กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์ แพทย์โรคติดเชื้อ เตือนพ่อ แม่ ผู้ปกครองที่มีลูกน้อยต่ำกว่า 2 ปี เสี่ยงโรคติดเชื้อไอพีดีในเด็ก มหันตภัยตัวร้ายของเด็ก ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก มีอาการภายนอกมีไข้ คล้ายโรคติดเชื้อทั่วไป แต่สามารถคร่าชีวิตเด็กได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว บางรายอาจเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 วัน ติดต่อได้ง่ายทางระบบหายใจ ไอ หรือจาม เมื่อเป็นแล้วไม่ตาย ก็พิการ แนะป้องกันโดยให้เด็กกินนมแม่ สอนให้เด็กมีสุขอนามัยที่ดี หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่เป็นไข้หวัด ขณะที่วงการแพทย์ทั่วโลกตื่นตัวพัฒนาวัคซีนป้องกัน ไทยไม่น้อยหน้าเตรียมนำเข้า ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสที่รุนแรงเราจะเรียกว่า โรคติดเชื้อไอพีดี (IPD) ย่อมาจากคำว่า ‘Invasive Pneumococcal Disease (อินเวซีพ นิวโมคอคคัล ดีซีด) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงในเด็ก ที่มีมานานแล้ว แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก โดยเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโต-คอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae; S.pneumoniae) หรือรู้จักในชื่อ นิวโมคอคคัส ซึ่งพบได้ทั่วโลกในคนทุกกลุ่มอายุ แต่จะพบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากเด็กเล็กยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคติดเชื้อไอพีดี สามารถทำให้เกิดโรคติดเชื้อรุนแรงได้ในอวัยวะหลายระบบ ถ้ารักษาไม่ทันท่วงทีก็อาจเสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว บางรายอาจเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม ระดับความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ติดเชื้อที่พบได้บ่อย ได้แก่ การติดเชื้อในระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ส่วนในรายเด็กทารกจะวินิจฉัยยาก อาจมีอาการ งอแง ซึม ไม่กินนม และชักได้ ถ้ารักษาไม่ทันท่วงทีอาจเสียชีวิต หรือพิการ หูหนวก ปัญญาอ่อน การติดเชื้อในกระแสเลือด เด็กจะมีไข้สูง ร้องกวน งอแง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ช็อก เสียชีวิต นอกจากนี้เชื้ออาจกระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น เยื้อหุ้มสมอง ปอด กระดูกและข้อ เป็นต้น การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หูน้ำหนวก เด็กจะมีอาการไข้สูง บ่นปวดหู งอแง ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง การติดเชื้ออาจลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียงหรือสมองได้ และสามารถเกิดหูน้ำหนวกเรื้อรัง แก้วหูทะลุ และการได้ยินบกพร่อง ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กด้วย การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ปอดอักเสบ เด็กจะมีอาการไข้ ไอ หายใจเร็ว หอบ ซึ่งอาจรุนแรง ถึงขั้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตได้ถ้ารับการรักษาล่าช้า “โรคติดเชื้อไอพีดี (IPD:Invasive Pneumococcal Disease) ถือเป็นโรคติดเชื้อที่ร้ายแรง และเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความพิการและการตายทั่วโลก แต่คนไทยเรายังไม่รู้จัก เนื่องจากโรคติดเชื้อไอพีดีนี้ จะมีอาการภายนอกมีไข้คล้ายกับโรคติดเชื้อทั่วไป คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา จึงไม่ให้ความสำคัญ แต่จริงๆ แล้วเป็นโรคติดเชื้อที่น่ากลัวมาก เพราะเมื่อติดเชื้อนี้เข้าไปในเยื่อหุ้มสมองหรือกระแสเลือดแล้ว ถ้าไม่เสียชีวิตก็กลายเป็นคนพิการหรือปัญญาอ่อนไปเลย เนื่องจากเป็นโรคที่ยากต่อการวินิจฉัย โดยต้องทำการตรวจด้วยการเจาะไขสันหลัง และการรักษาก็ทำได้ยากมาก เพราะปัจจุบันโรคติดเชื้อไอพีดี เป็นเชื้อโรคที่ดื้อต่อยารักษา โดยจากตัวเลขสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ในทั่วโลก เสียชีวิตจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัสนี้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าเด็กที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคติดเชื้อไอพีดี ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีถึงแม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกลางวัน เด็กที่ได้รับยาปฏิชีวนะมาก่อน เด็กที่เคยมีประวัติติดเชื้อในหู เด็กที่ไม่มีม้ามหรือม้ามทำหน้าที่บกพร่อง เด็กที่มีน้ำในเยื่อบุช่องท้อง และเด็กที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง หรือเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เป็นต้น “เชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อไอพีดีนี้ จะพบได้ทั่วไปในผู้ใหญ่และโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่ถึงแม้ว่าจะมีสุขภาพแข็งแรงดีก็ตาม โดยเชื้อนี้จะพบได้ทั่วไปในโพรงจมูก และลำคอได้ ซึ่งอาจไม่มีอาการใดๆ(เป็นพาหะ) แต่จะสามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่นได้ง่าย โดยการ ไอ จาม ทำให้ละอองเสมหะแพร่กระจายออกไป ซึ่งเป็นการแพร่กระจายเช่นเดียวกับโรคหวัด ยิ่งถ้าเชื้อนี้ไปสู่เด็กเล็กซึ่งยังไม่มีภูมิต้านทานโรค ก็อาจเกิดโรคติดเชื้อไอพีดีนี้ขึ้นมาได้” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว การป้องกันโรคติดเชื้อไอพีดีนี้ ทำได้หลายวิธี เช่น สอนให้เด็กมีสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อยๆ และปิดปาก ปิดจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม สอนให้เด็กหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่เป็นหวัดหรือป่วย และในเด็กเล็กคุณแม่ควรให้กินนมแม่ เพื่อให้มีภูมิต้านทานจากแม่ สำหรับการป้องกันการเกิดโรคติดเชื้อไอพีดี ได้ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ตั้งแต่ยังเป็นทารก โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ซึ่งปัจจุบันวงการแพทย์ในต่างประเทศได้มีการใช้วัคซีนนี้แล้วในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ เป็นต้น ส่วนประเทศไทยกำลังจะนำเข้ามาใช้ “ผู้ปกครองควรเฝ้าสังเกตอาการเด็ก เวลามีไข้สูงว่ามีอาการตามที่กล่าวไว้ข้างต้นหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอีกครั้ง ซึ่งแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายและอาจมีการส่งเลือดหรือสารคัดหลั่งต่างๆ ไปตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง โดยการรักษาจะทำได้โดยการให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งมักได้ผลหากเชื้อไม่ดื้อยา อย่างไรก็ตามเชื้อนิวโมคอคคัสบางสายพันธุ์ มีการพัฒนา การดื้อยา ทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความลำบาก เสียค่าใช้จ่ายสูง และหากรักษาไม่ทันท่วงทีก็อาจเสียชีวิต หรือ พิการได้ ดังนั้นการให้วัคซีนในทารกและเด็กเล็ก จึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวสรุป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อคุณบุษบา โทร. 0-2736 3430 ต่อ 33 หรือ 01-483 7336 สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--