กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส ตามที่บริษัท จิน่าฟอร์ม บรา จำกัด (“บริษัทฯ”) ได้ประกาศและดำเนินการปิดโรงงานของบริษัทฯ ในประเทศไทย ที่ส่งผลให้คนงานได้เรียกร้องประเด็นต่าง ๆ ผ่านหน่วยงานของรัฐและสื่อมวลชนนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงรายละเอียดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงดังนี้ สาเหตุในการปิดโรงงาน ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสบกับแรงกดดันทางการเงินเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องมาจากหลายปัจจัย รวมถึง ต้นทุนในการประกอบการที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ เสียโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ จากการที่บริษัทฯ ประสบกับการขาดทุนสะสมมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องตัดสินใจปิดโรงงานในประเทศไทย เพื่อย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการประกอบการต่ำกว่า บริษัท ฯ ขอเรียนว่า บริษัท ฯ มิได้มีแผนปิดโรงงานเพื่อล้มล้างหรือทำลายสหภาพแรงงานตามที่มีข่าวลือแต่ประการใด โดยบริษัท ฯ ขอยืนยันว่าข่าวลือต่างๆ นั้นเป็นความเท็จ ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอเรียนว่า บริษัท ฯ มีความเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องตัดสินใจปิดโรงงาน เนื่องจาก บริษัท ฯ ได้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการประกอบกิจการมากว่า 20 ปี บริษัท ฯ มีความผูกพันกับคนงานและประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง แต่สภาวะการณ์ที่จำเป็นได้บีบคั้นให้บริษัท ฯ จำต้องตัดสินใจดังกล่าวไป แต่อย่างไรก็ตาม ในการปิดโรงงานนี้ บริษัท ฯ มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเต็มที่ การขนย้ายเครื่องจักร ก่อนที่บริษัท ฯ จะประกาศปิดโรงงานอย่างเป็นทางการนั้น บริษัทฯ ได้ทำการขนย้ายเครื่องจักรบางส่วนออกจากโรงงานเนื่องจากเครื่องจักรดังกล่าวมิใช่เครื่องจักรของบริษัท ฯ เมื่อบริษัท ฯ จำต้องปิดโรงงาน บริษัท ฯ ก็ต้องคืนเครื่องจักรดังกล่าวให้แก่เจ้าของที่แท้จริง บริษัท ฯ ขอเรียนชี้แจงว่าสาเหตุที่ในขณะนั้น บริษัท ฯ ยังมิได้ประกาศแจ้งแก่พนักงานของบริษัท ฯ ก็เนื่องจากบริษัท ฯ อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการและขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษากฎหมายและที่ปรึกษาทางด้านทรัพยากรบุคคลในการที่จะคำนวณค่าชดเชยและปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเต็มที่ข้อขัดแย้งกับพนักงาน ในขณะที่บริษัท ฯ กำลังขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษากฎหมายและกำลังเคลื่อนย้ายเครื่องจักรจากโรงงาน ปรากฎว่า พนักงานเกิดข้อข้องใจถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรดังกล่าว พนักงานจึงได้ร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานว่าบริษัทฯ ได้ย้ายเครื่องจักรออกจากโรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้เชิญบริษัทฯ เข้าชี้แจงถึงเหตุผล บริษัท ฯ ก็ปฏิบัติตามคำเชิญทุกประการโดยได้เข้าชี้แจงถึงที่มาที่ไปของการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรและแผนการปิดโรงงานของบริษัท ฯ อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการให้ความร่วมมือต่อกระทรวงแรงงาน บริษัท ฯ ได้ระงับการขนย้ายเครื่องจักรโดยทันที ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทเจ้าของเครื่องจักร ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องจักรดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินของบริษัทฯ หลังจากที่มีการปิดกิจการแล้ว บริษัทฯ จึงจำเป็นจะต้องส่งเครื่องจักรเหล่านั้นคืนยังเจ้าของซึ่งอยู่ในต่างประเทศ ต่อไป การประกาศปิดโรงงาน ในช่วงดังกล่าว บริษัท ฯ เห็นว่า พนักงานทุกคนคงมีข้อสงสัยและความไม่เข้าใจเกิดขึ้น บริษัท ฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลและแผนงานของบริษัท ฯ คงสามารถทำความเข้าใจกับพนักงานได้ดีกว่า ดังนั้น ในวันที่ 4 กันยายน 2549 บริษัท ฯ จึงได้ประกาศให้พนักงานทราบว่าจะมีการปิดโรงงานตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป หรือก่อนหน้านั้นหากออเดอร์สุดท้ายสามารถทำเสร็จและส่งออกได้ก่อนวันดังกล่าว บริษัท ฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ในวันที่บริษัท ฯ ได้ประกาศแจ้งแก่พนักงานนั้น บริษัท ฯ ยังไม่พร้อมในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่า จะเป็นเรื่องอัตราค่าจ้างตามกฎหมาย การคำนวณค่าชดเชย ภาษีหัก ณ ที่จ่าย การร้องขอความช่วยเหลือจากบริษัทแม่เพื่อให้ส่งเงินเข้ามาในประเทศไทยเพื่อจ่ายค่าชดเชย เป็นต้น แต่บริษัท ฯ ต้องการจะแสดงความจริงใจต่อพนักงานถึงขั้นตอนต่าง ๆ บริษัท ฯ จึงได้ประกาศเรื่องการปิดโรงงานไป โดยบริษัท ฯ ได้ย้ำในการประกาศทุกครั้งว่า บริษัท ฯ จะแจ้งให้พนักงานทราบถึงขึ้นตอนและการตัดสินใจต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ ไป การสื่อสารกับพนักงาน ในการสื่อสารกับพนักงาน บริษัทฯ ได้ทำการชี้แจงให้สหภาพแรงงาน และพนักงานทุกคนทราบเป็นระยะ ๆ ทั้งการประชุมพนักงานตามแผนกต่าง ๆ ประกาศเสียงตามสาย ติดประกาศบนบอร์ดทุกชั้น และการให้ข้อมูลในลักษณะคำถามคำตอบ พร้อมรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากพนักงานผ่านกล่องรับความคิดเห็นที่มีติดตั้งอยู่ทุกชั้นของโรงงาน โดยข้อมูลที่สื่อสารมีอาทิ จำนวนเงินที่บริษัทแม่ได้โอนเข้าบัญชีธนาคารแห่งอเมริกาเพื่อจ่ายค่าชดเชยแรงงานที่ได้โอนเข้ามา และบริษัทฯ ได้ประกาศให้พนักงานทุกคนทราบพร้อมแสดงหลักฐานโดยยืนยันชัดเจนว่าพนักงานทุกคนจะได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายทุกประการ โดยจะจ่ายในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 หรือวันถัดจากออร์เดอร์สุดท้ายแล้วเสร็จ ซึ่งการคำนวณจะนับจนถึงวันสุดท้ายคือ 31 ตุลาคม 2549 การสื่อสารกับพนักงานประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ 1. การประชุมกับหัวหน้างานระดับผู้จัดการ 6 ครั้ง 2. การประกาศผ่านเสียงตามสายที่เข้าถึงพนักงานทุกชั้นทุกฝ่าย 3 ครั้ง ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับติดบอร์ด 5 ครั้ง ทั้งบอร์ดในห้องอาหารและบริเวณพักผ่อน และบอร์ดประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ทุกชั้นของสายการผลิตในโรงงาน ซึ่งสำหรับประเด็นสำคัญ ๆ อาทิ การเลือกลาออกโดยสมัครใจและหลักการคำนวณค่าชดเชยนั้น จะมีการติดคำถามคำตอบ เพื่อไขข้อกระจ่างแก่พนักงานด้วย 3. การประกาศในระหว่างการประชุมคนงานในในทุกชั้นการผลิต 3 ครั้ง อันประกอบด้วย การประกาศว่าบริษัทแม่ได้โอนเงินเข้ามายังบัญชีธนาคารแห่งอเมริกาเพื่อใช้เป็นทุนในการจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงานจีน่าฟอร์ม บรา การประกาศข้อเสนอให้เงินพิเศษเท่ากับค่าจ้าง 30 วันสำหรับผู้ที่ลาออกโดยสมัครใจ การประกาศการโอนเงินเดือนงวดสุดท้ายและเงินชดเชยการเลิกจ้างงาน อันรวมถึงเงินชดเชยสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ไม่ได้ใช้ พร้อมประกาศเกี่ยวกับวันสุดท้ายของการทำงาน การนำเงินเข้ามาในประเทศไทย บริษัท ฯ ขอแจ้งอย่างชัดเจนว่า บริษัท ฯ มีปัญหาทางด้านการเงิน ทั้งนี้จากผลประกอบการที่ขาดทุนตลอดมา ทำให้บริษัท ฯ ไม่มีเงินสดหรือทรัพย์สินเพียงพอที่จะจ่ายเงินค่าชดเชยแก่พนักงานได้ เนื่องจากบริษัท ฯ ต้องการที่จะปฏิบัติตามกฏหมายและช่วยเหลือพนักงานเท่าที่จะทำได้ บริษัท ฯ ได้ขอเงินจากบริษัทแม่เพื่อนำมาจ่ายค่าชดเชยแก่บริษัท ฯ ซึ่งตามแผนงานแล้วบริษัทแม่จะส่งเงินเข้ามาในประเทศไทยก่อนกำหนดการจ่ายค่าชดเชย หรือ ก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2547 แต่อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานได้เรียกร้องและผลักดันให้บริษัท ฯ จัดหาหลักฐานการมีอยู่ของเงินดังกล่าวมาแสดงให้เร็วที่สุด ซึ่งบริษัท ฯ ก็พยายามที่จะประนีประนอมโดยได้ขอให้บริษัทแม่นำเงินเข้ามาประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2547 ซึ่งเร็วกว่าที่บริษัท ฯ ได้วางแผนไว้ เงินพิเศษจำนวนเท่ากับ 30 วันทำงาน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม บริษัทฯ ได้มอบเงินพิเศษจำนวนค่าจ้างในอัตรา 30 วันทำงานให้กับพนักงานที่ลาออก ซึ่งบัดนี้มีพนักงานราว 400 คนได้แสดงเจตจำนงลาออกจากบริษัท ฯแล้วและบริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายเงินพิเศษให้แก่พนักงานกลุ่มนี้แล้วครั้งแรกในวันที่ 9 ตุลาคม 2547 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคนงานจำนวนหนึ่งต้องการสิทธิพิเศษนี้แต่แจ้งความจำนงไม่ทัน บริษัทฯ จึงได้ขยายเวลาในการรับแจ้งความจำนงค์ และได้ทยอยจ่ายเงินพิเศษนี้เป็นงวด ๆ ไป วันสุดท้ายของการทำงาน ดังที่บริษัทฯ ได้แจ้งกับพนักงานมาโดยตลอดว่า บริษัทฯ จะปิดโรงงานในวันที่ 31 ตุลาคม โดยจะจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายทุกประการในวันดังกล่าว หรือ ก่อนหน้านั้นหากออร์เดอร์สุดท้ายแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน ซึ่งพนักงานก็ได้ร่วมมือร่วมใจในการทำงาน จนสามารถแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน บริษัทฯ จึงปฏิบัติตามสัญญาโดยจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย รวมทั้งค่าจ้างแรงงานของเดือนสุดท้ายจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2549 ในวันสุดท้ายของการทำงาน คือวันที่ 20 ตุลาคม 2549 โดยได้โอนเงินเข้าบัญชีเงินเดือนของพนักงานแต่ละคน ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ การประกาศวันสุดท้ายของการทำงาน ในวันที่ 20 ตุลาคม 2549 บริษัทฯ ได้ประชุมกับพนักงาน โดยแจ้งพนักงานในแต่ละชั้น ตามที่ปฏิบัติมาเป็นระยะ ๆ หลังจากการประกาศว่าบริษัทฯ จะต้องปิดโรงงานในเดือนกันยายนเป็นต้นมา เพื่อให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามแก่พนักงานทุกคน โดยบริษัทฯ ได้แจ้งถึงการโอนเงินเข้าบัญชีเงินเดือนและแจ้งว่าวันดังกล่าวเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน พร้อมแนะนำให้พนักงานแวะรับเอกสารอันประกอบด้วยเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่าย เอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเงินชดเชย เป็นต้น โดยทยอยลงไปรับเอกสารตามชั้นของสายการผลิต เพื่อความเรียบร้อยและไม่แออัดในการรับเอกสาร และอนุญาตให้กลับได้ก่อนเวลา เนื่องจากไม่มีงานคั่งค้างแล้ว โดยระหว่างทาง ได้มีการติดโปสเตอร์ชี้แจงข้อความหลักที่ต้องการสื่อสารกับพนักงาน เพื่อให้พนักงานที่มีข้อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดของเงินชดเชย สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ได้มีพนักงานจำนวนหนึ่งที่ปฏิเสธที่จะออกจากที่ทำงาน โดยบริษัทฯ ก็ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งบริษัทฯ ก็มิได้กระทำการอันใด เนื่องจากเคารพสิทธิและการตัดสินใจของพนักงาน โดยบริษัทฯ ได้ทราบในเวลาต่อมาว่า สหภาพแรงงานได้กล่าวอ้างว่าบริษัทฯ หน่วงเหนี่ยวกักขังไม่ให้พนักงานออกจากโรงงาน ซึ่งไม่เป็นอย่างจริงแต่ประการใด เนื่องจาก สหภาพแรงงานและพนักงานส่วนหนึ่งปฏิเสธที่จะออกจากโรงงาน บริษัทฯ เป็นห่วงสวัสดิภาพของพนักงานทุกคน จึงได้ขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ให้มาดูแลความเรียบร้อยรอบบริเวณโรงงาน บริษัท ฯขอยืนยันว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ใช้ความรุนแรงหรือมีการบีบบังคับให้คนงานลงลายมือชื่อในหนังสือลาออกแต่ประการใด นอกจากนั้น ในวันดังกล่าวบริษัท ฯ ได้เชิญเจ้าพนักงานตรวจแรงงานจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเข้ามาเป็นประจักษ์พยาน ดังนั้น เจ้าพนักงานตรวจแรงงานที่อยู่ในบริเวณโรงงานประมาณ 10 คนในวันดังกล่าวย่อมสามารถเป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ได้การทำงานของพนักงานในส่วนสำนักงาน เนื่องจากบริษัทฯ ยังเปิดโอกาสให้คนงานที่ต้องการใช้ข้อเสนอพิเศษเป็นเงินเท่ากับค่าจ้างแรงงาน 30 วัน สามารถเข้ามาแจ้งรับโอกาสนี้ได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2549 นอกจากนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีข้อซักถามเกี่ยวกับรายละเอียดและเงินชดเชยที่ได้รับ บริษัทฯ จึงยังขอความร่วมมือจากพนักงานในส่วนสำนักงานให้ยังคงมาทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง จากข้อสงสัยจากสหภาพที่ว่าบริษัทฯ ไม่ปิดโรงงานจริงเนื่องจากยังมีพนักงานส่วนหนึ่งมาทำงานนั้น บริษัทฯ จึงขอชี้แจงเน้นย้ำอีกครั้งว่า หลังจากกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็จะปิดส่วนของสำนักงานดังเช่นในส่วนของโรงงานการผลิต อนึ่ง จากที่สหภาพแรงงานได้นำคนงานส่วนหนึ่งมาประท้วงที่โรงงาน บริษัทฯ จึงได้ย้ายสำนักงานไปยังบริเวณใกล้เคียง เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของพนักงานทุกคนที่ต้องมาทำงานในระยะนี้การประชุมร่วมเพื่อหาทางออกเพื่อพนักงาน แม้บริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าชดเชยที่กำหนดตามกฎหมายทุกประการให้กับพนักงานทุกคนไปแล้วในวันที่ 20 ตุลาคม 2549 แต่บริษัทฯ ก็ยังมีความจริงใจในการที่จะรับฟังข้อเรียกร้องจากพนักงาน โดยในวันที่ 7 ตุลาคม 2549 บริษัทฯ ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมกับสหภาพแรงงานเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับข้อเรียกร้องที่นอกเหนือจากค่าชดเชยตามกฎหมาย สหภาพแรงงานได้เสนอข้อเรียกร้องดังนี้ 1. เงินโบนัสตามสัดส่วน 2. ทองคำประจำปี ซึ่งพิจารณาจากการมาทำงานโดยไม่ลา ไม่ขาด และไม่สาย 3. ทองคำตามอายุงาน โดยให้กับพนักงานที่มีระยะเวลาการทำงานกับบริษัทฯ เป็นเวลานาน 4. เงินเพิ่มพิเศษสำหรับลูกจ้างคนละ 6 เดือน 5. สินจ้างสำหรับวันลาคลอดจนครบจำนวน 45 วันสำหรับลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ 6. เงินค่าชดเชยสำหรับลูกจ้างบางคนที่ได้รับไม่ครบตามที่พนักงานคิดว่าควรได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขอให้ตัวแทนสหภาพแจ้งกับพนักงานอีกครั้งตามที่บริษัทฯ ยืนยันมาตลอดว่าบริษัทฯ พร้อมที่จะตรวจเช็ครายละเอียดและหลักฐาน หากมีข้อผิดพลาดในการคำนวณจริง บริษัทฯ พร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขให้ทันทีและจะแล้วเสร็จภายใน 3 วันทำการ ส่วนสิทธิประโยชน์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่กำหนดตามกฎหมายนั้น แม้ว่าสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะอยู่ในข้อตกลงสภาพการจ้าง แต่เงื่อนไขที่พนักงานจะได้รับสิทธิประโยชน์เหล่านั้นยังไม่ครบถ้วนตามที่ระบุไว้กล่าวคือลูกจ้างมิได้ทำงานจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ดังนั้น บริษัท ฯ จึงไม่มีหน้าที่ตามกฏหมายที่จะต้องจ่าย แต่เพื่อผลประโยชน์ของพนักงานทุกคนของบริษัทฯ และเพื่อให้การปิดโรงงานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ส่งผลกระทบแก่ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป บริษัทแม่ยินยอมที่จะให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังนี้ 1. ทองคำประจำปี ตามสัดส่วนการทำงานตามความเป็นจริง 2. สินจ้างสำหรับวันลาคลอดจนครบจำนวน 45 วันสำหรับลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ 3. เงินช่วยเหลือพิเศษเท่ากับค่าจ้าง 30 วัน ข้อเสนอดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สหภาพแรงงานต้องลงลายลักษณ์อักษรในข้อตกลงที่จะยุติการดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นการขัดขวางบริษัทฯ หรือทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัทฯ และ/หรือลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งสหภาพแรงงานจะต้องตอบข้อเสนอภายในการประชุมที่จะเกิดขึ้นระหว่างสหภาพแรงงานและกระทรวงแรงงานในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทฯ ได้ยืนยันข้อเสนอดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน และสหภาพแรงงานได้ทราบข้อเสนอจากบริษัทฯ แล้ว แต่สหภาพแรงงานก็ปฏิเสธที่จะลงนามรับทราบในบันทึกการประชุม และไม่ยอมสลายกลุ่มแรงงานที่มารวมตัวประท้วงที่ภายในกระทรวงแรงงาน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานต้องเขียนบันทึกขึ้นมาใหม่ โดยไม่รวมข้อเสนอจากบริษัทฯ เพียงสรุปข้อความที่มีใจความสำคัญสั้น ๆ ว่าทั้งสองฝ่าย “--ไม่สามารถตกลงกันได้” และจะนัด “--ปรึกษาหารือครั้งต่อไปวันที่ 16 พฤศจิกายน--” เท่านั้น ความตั้งใจของบริษัท ฯ บริษัท ฯ ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า บริษัท ฯ มีความเสียใจที่ปัจจัยต่าง ๆ ที่รุมเร้าบริษัท ฯ ได้บีบบังคับให้บริษัท ฯ จำต้องตัดสินใจปิดโรงงานเลิกประกอบกิจการในประเทศไทยไป และบริษัท ฯ ขอยืนยันว่า บริษัท ฯ จะปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการในการปิดโรงงานในครั้งนี้ และบริษัท ฯ มีความประสงค์ที่จะให้การปิดโรงงานนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : โสภาวดี จันทร์ถาวร 089-967-8967
[email protected]