ก.ล.ต. เผยปี 2550 เน้นการประเมิน FSAP และการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ แก่ บล.

ข่าวทั่วไป Thursday December 21, 2006 16:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. แถลงผลงานปี 2549 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยได้ผลักดันการแก้กฎหมายเพื่อยกระดับบรรษัทภิบาลด้านต่าง ๆ ปรับโครงสร้างใบอนุญาตหลักทรัพย์ให้ผู้ประกอบการเตรียมตัวรับการแข่งขันจากต่างประเทศ ผลงานด้านการบังคับใช้กฎหมายเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น และพร้อมเข้ารับการประเมินทางด้านการเงินของประเทศ (Financial Sector Assessment Program : FSAP) อย่างเป็นทางการในปี 2550 วันนี้ (21 ธันวาคม 2549) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยผลงานในปี 2549 ดังนี้
1. การยกระดับบรรษัทภิบาล
ในปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินงานเรื่องนี้หลายด้าน โดยได้เน้นคุณภาพการจัดประชุมผู้ถือหุ้น และการตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินและรายงานต่าง ๆ เป็นพิเศษ รวมทั้งดูแลการเปิดเผยข้อมูลการทำรายการระหว่างกันและรายการได้มา/จำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์สำคัญของบริษัทจดทะเบียนก่อนที่จะขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีข้อมูลที่ชัดเจนครบถ้วนใช้ประกอบการตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังได้ยกร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับโครงสร้างคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพิ่มความเป็นอิสระ เพิ่มการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนให้เข้มงวดขึ้น เปิดให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมตัวกันฟ้องคดี รวมทั้งให้การคุ้มครองผู้ให้ข้อมูลแก่ทางการด้วย
2. ผลงานด้านต่างประเทศและการปรับมาตรฐานให้เป็นสากล
ในเวทีสากล ก.ล.ต. ไม่ได้เป็นแค่สมาชิก IOSCO เท่านั้น แต่ได้รับเลือกให้เป็นประธานของกลุ่มเอเชียแปซิฟิกเป็นสมัยที่ 2 ในการนี้ได้ดำเนินการให้ประเทศสมาชิกช่วยเหลือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การกำกับตลาดทุน และการผลักดันให้สมาชิกเข้าร่วมลงนามระดับพหุภาคีเพื่อจะสามารถขอข้อมูลระหว่างกันได้สะดวก นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมใน Implementation Task Force ของ IOSCO เพื่อร่วมในการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการกำกับดูแลตลาดทุน และในปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในทางปฏิบัติของมาตรฐานบัญชีต่อ IASB ถึง 6 เรื่อง ซึ่งเป็นการแสดงความมีส่วนร่วมของ ก.ล.ต.ไทยในระดับโลก และยังได้สนับสนุนเงินประมาณ 10 ล้านบาท แก่สภาวิชาชีพบัญชีเพื่อใช้ในการติดตามและปรับปรุงมาตรฐานบัญชีของไทยให้สอดคล้องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีสากลตลอดเวลา
3. การพัฒนาโครงสร้างตลาดทุนและการกำกับดูแล ในด้านการพัฒนาโครงสร้างตลาดทุนให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมในการแข่งขันกับต่างประเทศ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์คิดพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และได้ประกาศกำหนดการที่จะเปิดเสรีใบอนุญาตในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์มีเวลาวางแผนปรับตัวเองล่วงหน้า ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์หลายเรื่องเพื่อให้การออกและจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้น ส่วนตลาดอนุพันธ์ที่ได้เปิดดำเนินการในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 1,064 สัญญา ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในด้านกองทุนรวมมีการเติบโตที่ดีโดยมีจำนวนกองเพิ่มขึ้น 118 กอง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปีก่อน เป็นขณะนี้ 689 กอง ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีนายจ้างตั้งกองเพิ่มขึ้น 586 ราย หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.63 เป็นขณะนี้ 7,378 ราย และมีจำนวนสมาชิก 1.8 ล้านคน ซึ่งถึงแม้เป็นอัตราการเติบโตที่ดี แต่ ก.ล.ต. จะเร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นายจ้างเข้าร่วมมากขึ้นอีกเนื่องจากเป็นการออมของประชาชนไว้ใช้ในวัยเกษียณ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาลได้ทางหนึ่ง
4. การบังคับใช้กฎหมายการดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการประสานงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ โดยมีการเปรียบเทียบปรับมากถึง 80 เรื่อง เป็นเงินค่าปรับ 44.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 67 และร้อยละ 193 ตามลำดับ โดยค่าปรับส่วนใหญ่มาจากการกระทำผิดฐานใช้ข้อมูลภายใน นอกเหนือจากงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนแล้ว ปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้จัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ได้แก่ การนำผู้บริหารและพนักงานไปบริจาคอุปกรณ์การเรียนการสอนและซ่อมแซมโรงเรียนด้อยโอกาส
4 แห่งในจังหวัดเพชรบุรี และร่วมกับคณะผู้สื่อข่าวสายตลาดทุนบริจาคเงินและสิ่งของให้แก่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการ บ้านเฟื่องฟ้า จังหวัดนนทบุรี และมีนโยบายที่จะกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญกับกิจกรรมช่วยเหลือและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้นด้วย
นายธีระชัยกล่าวถึงงานในปีหน้าว่า “ ในปี 2550 ภารกิจหนึ่งของ ก.ล.ต. คือการเข้ารับการประเมินทางด้านการเงินของประเทศ หรือ FSAP ซึ่งในปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ด้วยการปรับปรุงกฎหมายการกำกับดูแลตลาดทุนรวมถึงการป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนเงินในการก่อการร้าย และได้ซักซ้อมผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อมสำหรับการประเมินดังกล่าว นอกจากนี้ การเปิดเสรีใบอนุญาตใน 5 ปีข้างหน้า ทำให้ ก.ล.ต. จะต้องทำงานหนักร่วมกับผู้ประกอบการในธุรกิจหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ก.ล.ต. ยังคงให้ความสำคัญกับการรับฟังความเห็นของภาคเอกชน ทั้งในด้านการกำกับดูแลและการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในตลาดทุน เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ