยุโรปให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจซึ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งใช้แทคโนโลยีที่ทำให้เกิดคาร์บอนในระดับต่ำ ซึ่งทำให้เกิดอิทธิพลซึ่งแพร่ขยายข้ามผ่านพรมแดนของทวีปยุโรป"
จากการตระหนักและมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศแห่งสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกอื่นๆ ทำให้นักธุรกิจในประเทศไทยจำเป็นต้องมีความเข้าใจ และเตรียมพร้อมตอบรับกับสถาณการณ์สิ่งแวดล้อมนี้ โดยนำโอกาสมาพัฒนาให้กับผลิตภัณฑ์และการบริการของธุรกิจไทย โดยการสัมมนาครั้งนี้จะมีทั้งการปาฐกถา ทั้งกับบริษัทของไทย และจากยุโรป ซึ่งจะมาบอกกล่าวถึงรายละเอียดของการดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม “Green Business” พร้อมทั้งนโยบายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะส่งผลกระทบกับบริษัทแห่งสายการผลิตในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจกับองค์กรในยุโรป
การสัมนาในครั้งนี้ จัดขึ้นสอดคล้องกับ “EU Green Days” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทางสหภาพยุโรปจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรณรงค์และสร้างจิตสำนึกต่อภาวะโลกร้อน นอกจากนั้น “EU Green Days” ยังจัดขึ้นควบคู่ไปกับการเจรจาเรื่องภูมิอากาศที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานไปสู่การประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ ณ กรุงโคเปนเฮเกนส์ ในเดือนธันวาคมนี้ (Copenhagen Climate Change Summit)