บทสัมภาษณ์ “น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น” กับงานแสดงแอ็คชั่นครั้งแรกใน “สวยซามูไร”

ข่าวบันเทิง Wednesday October 28, 2009 13:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม เป็นนักแสดงหญิงหน้าใหม่ที่ทุ่มเทอย่างสุดพลังทั้งการฝึกซ้อมและการแสดงในหนังแอ็คชั่นเรื่องแรกของเธอ “น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น” นักบู๊สาวคนล่าสุดของผู้กำกับมือเก๋า “มานพ อุดมเดช” ที่ยืนยันหนักแน่นว่า เธอคือฟันเฟืองตัวสำคัญในการดำเนินเรื่อง “สวยซามูไร” หนังแอ็คชั่นหลากสไตล์ที่พร้อมกระหึ่มโรง 5 พ.ย. นี้ แน่นอน บทบาท-คาแร็คเตอร์ “น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น” ค่ะ ในเรื่องนี้ก็รับบทเป็น “กุนจา” เป็นตำรวจหน่วยสืบราชการลับของ CIA เป็นสายลับหญิงที่มีฝีมือดี แต่ก็โดนหักหลักเมื่อทำภารกิจครั้งใหญ่เสร็จสิ้น แค่ก็รอดตายมาได้ แล้วก็รอวันล้างแค้นอะไรประมาณนี้ค่ะ จริงๆ แล้ว กุนจาเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง แล้วก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครนะคะ แต่ว่าถ้ามีเรื่องเข้ามาก็พร้อมที่จะสู้ได้ทุกเมื่อเช่นกันค่ะ จุดเริ่มต้นที่เข้ามาแสดงหนังเรื่องนี้ ค่ะ ฝนก็เคยร่วมงานกับอามานพมาก่อนในเรื่อง “ตุ๊กแกผี” พออาเขาเห็นหน่วยก้านดี เขาก็เลยให้มาแคสดู แล้วเขาก็ประทับใจ อาเขาเคยบอกว่าเขาประทับใจฝนตั้งแต่ครั้งที่เล่นตุ๊กแกผีแล้วว่ากล้าเล่น ไม่ค่อยกลัวอะไร ไม่ค่อยกลัวเจ็บอะไรพวกนี้ค่ะ ก็เลยกล้าที่จะให้เราเล่นเรื่องนี้ด้วย ก่อนที่จะมาเล่นหนังเรื่องนี้ จะต้องเรียนอะไรเพิ่มเติมบ้าง ก่อนที่ฝนจะมาเล่นหนังเรื่องนี้ ฝนก็ต้องเรียนพวกคิวบู๊ต่างๆ เพิ่มเติม เพราะว่าตัวฝนเองไม่มีพื้นฐานทางเรื่องพวกนี้มาก่อน อาเขาก็ส่งไปเรียนคิวบู๊ไม่ว่าจะเป็นพวกเรื่องฟันดาบ เรียนมวย แล้วก็คือฟิตตัวเองอยู่ตลอดเวลา บางทีก็ซ้อมตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มของทุกวันค่ะ แต่ที่หนักสุดก็เห็นจะเป็นพวกฟันดาบซามูไร พวกคิวบู๊ในเรื่องนี้มันจะหนักหนักมากค่ะ การดำเนินเรื่องของกุนจาต้องไปเจอประสบกับเรื่องอะไรบ้าง การดำเนินเรื่องของกุนจาในเรื่องนี้นะคะ เขาก็เป็นหน่วยสืบราชการลับพิเศษ แล้วก็โดนฝึกมาเฉพาะกิจ เป็นการฝึกพิเศษโดยเฉพาะเลย แล้วทีนี้ แคลร์ ที่เล่นโดยพี่แจ๊คกี้เขาก็มาเห็นว่ากุนจาเป็นผู้หญิงที่เก่ง เขาก็เลยขอตัวกุนจาไปช่วยราชการของเขา แต่สุดท้ายพอกุนจาทำงานสำเร็จเขาก็หักหลังโดยการฆ่าระเบิดทิ้งไปทุกคน แคลร์ ก็เข้าใจว่า กุนจาเนี่ยตายไปแล้ว เขาก็เลยไม่ได้ตามที่จะฆ่า แต่จริงๆ แล้วกุนจาก็ยังมีชีวิตอยู่แล้วก็ดำเนินชีวิตเหมือนคนทั่วไปผ่านมา 2 ปี จนกระทั่งมาเจอเรื่องราวที่แบบเหตุการณ์แบบชุลมุน ทำให้ต้องกลับเข้ามาเจอกันใหม่อีกกับแคลร์ แล้วเขาก็เลยเริ่มบทบาทที่จะสู้กันใหม่ตามล้างตามฆ่ากันตลอด แล้วกุนจาก็จะหนี แต่ก็ต้องสู้ไปด้วยหนีไปด้วย เพราะจริงๆ เราเองก็ไม่ชอบที่จะมีเรื่องหรือว่าหาเรื่องมาใส่ตัวนะคะ ซึ่งตัว แคลร์ ก็จะมีผู้ช่วยคือ มาซารุ ที่เล่นโดยพี่พีทเข้ามาช่วย ก็ทำให้เหตุการณ์พวกเนี้ยวุ่นวายมาก แล้วก็ต่อสู้ชุลมุนนำไปสู่จุดไคลแม็กซ์ของเรื่องค่ะ ความยากง่ายของบทที่ได้รับนี้อยู่ตรงจุดไหนบ้าง ความยากง่ายก็ต้องบอกก่อนเลยว่าฝนไม่มีพื้นฐานทางด้านการต่อสู้มาก่อน คือฝนเรียนรำไทยมาตั้งแต่เด็ก ไอ้ความยากก็ยากมาก เราก็ไม่คิดว่าฉากแอ็คชั่นมันจะยากขนาดนี้ก็เลยตกปากรับคำที่จะเล่นไป แต่ใจเราสู้อยู่แล้ว แต่ตอนที่เล่นครั้งแรก ตอนที่เริ่มถ่ายทำครั้งแรก โอ้โห ถ่ายวันแรกฝนยิงปืนก็ยิงไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ น้ำตานี่ไหลๆๆ มันเหมือนตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก ยังไม่รู้เรื่องการถ่ายทำหนังเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าเราจะเรียนทั้งแอ็คติ้งเรียนทุกอย่างมามากพอสมควรแล้ว แต่มันก็ยังไม่เหมือนกับประสบการณ์จริงที่ได้เจอตอนถ่ายทำ มันยากมากๆ แอ็คติ้งก็ยากมาก ฝนจะค่อนข้างเครียดเรื่องแอ็คติ้ง จะว่าไปเรื่องคิวบู๊ฝนไม่ค่อยเครียดมากเท่าแอ็คติ้งนะคะ ย้อนกลับไปพูดถึงคาแร็คเตอร์ของกุนจา มันจะมีความยากอยู่จุดหนึ่งคือจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เป็นคนนิ่งๆ แบบนี้ก็ต้องแสดงออกทางสีหน้าเป็นหลักใช่ไหม ตัวกุนจาเขาจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เนื่องจากผู้กำกับเขาพยายามที่จะให้ผู้หญิงคนนี้มีคาแร็คเตอร์ที่เงียบๆ ขรึมๆ แล้วมีอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา ทุกอย่างก็แสดงออกทางสีหน้าทางแววตาค่ะ ก็จะยากอยู่เหมือนกันเวลาที่มันจะต้องถ่ายเจาะการแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าแต่ก็ผ่านมาได้ เพราะก่อนที่จะถ่ายทำ คุณอาเขาจะต้องมาบอกอยู่แล้วว่าเราจะต้องแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้ายังไง เจ็บขนาดไหน แค้นเพราะอะไร แค้นเพราะว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วเธอฆ่าฉันนะอะไรอย่างนี้ อย่างที่บอกแอ็คติ้งเรื่องนี้ยากไม่แพ้แอ็คชั่นเลยค่ะ แล้วบทนี้มีแง่มุมที่เหมือนหรือแตกต่างจากตัวเองยังไงบ้าง บทกุนจาเหมือนฝนยังไรเหรอคะ ก็คือตรงที่กุนจาเขาจะเป็นคนแบบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ตัวฝนเองก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่อย่ามายุ่งกับเรา ถึงมายุ่งกับฝนเอง ฝนก็จะหนี ไม่ชอบมีปัญหาอะไรอย่างนี้ค่ะ กุนจาเองเขาก็ไม่ชอบมีปัญหาแต่ว่าเวลาก่อนที่เขาจะหนี ก่อนที่เราจะหนีเราก็คงต้องสู้ก่อนหนีนิดหน่อย ก็เหมือนฝน ปกติฝนก็เป็นอย่างนี้ เวลามีใครมาทำร้ายหรือว่ามีใครมาพูดถึงเราในทางที่ไม่ดี เราก็ปล่อยวางซะแล้วก็เดินหนีไป จริงๆ กุนจาเขาก็ไม่พูดแต่เขาก็ฆ่าเลย (หัวเราะ) แต่เราฆ่าไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ไม่เหมือนเลยก็คือตัวกุนจาเป็นคนที่ไม่พูดแต่ตัวฝนพูดมาก พูดเก่งมากอะไรอย่างนี้ค่ะ ฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง ฉากแอ็คชั่นในเรื่องจะเยอะมาก แค่ชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่าต้องมีสู้ๆ กันตลอดเรื่อง มีทั้งฉากฟันดาบ ยิงปืน สองอย่างนี้เกือบตลอดเรื่อง แล้วก็มีฉากไล่ล่า ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่ากัน มีขึ้นสลิงแอ็คชั่นต่อสู้กัน ฉากแอ็คชั่นในเรื่องที่ฝนชอบ ฝนชอบตอนขี่มอเตอร์ไซค์ มันจะมีมอเตอร์ไซค์ให้ขี่หลายคัน มันก็จะเหมือนเป็นการไล่ล่าระหว่างนินจากับกุนจา โดยหัวหน้าทีมนินจาก็คือมาซารุ มาซารุจะไล่ล่ากุนจาแล้วก็จะขี่มอเตอร์ไซค์หนีกันอะไรอย่างนี้ แล้วฝนจะชอบฉากนี้เพราะว่า ชอบขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ฉากไล่ล่านี้ก็จะเป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก แล้วขี่แบบขึ้นนูนขึ้นเนิน รู้สึกว่าตัวเองสนุกกับมันมาก แล้วก็ขี่ด้วยตัวเอง ไม่ได้ใช้สตั๊นท์ขี่ มันทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับฉากนี้ด้วย มีปัญหาหรืออุปสรรคกับฉากแอ็คชั่นบ้างมั้ย ฉากขี่มอเตอร์ไซค์นี้ไม่มีเลย แต่ว่าจะมีตอนที่ฟันดาบ ฟันดาบส่วนมากจะเป็นตอนซ้อมมากกว่าที่จะได้แผลแบบเขาให้ลอยเข่าลงมาจากที่สูงๆ แล้วก็มาใส่กับเก้าอี้เก้าอี้ไม้ที่เซ็ตมาเพื่อการถ่ายทำ มันดันไม่ให้ความร่วมมือ มันดันไม่พังมันก็เลยเสียบเข้ามาที่หน้าแข้งเลยค่ะ ทุกคนเขาก็เข้าใจว่า ถ้าเจ็บเนี่ยเขาก็จะไม่มายุ่งกับฝนเลย เพราะเขารู้ว่าฝนไม่ชอบให้มาโอ๋ ถ้าโอ๋ฝนจะร้องไห้อะไรงี้ค่ะ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ร้องแล้วไม่หยุดเพราะว่าฉากฟันดาบ เป็นฉากฟันดาบกับญี่ปุ่นคนหนึ่ง เขาก็ฟันไปฟันมาเล่นอย่างสมจริง ใส่อารมณ์กันมาก กำลังสนุกกัน ตอนนั้นก็พลาดมาโดนมือเราอยู่นิดนึงนะคะ นิดเดียวแต่ว่าทำให้มือไม้สั่นเล่นไม่ได้ ร้องไห้เลย แต่คุณอามานพเข้าใจว่าฝนเอายาดมไปป้ายตาตัวเองแล้วก็ร้องไห้ แต่เขาไม่รู้ว่าฝนนะโดนดาบฟัน ก็เลยต้องยกกองไปถ่ายทำฉากอื่นก่อน แล้วก็ค่อยกลับมาถ่ายฉากนี้ใหม่ พัฒนาการของเราในด้านแอ็คชั่นนี่เชี่ยวชาญขึ้นมากไหม อย่างเช่นเรื่องฟันดาบ ก็ตั้งแต่แรกที่ซ้อมใช่มั้ยค่ะ จากตอนแรกที่ฝึกฟันดาบที่จะทำอะไรไม่เป็นเลยก็จะเรียนวันละชั่วโมงครึ่ง ทุกๆวันประมาณสามเดือนกับอาจารย์คนญี่ปุ่นเขามาจากกลุ่มของซามูไรที่ญี่ปุ่นเลยเพื่อที่จะมาสอนเรา เขาก็เห็นถึงพัฒนาการของเรา เขาก็เลยชอบ ชอบถึงขนาดว่าเขาขอให้ฝนไปโชว์ตัวตอนที่มีซามูไรมาจากญี่ปุ่น ฝนก็เลยได้ไปโชว์คิวบู๊คิวดาบให้กับคนญี่ปุ่นเองดู เขาก็พอใจกัน อามานพเขาก็ชอบ อย่างในเรื่องนี้ฉากที่ฝนชอบเหมือนกันก็คือฉากที่ใช้ดาบซามูไร ก็คือเป็นฉากที่กุนจาต่อสู้ในอู่แท็กซี่ที่มีนินจามาสู้ด้วยเป็นสิบๆ คน ซึ่งเป็นฉากลองเทค (Long Take) ก็คือถ่ายแบบยาวมากๆ รวดเดียว แล้วตัวกุนจาเองก็ได้ใช้ฝีมือในการร่ำเรียนการฟันดาบญี่ปุ่นมา แล้วรวมทั้งความจำและความแม่นยำของเราด้วย น้ำหนักการฟัน แล้วก็การแอ็คติ้ง แอ็คชั่นทุกย่างมันต้องได้ เพราะว่าเขาจะใช้กล้องแฮนด์เฮลถ่ายตามเจาะเราไปทุกที่อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เป็นอีกฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้ที่มันก็สนุกดีค่ะ เห็นมีฉากบลูสกรีน ต้องใส่สลิงด้วย พวกฉากบลูสกรีนใส่สลิงพวกนี้ ฝนถือว่ายากมาก ยากสำหรับฝนเพราะว่าฝนเองเรื่องสลิงบางทีมันจะต้องใช้เรื่องความคล่องตัวของคิวบู๊มาช่วยด้วยเยอะ มันยากเรื่องความแม่นยำที่จะทำทุกอย่างให้มันพอดีกันกับที่สตั๊นท์เขาทำอะไรอย่างงี้ค่ะ ก็ยากค่ะ จะคิดตลอดว่าทำไมเราทำแบบนี้ไม่ได้ ทำไมเราทำแบบนั้นไม่ได้ไร เราก็จะพยายามทำให้มันได้ มันเป็นอะไรที่ยากกับการที่เราไม่ได้กำหนดเอง เพราะว่าสลิงเป็นคนดึงเรา ซึ่งมันไม่ซิงค์กัน เราก็ทำให้ภาพออกมาไม่สวย ถ่ายทำยากมาก แล้วยิ่งอามานพเขาเป็นคนที่ละเอียดขนาดนี้ แบบกว่าจะผ่านไปได้แต่ละฉากมันก็ยากมาก แถมยังมีผิดคิวด้วย แต่ว่าไม่ถึงกับอันตรายอะไร บางทีแบบว่าน้ำหนักเราลงพื้นแรงไป ทำให้เข่าเจ็บขึ้นมาแบบนี้ ก็เป็นธรรมดานะคะ หนังบู๊มันก็ต้องมีอะไรผิดพลาดเยอะแยะไปหมด แต่ว่าไม่มีอะไรอันตรายค่ะ เล่นแอ็คชั่นเกือบทั้งเรื่องอย่างนี้แล้วมีฉากประทับใจอะไรบ้างมั้ย อีกฉากที่ประทับใจ ก็จะเป็นฉากต่อสู้ระหว่างกุนจากับแคลร์ที่เขาต่อสู้กันบนสลิงที่ห้อยโตงเตงอยู่ในอากาศ แล้วก็จะสู้กันไปสู้กันมาแล้วก็มีการบีบคอ มีโดนเหวี่ยงโดนอะไรอยู่บนสลิงทั้งหมด ฉากนี้ก็จะได้แผลเยอะหน่อย แล้วตอนที่จะต้องให้แคลร์บีบคอกุนจา พี่แจ๊คกี้เขาก็ใช้น้ำหนักแล้วก็อารมณ์สมจริงไปหน่อยก็บีบคอแบบว่าเล็บโดนคอ แบบคอแดง แล้วแคลร์เขาก็ผลักกุนจาลงไปจากสลิงแล้วเชือกก็กระตุก แล้วก็ให้เหมือนแบบว่าเราจะขาดใจตายอะไรอย่างนี้ แล้วฉากนั้นก็ขอเล่นเองซึ่งจริงๆ ผู้กำกับเองก็บอกว่าไม่อยากให้เล่น เพราะมันอันตรายมันเสี่ยง อยากให้เป็นสตั๊นท์เล่น แต่ว่าเราขอเล่นเองแต่ก็เกือบตายเหมือนกันนะฉากนั้น เพราะว่าพอมันกระตุกแล้วเราก็เหมือนไม่ได้ทิ้งเชือกลงไป ทำให้มันกระตุกแล้วมันค้างไว้อยู่จนผู้กำกับเขาสั่งคัท เราก็ห้อยๆ อยู่อย่างนั้นกว่าจะคัทก็เกือบตายจริงๆ ค่ะ การร่วมงานกับอามานพเป็นอย่างไรบ้าง การร่วมงานกับผู้กำกับคุณอามานพ จริงๆ คุณอาเขาเป็นคนใจดี อารมณ์ดี แต่ก็อย่างว่านะคะเพราะว่าหนังที่ทคุณอาเขาเป็นคนละเอียดมาก แล้วหนังนี้เป็นหนังแอคชั่นเรื่องแรกของคุณอาเหมือนกัน คุณอาเขาก็เลยจะแบบค่อนข้างที่จะเคี่ยวเราพอสมควร บางทีพอแบบไม่ได้อย่างที่คุณอาคาดหวังไว้ก็จะมีอารมณ์เสียนิดหน่อย เสร์จแล้วก็จะมาปลอบใจเราทีหลังอะไรอย่างงี้ค่ะ ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ประจำ เพราะว่าเราก็รู้ว่าเราไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่เราก็พยายามจนถึงที่สุด แต่คุณอาเขาไม่ค่อยซีเรียสกับฝนมาก เพราะเขารู้ว่าเราพยายามเต็มที่ที่จะทำเรื่องนี้แล้ว ในส่วนของการทำงานนี่ ผู้กำกับฯ เขามาสอนเรื่องการแสดง เรื่องแอ็คติ้งอะไรบ้างไหม สอนค่ะ ก่อนที่เข้าฉากแต่ละฉากคุณอาเขาจะมีบรีฟนักแสดงแต่ละคน เขาก็จะมาคอยบอกว่าเราต้องทำอารมณ์ยังไง ตอนนี้เรากำลังเจ็บนะ เราต้องทำอารมณ์ประมาณไหนค่ะ เยอะไปไม่ได้ น้อยไปไม่ได้ ก็อย่างมีอยู่ฉากหนึ่งที่ฝนจะต้องจ้องตากับอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วคุณอาเขาเป็นคนที่แบบดูเรื่องรายละเอียดในเรื่องของอารมณ์มาก แค่ฝนดุกะดิกตาแค่แวบเดียวเขาก็จะรู้เลยค่ะ การทำงานกับเพื่อนนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง การทำงานร่วมกันจริงๆ แล้วฝนกับพี่แจ็คกี้นี่นอกจอจะแบบสนิทกัน แล้วก็จะอารมณ์ดี อารมณ์ดีมากๆ แต่พอในเรื่องต้องมาแบบทะเลาะกัน แบบด่ากันหยาบคาย เราก็มีตลกกันเองบ้าง แต่ว่าทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี คือเวลาทำงานเราก็ทำงาน แต่เวลาออกมานอกกล้อง เราก็เหมือนเดิม มีเราแกล้งเขา เขาแกล้งเรา เขาแกล้งเราบ่อยมาก แล้วอย่างเวลาถ้าเขาเป็นอายไลน์ให้เรา แล้วเขาให้เราจ้องที่พี่แจ็คกี้อย่างงี้ เขาก็จะแกล้งทำหน้าทำตาแกล้งแหย่ คือเดินผ่านแล้วจะแหย่ตลอดเวลา แต่เราก็ต้องแบบควบคุมอารมณ์ มีบ้างหลุดๆ แต่คุณอาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันไม่ค่อยซีเรียสกับนุ้ย เกศริน ส่วนใหญ่กับนุ้ยฉากอารมณ์ก็จะมีตอนท้ายๆ ที่ส่งอารมณ์กันเยอะขึ้น เรื่องความช่วยเหลือกัน เรื่องการที่นุ้ยเป็นห่วงเป็นใยเราแบบช่วยเราอะไรอย่างนี้ ก็ไม่มีอุปสรรคอะไรก็ผ่านฉลุย ก็ช่วยกันว่าเราจะทำยังไงกันดี เราควรจะดำเนินไปในทางเดียวกันอย่างนี้ๆ ก็จะคุยกันก่อนเข้าฉากค่ะ กับพี่ตั้ว ศรัณยู ไม่ได้เข้าฉากด้วยกัน แต่ว่าแค่ร่วมเฟรมกันค่ะ ก็เคยได้ดูตอนที่พี่ตั้วถ่ายทำครั้งหนึ่งแล้วก็ประทับใจมาก นั่งอยู่หลังมอนิเตอร์นี่แบบพี่ตั้วทำไมเก่งอย่างนี้ พี่ตั้วเทคเดียวผ่าน แล้วพี่ตั้วเขาเล่นแล้วได้อารมณ์มาก เขาเล่นแล้วเหมือนเขาเป็นตัวละครที่ชื่อ วายิบ จริงๆ เขาต้องพูดภาษายาวี เขาก็ทำได้ดีซึ่งเป็นภาษาที่ยากมาก แต่พี่ตั้วก็เล่นผ่านฉลุย ชอบมากค่ะ ส่วนพี่พีท ทองเจือ ก็น่ารัก จะสอนตลอด อย่างสมมติถ้าคิวบู๊ที่เราจะต้องเข้าฉากร่วมกับพี่พีท พี่พีทเขาก็จะคอยบอกเราว่า น้องทำประมาณนี้ๆ ดีกว่า คือจะสอนเราตลอด เพราะเขารู้ว่าเรายังใหม่อยู่ในเรื่องการแสดงค่ะ ความน่าสนในโดยของเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหนบ้าง เสน่ห์ของมันมีอะไรบ้าง เสน่ห์และความน่าสนใจของหนังเรื่อง “สวยซามูไร” นี้นะคะ ก็จะเป็นหนังแอ็คชั่นฮีโร่เท่ๆของกลุ่มผู้หญิงหลายๆ คนที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยเท่าไหร่ค่ะ แล้วก็เป็นเป็นเรื่องของความพิถีพิถัน ความละเอียดไม่ว่าจะเป็นภาพ เป็นสีแสงทุกอย่าง มันจะเป็นภาพที่สวยๆ เป็นแอ็คชั่นสวยๆ ซึ่งได้คุณอามานพมาเป็นผู้กำกับด้วยแล้วรับรองว่ามีความละเอียดในด้านต่างๆ สูงแน่นอน และก็จะสนุกไปกับมันได้ไม่ยากค่ะ ฝนก็คาดหวังว่า คนที่ได้เข้ามาดูในโรงภาพยนตร์ก็จะชอบกันนะคะ เพราะว่าตัวฝนเองก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้เก่งเท่าคนอื่นเขา แต่ก็พยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดเช่นเดียวกับทีมงานเบื้องทุกคนด้วยค่ะ ก็อยากให้ลองเปิดใจเข้ามารับชมหนังเรื่องนี้กันดีกว่า ฝนเองก็อยากจะฝากให้ทุกคนเข้ามาชมหนังเรื่องนี้นะคะวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้แล้ว ก็อยากจะให้มาดูถึงความตั้งใจของตัวนักแสดงทุกๆ คนรวมทั้งทีมงานด้วยค่ะ เขาทำเต็มร้อยสู้สุดๆ ค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ