กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 5 ธันวาคม 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 47 จังหวัด 439 อำเภอ 40 กิ่งอำเภอ 16 เขต 3,035 ตำบล 20,425 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 5,176,597 คน 1,420,056 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 314 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 72 คน อ่างทอง 31 คน พิจิตร 31 คน นครสวรรค์ 25 คน สิงห์บุรี 21 คน สุพรรณบุรี 18 คน สุโขทัย 14 คน พิษณุโลก 12 คน ปราจีนบุรี 12 คน ชัยภูมิ 10 คน ชัยนาท 11 คน ยโสธร 9 คน เชียงใหม่ 7 คน อุทัยธานี 7 คน ปทุมธานี 6 คน ลพบุรี 6 คน แม่ฮ่องสอน 3 คน ลำปาง 3 คน จันทบุรี 3 คน ร้อยเอ็ด 3 คน กรุงเทพมหานคร 2 คน ศรีสะเกษ 2 คน เพชรบูรณ์ 1 คน พังงา 1 คน นครปฐม 1 คน นครราชสีมา 1 คน อุตรดิตถ์ 1 คน และอุดรธานี 1 คน (จากเดิม 303 เป็น 314 เพิ่มขึ้น 11 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 645 หลัง เสียหายบางส่วน 36,735 หลัง ถนน 10,040 สาย สะพาน 663 แห่ง ท่อระบายน้ำ 1,065 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 777 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 6,046,111 ไร่ (ข้อมูลจากการบูรณาการระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) บ่อปลา/กุ้ง 60,244 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,374 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 6,946,825,521 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 41 จังหวัด (จ.ปทุมธานี สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มบางจุด และพื้นที่ที่ติดกับริมน้ำซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน)
3. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม และนนทบุรี ในจำนวน 23 อำเภอ แยกเป็น
3.1 จังหวัดสระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำของอำเภอดอนพุด ที่ตำบลไผ่หลิ่ว ระดับน้ำสูง 0.20-0.45 ม. ระดับน้ำลดลง
3.2 จังหวัดอ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (ตำบลมหาดไทย) และอำเภอวิเศษชัยชาญ (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.55 ม. ระดับน้ำลดลง
3.3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา (ตำบลลุมพลี) อำเภอผักไห่ (ตำบลลำตะเคียน) อำเภอมหาราช (3 ตำบล) อำเภอบางปะหัน (ตำบลพุทเลา) อำเภอ บ้านแพรก (3 ตำบล) อำเภอลาดบัวหลวง (6 ตำบล) อำเภอวังน้อย (ตำบลบ่อตาโล่) และอำเภอบางซ้าย (2 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.45 ม. (อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ยังคงมีน้ำท่วมในที่ลุ่มบางจุด)
3.4 จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.30 ม. อำเภอบางปลาม้า (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.50-0.90 ม. และอำเภอสองพี่น้อง (9 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.60-1.20 ม. ระดับน้ำลดลง
3.5 จังหวัดนครปฐม น้ำที่ระบายจากคลองพระยาบรรลือ คลองพระพิมล คลองบางเลน ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน (15 ตำบล) เทศบาลตำบลบางหลวง เทศบาลตำบลลำพญา และเทศบาลตำบลบางเลน ระดับน้ำสูง 0.60-1.40 ม. อำเภอนครชัยศรี (14 ตำบล) เทศบาลตำบลนครชัยศรี (ชุมชนริมคลองบางแก้วฟ้า และชุมชนคลองเจดีย์บูชา) อำเภอพุทธมณฑล (4 ตำบล) น้ำท่วมชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ ริมคลองโยง และริมคลองทวีวัฒนา และอำเภอกำแพงแสน (1 ตำบล ได้แก่ ตำบลห้วยม่วง หมู่ที่ 1,10) ระดับน้ำสูง 0.30-0.45 ม.
3.6 จังหวัดนนทบุรี น้ำยังท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน 5 อำเภอ โดยในเขตอำเภอปากเกร็ด และอำเภอเมืองฯ ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูง 0.40-0.60 ม. ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดผ่านคลองพระยาบรรลือ และคลองพระพิมลยังมีพื้นที่น้ำท่วม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางกรวย ระดับน้ำสูง 0.50-1.45 ม. ระดับน้ำลดลง
4. การให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย
4.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
(1) เครื่องจักรกล 153 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 142 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 555 หลัง (อ่างทอง 177 หลัง พระนครศรีอยุธยา 142 หลัง สุโขทัย 20 หลัง นครสวรรค์ 50 หลัง อุตรดิตถ์ 70 หลัง น่าน 39 หลัง ชัยนาท 35 หลัง และ สิงห์บุรี 22 หลัง) เต็นท์อำนวยการ 15 หลัง บ้านน็อกดาวน์ 10 หลัง(เชียงใหม่) สะพานเบลี่ย์ 57 เมตร พร้อมเจ้าหน้าที่ 642 คน และสนับสนุนถุงยังชีพ 80,359 ชุด ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
(2) จ่ายเงินค่าจัดการศพ 235 ราย รายละ 15,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท เป็นเงิน 6,225,000 บาท (คงเหลือ 79 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ) ทั้งนี้จังหวัดที่ประสบภัยได้ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปแล้ว 719.28 ล้านบาท
(3) จัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า ผ้าถุง รองเท้ายาง ไปสนับสนุนจังหวัด ที่ประสบภัย คิดเป็นมูลค่า 41,649,800 บาท
4.2 กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยในฤดูฝนปี 2549 ทั่วประเทศ รวม 714 เครื่อง แยกเป็นเพื่อการเกษตร 344 เครื่อง การอุปโภค-บริโภค 10 เครื่อง และช่วยเหลืออุทกภัย 360 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 31 เครื่อง แยกเป็นจังหวัดนนทบุรี 6 เครื่อง กรุงเทพมหานคร 14 เครื่อง สมุทรสาคร 6 เครื่อง นครปฐม 5 เครื่อง
กรมชลประทานได้เพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจากที่มีปริมาณไหลผ่านต่ำสุด 90 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.49 เป็น 155 ลบ.ม./วินาที (ข้อมูลวันที่ 4 ธ.ค.49) เพื่อเจือจางน้ำเน่าเสียให้มีคุณภาพดีขึ้น
5. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 01.00 น วันที่ 4 ธ.ค.49 ถึง 01.00 น วันที่ 5 ธ.ค.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดเชียงราย (อ.เมือง) 2.0 มม. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) 16.0 มม.
6. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 4 ธ.ค.49) โดยกรมชลประทาน
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,207 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 9,348 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่างฯ 927 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 97 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
7. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูลวันที่ 4 ธ.ค.49) โดยกรมชลประทาน
- ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 594 ลบ.ม./วินาที
- ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 155 ลบ.ม./วินาที
- ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1,057 ลบ.ม./วินาที
8. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5,6,7,8,9,10 จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ สุโขทัย อุทัยธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร แพร่ อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง ลำพูน เตรียมการป้องกันและแก้ไขอุบัติภัยอันเกิดจากสภาพอากาศฝนฟ้าคะนอง และหมอกหนา ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ขับขี่ยานพาหนะใช้เส้นทางจราจรไป-มา ระหว่างวันที่ 2 — 6 ธันวาคม 2549 และให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11,12 จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสภาพอากาศฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่อยู่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะ 5-6 วันนี้ (3-8 ธันวาคม 2549) เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในเขต ความรับผิดชอบ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวร เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้น จัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
9. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป