ไต้หวันมั่นใจศักยภาพไทยเล็งขยายลงทุนอุตฯอิเล็กทรอนิกส์

ข่าวทั่วไป Monday August 7, 2006 11:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--บีโอไอ
ไต้หวันเล็งไทยเป็นฐานผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อันดับสองรองจากจีน เพื่อกระจายความเสี่ยงหลังการลงทุนถึงจุดอิ่มตัวในแดนมังกร ด้านเลขาธิการบีโอไอ มั่นใจศักยภาพไทยพร้อมรับ
นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กล่าวถึงการร่วมหารือกับคณะนักธุรกิจจากสมาคมผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งไต้หวัน(Taiwan Electrical and Electronic Manufacturers Association: TEEMA) และสมาคมพัฒนาการค้าต่างประเทศของไต้หวัน (Taiwan External Trade Development Council: TAITRA) ว่า ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของไต้หวัน ได้เข้าพบเพื่อรับทราบถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไทย รวมถึงบรรยากาศการลงทุนโดยรวมในประเทศไทย และเรื่องการพัฒนาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย
“ประเทศไทยมีความพร้อมรองรับการลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ เพราะมีจุดเด่นด้านแรงงานที่มีคุณภาพ ต้นทุนด้านสาธารณูปโภคที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง และที่ตั้งซึ่งเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงตลาดหลักในภูมิภาค รวมทั้งการลงนามเขตการค้าเสรีของไทยกับหลายๆประเทศจะช่วยให้เข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องความพร้อมทางด้านแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บีโอไอได้ประสานงานกับสถาบันการศึกษา และ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Electronics and Computer Technology Center :NECTEC) เรื่องการฝึกอบรมบุคลากรในด้าน อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยีโดยเฉพาะ” เลขาธิการบีโอไอกล่าว
ด้าน Mr.Yu — Cheng Chiao รองประธาน TEEMA และประธานบริษัท Winbond Electronics corp.กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหมาะสมในการรองรับการลงทุนจากต่างประเทศในอันดับต้นๆของอาเซียนและเป็นประเทศที่เป็นทางเลือกที่สำคัญของนักธุรกิจไต้หวันที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศจีน
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 มีมูลค่าการลงทุนกว่า 25,000ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา37% โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 (มกราคม —มิถุนายน) มีจำนวนโครงการลงทุนจากไต้หวัน 35 โครงการมากเป็นอันดับ 3 รองลงมาจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ขณะที่มูลค่าการลงทุนมีมูลค่า 7,822ล้านบาทอยู่ในอันดับที่ 5 รองลงมาจาก ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ