รักลูกกรุ๊ป เปิดตัว “องค์กรระบบชีวิต” เป็นแนวทางในการบริหารองค์กรยุคใหม่ ปี2553

ข่าวทั่วไป Monday December 14, 2009 14:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--รักลูกกรุ๊ปรักลูกกรุ๊ป” เราเชื่อว่าการบริหารงานในองค์กร เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจโดยตรง ที่ผ่านมาเราสนใจพัฒนาเรื่องคนในการพัฒนาควบคู่ไปกับองค์กร เพราะรักลูกเองไม่ได้ตั้งเป้าว่าเป็นธุรกิจที่มุ่งกำไรสูงสุด เพราะฉะนั้นเราจะเอาใจใส่เรื่องความรู้ เรื่องการพัฒนาคน การสร้างInnovation ใหม่ๆในการสื่อสารกับสังคม ส่วนสำคัญที่สุดคือเรื่องของ การพัฒนาคน ซึ่งรักลูกกรุ๊ปนั้น เกิดจากการก่อตั้งบริษัทฯ ด้วยจำนวนไม่กี่คน ที่มีความสนใจเหมือนกัน และมาร่วมกัน โดยเป็นบริษัทที่ไม่แสวงหากำไรสูงสุด และเราก็ยึดแนวนี้มาโดยตลอด คุณสุภาวดี หาญเมธี ประธานกรรมการบริษัท รักลูกกรุ๊ป เล่าถึงที่มาการก่อตั้งของบริษัท ย่างสู่ปีที่ 27 แล้ว แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับระบบการบริหารจัดการองค์กรแบบใหม่ที่เรียกว่า “องค์กรระบบชีวิต” Organization In Living Systems ซึ่งเป็นทฤษฎีของ Ph.D. in International Politics and Economics, Has taught at Tufts and Mass. Institute of Technology (M.I.T) ส่วนประกอบของทฤษฎีนี้มี 3 หลักใหญ่ๆ คือ BODY คน - สภาวะทางกายภาพขององค์กร SOUL ความสัมพันธ์ภายในองค์กร SPIRIT จิตวิญญาณ ขององค์กร ประเด็นสำคัญของการบริหารองค์กรระบบชีวิต มี 3 ประเด็นหลักๆคือ 1. ไม่ได้มองแค่ตัวเลขเป็นเรื่องสำคัญ แต่เรามองการเติบโตทางกายภาพ เช่น ผลการดำเนินอาคารสิ่งปลูกสร้างต้องเติบโตคู่ขนานไปกับความสัมพันธ์ของคนในองค์กรละเจตจำนงขององค์กร 2. องค์กรระบบชีวิต จะมององค์กรเหมือนชีวิตมนุษย์ มีระยะเวลาในช่วง เช่น ช่วงเริ่มต้น (Pioneer Phase ) คนยังน้อย ยังคงต้องหาหนทาง ต้องดิ้นรน แต่ความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้น เน้นประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา 4-5 ปีแล้ว บริษัทจะตึงตัวมากขึ้น บริษัทจึงได้ปรับการบริหารองค์กรให้เป็นแบบ Business Unit เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับการทำงาน ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาต่อไปขั้นสุดท้าย คือ Integration คือการผสมผสานรูปแบบการบริหารแต่ละรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน 3. เน้นไปที่เรื่องการสื่อสาร ภายในองค์กร ทำความเข้าใจสื่อสารและเห็นบทบาทของแต่ละคน 4.องค์กรมีการเรียนรู้ข้อดี-ข้อเสีย เรื่องการทำงานที่เราควรให้น้ำหนักกับการคิด และทำงานเยอะๆแต่เรายังไม่ให้น้ำหนักของการ Review รักลูกกรุ๊ปจึงเอาเรื่องการจัดการความรู้มาใช้ในงาน เพื่อแก้ไข จุดแข็ง จุดอ่อน จะดีกว่านี้ถ้า ตามเป้าหรือไม่ตามเป้า 5. บริษัทรักลูกกรุ๊ป จะเติบโตไปพร้อมๆกัน จริงๆเราคือครอบครัวใหญ่ เอาชะตาชีวิตมาผูกไว้ด้วยกัน “กินข้าวหม้อเดียวกัน” ถ้าทำได้องค์กรเราก็จะมีชีวิต สุดท้ายเกิดผลที่ดี ส่งผลให้เป็นองค์กรที่มีความสุข สุภาวดี กล่าว ในปี 2553 บริษัทรักลูกกรุ๊ป จะพัฒนากลุ่มธุรกิจ Kidscovery ผ่านการสื่อสารหลักคือ นิตยสาร Kids and School และ นิตยสาร HighlightsHighfive และการอบรมครูในระบบโรงเรียน และรายการโทรทัศน์ ธุรกิจกลุ่มผู้หญิงวัย 40 ขึ้นไป ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนมากขึ้น ผ่านกิจกรรมสัมมนา และสำนักพิมพ์ More of life รวมทั้งขยายธุรกิจสื่อออนไลน์ www.momypedia.com โดยสรุป ทิศทางของรักลูกกรุ๊ป จะหยิบยุทธศาสตร์จัดการความรู้ Knowledge Management ให้กับทุกฝ่ายทุกทีม ภายใต้ Concept Learning Professionals ในปี 2553 เราจะมี Campaign เรื่อง How We Learn ในองค์กรของพนักงานประมาณ 370 คน ให้ทุกคนเข้าใจว่ามนุษย์เรียนรู้อย่างไร เขาจะได้แม่นและพูดได้ ซึ่งจะเป็น Forum ทางวิชาการสื่อสารภายในและภายนอก เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ตลอดทั้งปี และในการทำงานเชิง Organization Living Systems จำเป็นต้องมีทีมที่ทำอย่างนี้ เป้าน่าจะมีสัก 70-80 ที่จะเป็น Translator ในองค์กร ทำให้กระบวนการประชุมทุกวงมีความประณีตมากขึ้นในการจัดความรู้ และสร้างความสัมพันธ์ ของทีมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกิดความตระหนักเข้าใจ ทุกหน่วยต้องมีคู่มือในการถอดความรู้ เพื่อทุกคนสามารถเอาไว้เป็นบทเรียนและสามารถเอาไปใช้ในการพัฒนางานในปีต่อๆไปได้ สิ่งสำคัญคือ การสร้างวัฒนธรรมโดยให้กำลังใจและพยายามพูดในเรื่องบวกให้มากที่สุด ให้โอกาสการเรียนรู้ กับทุกคนในองค์กร ลองผิดลองถูก เมื่อไม่ใช่ก็ถอยกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ “พยายามให้ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก ความสำเร็จเดิมไม่ใช่คำตอบของความสำเร็จภายภาคหน้า” สุภาวดี....กล่าวทิ้งท้าย E-mail: p_boonsanit123@hotmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ