กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--โฟร์ ฮันเดรท Venture Capital กองทุนร่วมลงทุนทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้โดยเป็นตัวช่วยที่จะเข้ามาสนับสนุนเงินทุน (Equity) ให้แก่กิจการใดๆ ที่เจ้าของกิจการยังขาดเงินทุนโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย กองทุนร่วมลงทุนเข้าถือหุ้นในกิจการตามสัดส่วนที่เหมาะสมและมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของกิจการนั้นๆ มีข้อดีที่แตกต่างไปจากการใช้เงินกู้ยืม(Loans) ที่จะต้องมีการเสียอัตราดอกเบี้ยให้แก่สถาบันการเงิน, ธนาคาร และจะ องใช้หลักทรัพย์ หรือหลักประกันในการกู้ยืมเงิน นายมนตรี อรุณ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกองทุน สำนักบริหารกองทุน (สสว.) เปิดเผยในงานเสวนาภายในงานประกวดแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ Bangkok Business Challenge(R) 2006 ถึงความเป็นมาของกองทุนร่วมลงทุนว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประธานกรรมการ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเสริมสร้างรากฐานความเข้มแข็งให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีมติเห็นชอบให้มีการนำเสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ในกรอบและ หลักการเรื่องการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทย เพื่อสนับสนุนเงินทุนกับ SMEs ควบคู่กับการสร้างความชำนาญ ในการบริหารจัดการ การยกระดับและพัฒนามาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนโอกาสและช่องทางการเข้าถึงตลาดเป้าหมาย ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาศักยภาพความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ทางด้านเอกชนเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจ ในฐานะที่เป็นทั้งผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ให้แข่งขันได้กับประเทศต่างๆ ในโลก และเป็นผู้ที่สร้างให้เกิดรายได้ให้กับท้องถิ่นและประเทศในโลกยุคปัจจุบัน SMEs จำเป็นต้องมีศักยภาพพร้อมรับกับการปรับตัวภายใต้บริบทของโลกาภิวัฒน์และแนวคิดของ Local Link , Global Reach ซึ่งต้องการปัจจัย 3 ประการ คือ การมีทุนดำเนินงานที่เพียงพอ การมีวิธีการบริหารจัดการที่ดี และการมีตลาดรองรับกับสินค้าและบริการที่ผลิตได้ แต่ลักษณะของ SMEs ของไทยส่วนใหญ่ยังมีปัญหาและข้อจำกัดในความเพียงพอ และประสิทธิภาพของปัจจัย หลักทั้ง 3 ด้าน ทั้งขาดการจัดการและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ความจำกัดด้านการตลาดและที่สำคัญคือการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ ในปัจจุบัน ธุรกิจ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ยากกว่ากิจการขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งความมั่นคง ความน่าเชื่อถือของกิจการ มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอ และมีความพร้อมของเอกสารทางการเงิน งบดุล งบกำไรขาดทุนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะความต้องการในการลงทุนระยะยาว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการดำเนินงาน การลงทุนในลักษณะ ของการ ร่วมลงทุน (Venture Capital) เป็นรูปแบบของการลงทุนที่จะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กิจการนั้นๆ โดยการให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำในด้านการดำเนินธุรกิจ การจัดการการเงิน และการวางมาตรฐานของระบบบัญชี เพื่อให้กิจการนั้นสามารถพัฒนาให้มีความเป็นมาตรฐาน โปร่งใส เพียงพอที่จะเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ได้ในระยะกลางและระยะยาว การจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทยในครั้งนี้ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเสริมและขยายแนวทางการร่วมลงทุนสำหรับใช้เป็นเครื่องมือ ในการพัฒนาความสามารถ ในการแข่งขันของ ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่มีศักยภาพ ที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของประเทศ โดยเงินสนับสนุนแบบเงินร่วมทุน (Venture Capital)นั้น จะปราศจากดอกเบี้ยโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือหลักประกันใดๆ ในการระดมเงินทุน ในส่วนของผู้ร่วมลงทุนทุกๆฝ่ายมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการรับผิดชอบร่วมงานกัน และมีระบบที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำด้านธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของ SMEs ซึ่งจะมีความแตกต่างไปจาก เงินกู้ยืม(Loans) ที่จะต้องมีการเสียอัตราดอกเบี้ยให้กับสถาบันการเงิน,ธนาคาร และจะต้องใช้หลักทรัพย์หรือหลักประกันในการกู้ยืมเงิน ,ผู้ให้กู้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ของบริษัท ส่วนใหญ่จะไม่มีการแนะนำและเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้การช่วยเหลืองานของธุรกิจ นายมนตรี กล่าวเสริมอีกว่าในปัจจุบันมีธุรกิจได้รับเงินสนับสนุนแบบเงินร่วมทุนไปแล้ว 84 ธุรกิจ เป็นเงินจำนวน1,200 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้จากรัฐบาลจำนวน 5,000 ล้านบาท โดยมีเกณฑ์ที่จะคัดเลือกธุรกิจที่จะได้รับเงินทุนไปคือต้องเป็นธุรกิจที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่คือยังไม่เคยมีในตลาดมาก่อน และต้องมีความโปร่งใส เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจคัดเลือก ซึ่งขณะนี้ตัวเลขของธุรกิจ SMEs นอกระบบมีอยู่1:3 ของGDP คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านๆ บาท ส่วนของหมวดประเภทธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมมีทั้งหมด6หมวดด้วยกัน หมวดอาหารและสมุนไพร, หมวดไอที, ฟชั่นดีไซน์, นส่วนยานยนต์, ท่องเที่ยว, มวดอุตสาหกรรมต่างๆ และหมวดอื่นๆตามนโยบายของรัฐ โดยเชื่อว่า Venture Capital กองทุนร่วมลงทุน จะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ (SMEs)และยังจะช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือเจ้าของกิจการยังขาดเงินทุน โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และไม่ต้องมีหลักประกันใดๆ เพียงมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมา ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ หน่วยประชาสัมพันธ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ โทร. 0 2218 3852-4 สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net