‘8 โรคยอดฮิตของผู้บริหาร! แนะ ‘เช็กสุขภาพประจำปี’

ข่าวทั่วไป Tuesday November 10, 2009 15:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อเอ่ยถึงโรคภัยไข้เจ็บ ผู้ใหญ่อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้มากกว่าเด็ก เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่น อาหาร หรือความเครียดที่ต่อแถวหรือไม่ต่อแถว รอเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 30-45 ปี อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้สูง โดยจะผันแปรไปตามตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหาร ที่จะต้องทนรับกับแรงกดดันจากความรับผิดชอบหลายด้าน ไม่ว่าเรื่องลูกน้อง หรือการแข่งขันทางธุรกิจ ส่งผลให้ร่างกายเสื่อมถอยเร็ว มีแนวโน้มต่อการถูกคุกคามด้วยโรคต่างๆ ตามมา สำหรับโรคดังกล่าวนี้ คงหนีไม่พ้น 8 โรคฮอตฮิต ที่นักบริหารจำนวนไม่น้อยเป็นกันมาก นั่นคือ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจตีบตัน (หัวใจขาดเลือด) โรคกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ เบาหวาน และโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งแต่ละโรคมีรายละเอียดที่น่าสนใจ พร้อมกับแสดงสัญญาณเตือนที่จะต้องดูแลสุขภาพของตัวเองตามอาการของโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้ เริ่มจาก ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูง ถือเป็นโรคมาแรงในกลุ่มผู้บริหาร เพราะต้องเผชิญต่อความกดดัน และความเครียดอยู่บ่อยครั้ง ทั้งลูกน้อง หรือคนใกล้ตัว ที่สำคัญโรคนี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือหัวใจล้มเหลว สำหรับสัญญาณเตือนของโรคดังกล่าวนี้ จะมีเสียงดังหวิวๆ หรือหึ่งๆ ในหู หรือได้ยินเสียงชีพจรในศีรษะของตัวเอง เวียนศีรษะ โดยเฉพาะตอนเปลี่ยนอิริยาบถ นอกจากนี้ยังรู้สึกได้ว่าใจสั่นบ่อย หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ขาบวม หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ เหนื่อย และเพลียผิดปกติ ขอแนะนำให้พาตัวเองมาตรวจสุขภาพทันที โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะมีการอุดตันของเส้นเลือดที่นำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ส่งผลให้เนื้อสมองเสียหาย อยู่ในภาวะที่ทำงานไม่ได้ แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ โรคสมองขาดเลือด เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน และโรคเลือดออกในสมอง เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก จากสถิติของประเทศไทยพบว่าอัตราการตายซึ่งมีสาเหตุมาจากสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 พบเป็นร้อยละ 6 (ข้อมูลจาก World Health Organization , 2002) หลอดเลือดหัวใจตีบตัน สำหรับโรคที่สาม คือ หลอดเลือดหัวใจตีบตัน หรือโรคหัวใจขาดเลือด โรคนี้เป็นสาเหตุการตายสำคัญอันดับหนึ่งของไทย เกิดจากการตีบ หรืออุดตันของเส้นเลือดจากการสะสมไขมัน คอเลสเตอรอล ทำให้เส้นเลือดแดงไม่สามารถนำเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ตามปกติ ดังนั้นใครที่มีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ หรือจุกแน่นลึกๆ บริเวณใต้กระดูกหน้าอก หรือหน้าอกด้านซ้าย มักเจ็บตอนที่เดินเร็ว ยกของหนัก หรือวิ่ง หรือเมื่อรู้สึกเครียดที่ต้องทำงานเร่งรีบ ประกอบกับความเครียด ต้องทานอาหารฟาสต์ฟูด ทำให้อ้วน ขาดการออกกำลังกาย เหล่านี้ล้วนแต่นำมาสู่ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน ซึ่งส่วนใหญ่มักมีอาการเฉียบพลัน ทำให้ "ตาพร่ามัว ปวดศีรษะ เฉียบพบันแบบไม่ทราบสาเหตุ แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก วิงเวียน หรือวูบแบบฉียบพลัน" หากถึงมือแพทย์ช้า อาจเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตตลอดชีวิต โรคกระเพาะอาหาร ตามมาด้วย โรคกระเพาะอาหาร เป็นโรคระบบทางเดินอาหารขัดข้อง เนื่องจากกระบวนการที่อาหารผ่านไปนั้นทำงานผิดปกติ โรคนี้ถือเป็นโรคยอดฮิตในหมู่ผู้บริหาร เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มักจะต้องทำงานแข่งกับเวลา และเคร่งเครียดอยู่กับงานจนลืมที่จะรับประทานอาหาร หรือเกิดจากการดื่มสุรา สูบบุหรี่อย่างหนัก พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารได้ทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เมื่อกินอาหารเข้าไปประมาณ 30 นาทีถึง 3 ชั่วโมง ก็จะมีอาการปวดท้อง บางครั้งเมื่อรับประทานข้าวเสร็จก็ปวดท้องขึ้นมาในทันทีทันใด หรือปวดท้องก่อนรับประทานก็ได้ หรืออาจมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อยร่วมด้วย โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งตับ ถือเป็นโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะเพศชายซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้มีอัตราเสี่ยงสูง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ โรคพยาธิใบไม้ในตับ อะฟลาท็อกซินไนโตรซามีน ที่พบอยู่ในตัวยากันบูด ปลาร้า เนื้อแห้งโดยเฉพาะอาหารที่ใส่ดินประสิว ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือกรรมพันธุ์ เป็นต้น อาการเริ่มแรกของโรคมะเร็งตับค่อนข้างคลุมเครือ บางรายอาจจะไม่เกิดอาการอะไร เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ทำงานไม่ค่อยไหว จุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดอาหารไม่ย่อย บางรายเจ็บบริเวณชายโครงข้างขวา และอาจปวดร้าวไปที่ไหล่ข้างขวาหรือบริเวณลำตัวข้างขวาทั้งหมด ในระยะสุดท้ายจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง บางรายอาจมีน้ำในช่องท้อง ท้องมาน บวมที่ข้อเท้า โรคเบาหวาน ส่วนใหญ่ โรคเบาหวานมักเกิดได้ง่ายกับคนอ้วนหรือผู้ที่รับประทานอาหารประเภทแป้งมากเกินไป กรรมพันธุ์ รวมทั้งผู้ที่มีความเครียดอยู่ตลอดเวลาอย่างกลุ่มนักบริหาร เนื่องจากเมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนบางอย่างออกมาทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและจะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ในที่สุด โรคเบาหวานมักพบจากการตรวจร่างกายประจำปี โดยไม่มีอาการผิดปกติให้สังเกตเห็น นอกจากอาการอ่อนเพลีย สมองมึนงง และถ้าตรวจว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว ต้องดูแลรักษากันตลอดชีวิตเพราะโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย แต่ถ้าปล่อยปละละเลยอาการของโรคจะกำเริบมากขึ้น อาการระยะเฉียบพลัน เช่นเกิดภาวะน้ำตาลต่ำกว่าปกติ หน้ามืด เหงื่อแตก ใจสั่น ขณะที่ระยะเรื้อรัง จะพบอาการปัสสาวะบ่อย คอแห้งกระหายน้ำ ตาพร่ามัว สมรรถภาพทางเพศลดลง ความต้านทานโรคต่ำ ป่วยง่าย และมีโรคแทรกซ้อนในแบบอื่นๆเช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และระยะสุดท้าย จะพบเบาหวานลงไตอาจสูญเสียอวัยวะ เช่นเป็นแผลเรื้อรังที่เท้าจะต้องตัดทิ้ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคถุงลมโป่งพองที่เกิดกับกลุ่มนักบริหาร มักจะเกิดกับผู้ที่สูบบุหรี่จัดเป็นเวลานานๆ หรืออยู่ในบริเวณที่มีควันบุหรี่เป็นระยะเวลานานติดต่อกัน ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป สัญญาณเตือนภัยของผู้ที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง จะมีอาการไอ เริ่มจากไอแห้งๆและมักไอมากตอนกลางคืนเวลาอากาศเย็นและตอนเช้าหลังตื่นนอน มีอาการเหนื่อยเวลาออกกำลังกาย เป็นหวัด หลอดลมอักเสบบ่อยๆหรือมีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคกระดูกพรุน กระดูกพรุน คือ ภาวะที่มีเนื้อกระดูกบางตัวลง เนื่องจากมีการสร้างกระดูกน้อยกว่าการทำลายกระดูก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการหัก หรือยุบตัวได้โดยง่าย มักเกิดขึ้นกับกลุ่มนักบริหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่สภาพร่างกายกำลังเสื่อมสมรรถภาพ และมักไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำงานแข่งขันกับเวลา เครียด สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอลล์ และกาแฟเป็นประจำ รวมทั้งมองข้ามอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วยเช่น เคยมีประวัติกระดูกหักในครอบครัวจากภาวะกระดูกพรุน หรือรับประทานยา Steroid เป็นประจำ ควรเริ่มตรวจความหนาแน่นกระดูกเมื่ออายุ 40 ปี โดยในระยะแรกมักไม่มีอาการ เมื่อเริ่มมีอาการ แสดงว่าเป็นโรคมากแล้ว อาการสำคัญของโรค ได้แก่ ปวดตามกระดูกส่วนกลางที่รับน้ำหนัก เช่น กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก และอาจมีอาการปวดข้อร่วมด้วย ต่อมาความสูงของลำตัวจะค่อยๆ ลดลง หลังจะโก่งค่อมหากหลังโก่งค่อมมากๆ จะ ทำให้ปวดหลังมากเสียบุคลิก เคลื่อนไหวลำบากระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหารถูกรบกวน เมื่อเป็นโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจ จะหายยาก ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ท้องอืดเฟ้อ และท้องผูกเป็นประจำ สิ่งที่จะช่วยให้ผู้บริหารเหล่านี้สามารถดำเนินกิจการของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กับสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ คือ แบ่งเวลาให้กับตัวเอง โดยการใช้เวลาในวันสุดสัปดาห์พักผ่อนอย่างเต็มที่ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้หัวใจและปอด มีสมรรถภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความอ้วนทำให้ไขมันใต้ผิวหนังหมดไป อีกทั้งยังเป็นการลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้อีกด้วย ควรฝึกนิสัยในการเลือกบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารเพียงพอให้ครบทุกมื้อ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก สิ่งเสพย์ติด เครื่องดื่มมึนเมา และสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้บริหารควรทำให้ได้ คือ การลดความเครียดให้ได้มากที่สุด เพราะความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคที่ไม่พึงปรารถนาทั้งปวง และหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายทุกปี เพียงเท่านี้ท่านก็จะเป็นนักบริหารที่มีประสิทธิภาพนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จโดยไม่เป็นเหยื่อของ 8 โรคดังกล่าวข้างต้น *** สำหรับผู้ที่สนใจตรวจสุขภาพ ขอแนะนำโปรแกรมตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล Privilege Health Program ที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ โปรแกรมตรวจสุขภาพรวม 17 รายการ ออกแบบโดยคำนึงถึงอายุ การใช้ชีวิตประจำวัน ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และประวัติทางพันธุกรรม เพื่อค้นหาโรคในระยะแรกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์สหสาขาวิชา ตามมาตรฐานคุณภาพการรักษาระดับสากล JCI โปรแกรมตรวจสุขภาพเหมาะสำหรับกลุ่มใด 1. ผู้ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย การตรวจสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคบางโรค หรือค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่แสดงอาการ เพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเวลาเจ็บป่วยแล้วมารักษา 2. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว จำเป็นต้องตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษาและภาวะแทรกซ้อน รวมถึงคัดกรองโรคใหม่ที่อาจเกิดร่วมกับโรคที่เป็นอยู่เดิม 3. ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ควรสร้างเสริมความแข็งแรงให้ดีว่าเดิม ด้วยการดูแลตนเองอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ พร้อมรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ เมื่อต้องการปรึกษา สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้ การตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล เริ่มดูแลจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสุขภาพเฉพาะบุคคล และการตรวจคัดกรองโรคด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงตามความเหมาะสม มีความแม่นยำและปลอดภัย เช่น ตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 256 - Slice multi — detector CT Scan, การตรวจสมองและหลอดเลือดสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บริการอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับสากล (Joint Commission International Accreditation : JCI) สะดวกรวดเร็ว สามารถแจ้งผลในการตรวจหลังโปรแกรมสิ้นสุด พร้อมรับการปรึกษาจากแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพ หากพบความผิดปกติใดๆ สามารถรับการรักษาได้ในทันที Privilege Health Program โปรแกรมตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล - MRI & MRA Brain ( Magnetic Resonance Imaging & Magnetic Resonance Angiography ) การตรวจสมองและหลอดเลือดสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า - 256 - Slice multi — detector CT Scan นวัตกรรมทันสมัย เพื่อการตรวจวินิจฉัยหัวใจและหลอดเลือด - Exercise Stress Echocardiography การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง ก่อนและหลังออกกำลังกาย - NBI & Gastro - Colonoscopy เทคโนโลยีการส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร - Digital Mammogram ค้นหามะเร็งเต้านมระยะแรกเริ่ม - Bone Mineral Density การนำรังสีช่วยตรวจความหนาแน่นกระดูก “สุขภาพดีไม่มีขาย ใครอยากได้ต้องทำเอง มีเงินซื้อไม่ได้ เป็นผู้บริหารหรือลูกจ้างธรรมดา ก็สามารถสร้างสุขภาพที่ดีได้เท่าเทียมกัน” สนับสนุนข้อมูลโดย ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร.1719 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1719 โรงพยาบาลกรุงเทพ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ