พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ทุ่มเม็ดเงินรุกสร้างแบรนด์ผ่านสื่อทุกรูปแบบ หลังปี 47

ข่าวทั่วไป Wednesday February 16, 2005 10:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ทุ่มเม็ดเงินรุกสร้างแบรนด์ผ่านสื่อทุกรูปแบบหลังปี 47 กวาดรายได้ 1,200 ล้านบาท โตกว่าปี 46 กว่า 62%
-หวังชูจุดขายการด้านการบริการสมบูรณ์แบบเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดแก่ลูกค้า-
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ถือฤกษ์ดีปี 48 ระดมสร้างแบรนด์แบบเต็มพิกัดศึก สานต่อโครงการทาวน์เฮ้าส์ตามกระแสนิยม ผุด “ทาวน์เฮ้าส์พลัส ซิตี้พาร์ค” อีก 5 ทำเลทอง หลังสร้างยอดขายทะลุเป้าไปแล้วในปี 47 พร้อมต่อยอดกระแสตอบรับของ Plus Concierge ด้วยการประกาศกลยุทธ์ธุรกิจให้ปีนี้เป็นปีแห่งความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า พร้อมตั้งเป้ารายได้รวม 2,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 47 กว่าเท่าตัว
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทผู้นำในการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 68% เมื่อเทียบกับปี 46 โดยรายได้ของบริษัทฯ แบ่งตามสัดส่วนของธุรกิจหลักเป็นดังนี้ ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็น 73% และธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย, การบริหารโครงการต่างๆ อีก 27% และในปี 47 บริษัทฯ ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 169ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาทและ 450 ล้านบาทตามลำดับ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทในปี 48”
“เมื่อเราพิจารณาการดำเนินงานในแต่ละส่วนธุรกิจของบริษัทฯในปี 47 เริ่มต้นที่ ส่วนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Project Development) ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ คอนโดมิเนียม โดยในปี 47 ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise 2 โครงการ คือ โครงการเดอะ โฟร์ตี้ไนน์ พลัส 2 ในซอยสุขุมวิท 49 จำนวน 63 ยูนิต มูลค่าโครงการ 273 ล้านบาท และโครงการ สาทรพลัส ออนเดอะพอนด์ ริมถนนเย็นอากาศ จำนวน 77 ยูนิต มูลค่าโครงการ 253 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ดำเนินการขายในปี 47 ทุกโครงการประสบความสำเร็จตามคาดหมาย และสามารถขายได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยโครงการพลัส 67 จำนวน 121 ยูนิต ซึ่งเพิ่งปิดการขายไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และโครงการการ์เด้นคอร์ท คอนโดมิเนียม สามารถปิดการขายทั้งหมด 338 ยูนิต มูลค่าโครงการ 411 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ของปี 47 ส่วนโครงการ สุขุมวิท พลัส จำนวน 383 ยูนิต ขายได้กว่า 75% ด้านทาวน์เฮ้าส์ ในปี 47 เป็นปีที่เราให้ ความสำคัญกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบทาวน์เฮ้าส์ ภายใต้ชื่อ “Plus Citypark — พลัส ซิตี้พาร์ค” ที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ การเดินทางสะดวกสบาย อย่างเช่น ถนนลาดพร้าว 71, ถนนเกษตร-นวมินทร์, พระราม 9 ตัดใหม่ และ เอกมัย-รามอินทรา เป็นต้น โครงการทาวน์เฮ้าส์ที่เปิดตัวไปเป็นโครงการแรกของปี 47 คือ โครงการพลัส ซิตี้ พาร์ค เกษตร-นวมินทร์ บนถนน รามอินทรา 14 จำนวน 97 ยูนิต ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายเกิน 80% แล้วภายในเวลาเพียง 2 เดือน และทางบริษัทฯ ก็มีโครงการที่จะเปิดตัวเพิ่มอีก 5 โครงการภายในไตรมาส 2 ของปี 48 คือ โครงการพลัส ซิตี้พาร์ค ลาดพร้าว 71, พลัส ซิตี้พาร์ค พระราม 9-หัวหมาก, พลัส ซิตี้พาร์ค สุขุมวิท 101/1, พลัส ซิตี้พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา และพลัส ซิตี้พาร์ค(5) ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายให้แก่บริษัทได้ตามเป้าหมายในปี 48 ส่วนธุรกิจที่สามารถทำรายได้มากเป็นอันดับ 2 คือ ธุรกิจรรับบริหารโครงการสำนักงานและที่พักอาศัย (Property and Engineering Management) โดยในปี 47 ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เรามีทั้งคู่แข่งในตลาดที่เป็นบริษัทไทยและต่างชาติทำให้มีการแข่งขันค่อนข้างดุเดือด แต่เราก็สามารถเพิ่มจำนวนโครงการที่รับบริหารได้ทั้งหมดรวมเป็น 83 โครงการ และยังคงความเป็นอันดับ 1 เมื่อแบ่งตามจำนวนโครงการที่รับบริหาร ซึ่งเพิ่มจากปี 46 ในอัตรา 36% ทั้งนี้มีรายละเอียดของโครงการที่รับบริหารดังนี้
คอนโดมิเนียมจำนวน 37 โครงการ บ้านเดี่ยวจำนวน 15 โครงการ อาคารสำนักงานจำนวน 25 โครงการ และอื่นๆ อีก 6 โครงการ ในส่วนของการดำเนินธุรกิจการเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์และบริหารงานขายโครงการ (Brokerage and Sales Management) ตลาดของธุรกิจตัวแทนในปี 47 มีการแข่งขันค่อนข้างสูงเช่นกัน ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ มีตัวแทนใหม่ๆ จากบริษัททั้งในประเทศและต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมากส่งผลให้ธุรกิจนี้มีการเจริญเติบโตมากขึ้น” นายยงยุทธกล่าว
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของผลการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาในปี 47 ส่งผลให้บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด มุ่งมั่นสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจสู่การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการสร้างสรรค์แนวคิดหลักในการสื่อสารภาพลักษณ์ในปี 48 คือ “Thinking Plus, Living Plus เพราะเราคิด สิ่งเดียวกับที่คุณคิด” โดยใช้วิธีการสร้างและอบรมทีมงานเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนด้านการขยายธุรกิจนั้นยังคงเป็นไปอย่างก้าวกระโดด
นายยงยุทธ ยังกล่าวเสริมว่า “ในปี 48 พลัสได้ตั้งเป้ารายได้รวมทั้งหมด 2,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 47 คิดเป็น 108% โดยแบ่งตามรายได้ของแต่ละธุรกิจดังนี้ ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คิดเป็น 85% ธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รายได้จากค่าบริการอีก 15% โดยเราได้วางกลยุทธ์เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตามเป้าหมาย คือ การมุ่งเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์ เพราะเชื่อว่าว่าลูกค้ากลุ่มหนึ่งได้รู้จักเราและเข้าใจในธุรกิจและความชำนาญของเราเป็นอย่างดี แต่เราต้องการขยายฐานของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วย ทำให้เรามุ่งเน้นทั้งการพัฒนาฐานลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิม ให้ได้เข้าใจถึงธุรกิจครบวงจรทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เราเป็นให้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้ เราได้ร่วมกับพันธมิตรใหม่ๆ จำนวนมากเพื่อช่วยสนับสนุนในการสร้างแบรนด์ อาทิ การใช้สื่อใหม่ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ นั้นคือ รถไฟฟ้าและบัตรรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสื่อที่ทางธุรกิจอสังหาฯ ยังไม่ได้ใช้กันมาก และในปีนี้กลุ่มเป้าหมายก็จะได้รับรู้ถึงกลยุทธ์การตอกย้ำเรื่องความเป็นแบรนด์ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ อย่างต่อเนื่อง
ส่วนด้านการพัฒนาเรื่องการบริการนั้น เราได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องการบริการสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารโครงการที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Project Development) ปีนี้เป็นปีที่เรามุ่งเน้นการพัฒนา CRM การบริการหลังการขายเพิ่มขึ้น เพราะเราเป็นมืออาชีพ ทำให้เราก้าวหน้าไปกว่าคู่แข่งขันในตลาด เรารู้ดีว่าลูกค้าต้องการอะไร เราจึงมุ่งตอบสนองความต้องการให้เร็วและดีที่สุด เราได้สร้างทีมบริการหลังการขาย ที่พร้อมสรรพด้วยทีมพนักงานรับบริการเรื่องร้องเรียนต่างๆ บริการทีมช่างที่ชำนาญงานเพื่อดูและในการตรวจรับมอบและการโอนห้อง รวมไปถึงการให้คำแนะนำต่างๆ เรื่องการพักอาศัยอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เรามีการกำหนดรูปแบบในการดูแลควบคุมประสิทธิภาพการก่อสร้างทุกขั้นตอน ผ่านการดูแลและควบคุมทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้สามารถมอบที่พักอาศัยคุณภาพในอันดับสุดท้าย นอกจากนี้ ในด้านการทำงานของพนักงานเรายังกำหนดให้ปีนี้เป็นปี Year of Customer Satisfaction โดยเรามุ่งสร้างมาตรฐานในการบริการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างหลักประกันให้ลูกค้ามั่นใจได้มากขึ้น เพื่อซื้อโครงการของเราและเป็นลูกบ้านของเรา ด้านการบริหารโครงการที่พักอาศัยและสำนักงาน (Property Management) ปี 47 พลัสได้เปิดตัวบริการใหม่ที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้นำในการพัฒนาบริการของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคือ บริการคอนเซียร์จ (Plus Concierge) ที่ให้บริการพิเศษเฉพาะลูกบ้านที่อยู่ในโครงการที่บริหารด้วยพลัสเท่านั้น บริการที่เราได้นำเสนอได้แก่ บริการซักรีด, ส่งดอกไม้, บริการจัดส่งอาหาร, บริการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค, บริการส่งน้ำดื่ม, บริการล้างรถ, บริการรถลิมูซีน เหล่านี้เป็นบริการที่เรายังคงนำเสนออย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกบ้านทุกคนมีเวลา และความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น และในปีนี้ เรายังคงนำเสนอบริการใหม่ๆ เหล่านี้เพิ่มมากขึ้น โดยเราได้เพิ่มบุคลากรและทีมงานเพื่อจะได้ตอบสนองเรื่องการรองรับการบริการใหม่ที่ลูกค้านำเสนอ เพราะเราทราบว่าความต้องการเหล่านั้น มีมากมายและหลากหลายในแต่ละสถานที่ แต่เราก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้น เพื่อนำมาปรับปรุงให้เป็นบริการที่เหนือชั้นต่อไป ทั้งนี้เพื่อสอดรับกับแนวคิดใหม่ “Thinking Plus, Living Plus” ที่พร้อมจะมอบชีวิตที่ดีกว่าแก่ลูกค้าทุกรายของเรา”
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ทุนจดทะเบียนบริษัท 450 ล้านบาท ให้บริการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการ, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยและการเป็นตัวแทนนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนา (Project Development) ทั้งสิ้น 14 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวม 83 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ สุรีย์พร สื่อสกุล และ กรรณิกา สายพันธุ์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 02-951-9119, 01-902-5948, 06-329-3823, 01-890-3568
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ