"Brothers" กำหนดฉาย 7 มกราคม 2553

ข่าวบันเทิง Tuesday December 22, 2009 17:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท สงคราม / ดราม่า สัญชาติ อเมริกา อำนวยการสร้าง ไรอัน คาวานาห์ (Nine, The Forbidden Kingdom) กำกับ/ จิม เชอริแดน (In America, My Left Foot) เขียนบท เดวิด เบนิออฟ (X-Men Origins: Wolverine, The Kite Runner) นำแสดง โทบี้ แมกไกวร์ (Spider-Man Trilogy, Seabiscuit) เจค จิลเลนฮาล (Brokeback Mountain, Jarhead) นาตาลี พอร์ตแมน (Star Wars: Episode I-III, V for Vendetta) แซม เชฟพาร์ด (Black Hawk Down, The Notebook) กำหนดฉาย 7 มกราคม 2553 จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ เปิดประตูสู่เวทีออสการ์ ด้วยฝีมือของสามนักแสดงนำ นาตาลี พอร์ตแมน / เจค จิลเลนฮาล / โทบี้ แม็คไกวร์ จากผลงานของ จิม เชอร์ริแดน ผู้กำกับ In America เนื้อเรื่อง เมื่อนาวิกโยธินสหรัฐหายตัวไปในสมรภูมิรบ แกะดำของครอบครัวต้องเข้ามาดูแลภรรยาและลูกของพี่ชาย และผลกระทบที่ตามมาทำให้คำว่า “สถาบันครอบครัว” ต้องสั่นคลอน Brothers เล่าถึงเรื่องราวที่ทรงพลังของสองพี่น้อง กัปตัน แซม เคฮิลล์ (โทบี้ แม็คไกวร์) และน้องชาย ทอมมี่ เคฮิลล์ (เจค จิลเลนฮาล) ที่ใช้ชีวิตคนละขั้ว โดย แซม เป็นหัวหน้าครอบครัวที่แต่งงานกับ เกรซ (นาตาลี พอร์ตแมน) แฟนสาวตั้งแต่มัธยม และมีลูกสาวด้วยกันสองคน (เบลี่ย์ เมดิสัน และ เทเลอร์ เกรียร์) ในขณะที่ ทอมมี่ เป็นน้องชายบุคลิกดี แต่ก็เป็นคนที่มีชีวิตเหลวแหลกและเพิ่งออกจากคุก ทอมมี่ เอาตัวรอดด้วยเสน่ห์และเล่ห์เหลี่ยมมาโดยตลอด ซึ่งตั้งแต่คืนแรกของการถูกปล่อยตัวจากคุก ทอมมี่ ก็ทำให้ทุกคนในครอบครัวเคฮิลล์ต้องผิดหวังอีกครั้ง ในการเลี้ยงส่ง แซม เนื่องในโอกาสการไปรับใช้ชาติ รวมถึงพ่อแม่ของพวกเขาอย่าง เอลซี่ย์ (แมร์ วินนิ่งแฮม) และ แฮงส์ เคฮิลล์ (แซม เชฟพาร์ด) ที่เป็นอดีตนาวิกโยธิน แต่แล้วในสมรภูมรบที่อัฟกานิสถาน แซม ก็ถูกระบุว่าเสียชีวิตในหน้าที่ เมื่อเครื่องบินแบล็คฮอร์คที่เขาโดยสารถูกยิงตกท่ามกลางหุบเขา ในขณะเดียวที่สหรัฐ ครอบครัวเคฮิลล์ต้องรับมือกับความสูญเสีย และ ทอมมี่ ก็พยายามแก้ไขความผิดพลาดในชีวิต ด้วยการเติมช่องว่างของพี่ชายที่ทิ้งไว้ให้กับ เกรซ และลูกสาวทั้งสองของเขา แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า แซม ยังมีชีวิตอยู่ โดยเขาและเพื่อนถูกจับเป็นเชลยโดยกลุ่มตาลีบัน แซม ถูกทรมานจนคุณธรรมในใจถูกพรากไปจากจิตวิญญาณ ในขณะเดียวกันตัวตนของ แซม ก็เริ่มจางลงไปจากครอบครัวเคฮิลล์ เมื่อความเข้มแข็งของ ทอมมี่ กลายเป็นเสาหลักให้กับทุกคน และ เกรซ ก็เริ่มที่จะสนิทกับ ทอมมี่ มากขึ้น ความเย็นชาระหว่างทั้งสองเริ่มจะละลาย ถึงแม้ทั้งคู่ยังกลัวและไม่กล้าที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้ใครเห็น แซม เอาชีวิตรอดและเดินทางกลับมายังสหรัฐ ความกังวลของคนในครอบครัวเริ่มก่อตัวขึ้น แซม กลายเป็นคนไร้ความรู้สึกและมีอารมณ์ไม่เสถียร เขาเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายและภรรยา โดย แซม และ ทอมมี่ ต้องเผชิญหน้ากันทั้งร่างกายและจิตใจ ในแรงขับเคลื่อนของสถาบันครอบครัว พี่น้องทั้งสองต้องปะทะกันในเรื่องของความรัก ความภักดี และความเป็นลูกผู้ชาย และผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ชายทั้งสอง Brothers คือภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวสุดเข้มข้น ผลงานการกำกับของ จิม เชอร์ริแดน ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของเขาอย่าง In American, My Left Foot, In The Name Of Father เข้าชิงรวมถึงถึง 16 รางวัลออสการ์ โดยเรื่องนี้สร้างจากบทภาพยนตร์ของ เดวิด เบนิออฟ (The Kite Runner, Stay, Troy) นำแสดงโดย โทบี้ แม็คไกวร์, นาตาลี พอร์ทแมน, เจค จิลเลนฮาล, แซม เชฟพาร์ด, เบลี่ย์ เมดิสัน, และ แมร์ วินนิ่งแฮม โดยเป็นผลงานที่รีเมคมาจากหนังสัญชาติเดนมาร์คเรื่อง Brodre ของผู้กำกับ ซูซาน เบียร์ เบื้องหลังการถ่ายทำ Brothers เป็นผลงานที่ตอกย้ำความสามารถของ จิม เชอร์ริแดน ผู้สร้างหนังที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิง และสร้างอารมณ์ของตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์ โดย Brothers เป็นการเล่าผ่านฉากหลังของสงครามในอัฟกานิสถาน และเป็นการกลับไปอยู่ในบรรยากาศที่ เชอร์ริแดน สร้างได้อย่างเชี่ยวชาญในผลงานที่ผ่านๆมา นั้นก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว การพลัดพรากจากกันในสงคราม ความสำคัญของการให้อภัย และการหาจิตวิญญาณที่สูญหาย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สามนักแสดงชั้นนำของฮอลลิวู้ดเข้ามารับบทนำ ได้แก่ โทบี้ แม็คไกวร์ ที่รับบทเป็นสไปเดอร์แมนทั้งสามภาค, เจค จิลเลนฮาล จาก Zodiac และ Brokeback Mountain ที่ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ และ นาตาลี พอร์ตแมน จาก The Other Boleyn Girl และ Closer ที่ทำให้เธอคว้ารางวัลลูกโลกทองคำและเข้าชิงออสการ์ Brothers สร้างจากภาพยนตร์สัญชาติเดนมาร์คเรื่อง Brodre ปี 2004 เขียนบทและกำกับโดย ซูซาน เบียร์ ซึ่งเป็นการสำรวจถึงผลกระทบจากสงครามที่แผ่ขยายมายังบ้านเกิด และเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นสมรภูมิรบในใจ โดยเฉพาะชีวิตส่วนตัวของทหารและครอบครัว โดย ซิกวัตสัน ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างทั้งต้นฉบับและรีเมคได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตครอบครัว มันไม่เกี่ยวกับการฆ่าฟันศัตรู แต่เป็นผลกระทบต่อพวกเดียวกันคนที่มีชีวิต" ในขณะที่ ซิกวัตสัน กำลังเจรจากับ เบียร์ เพื่อรีเมคให้เป็นหนังฮอลลิวู้ด Brodre ก็ได้รับความสนใจจาก ไมเคิล เดอ ลูก้า ที่รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องราวของสองพี่น้อง ซึ่งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเดียวกัน แต่มีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน โดยในเรื่องนี้คนหนึ่งกำลังสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ในขณะที่อีกคนกำลังทำลายตัวเองลงอย่างช้าๆ เดอ ลูก้า เล่าถึงจุดสำคัญของเรื่องว่า "ผมคิดว่าภาพยนตร์ต้นฉบับมีการสำรวจถึงสองประเด็น ก็คือสิ่งที่สร้างคน และสิ่งที่ทำลายคน สำหรับน้องชายที่เป็นอดีตอาชญากร การเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวช่วยกอบกู้ชีวิตที่เหลวแหลกของเขา ในขณะที่พี่ชายเป็นคนใช้ชีวิตตรงตามแบบแผน แต่สิ่งที่ทำลายเขาคือสงคราม การถูกจับเป็นเชลย และความรุนแรงที่ทำให้เขาสูญเสียมโนธรรมในชีวิตไป พี่น้องในเรื่องนี้แทบจะสลับที่กัน มันเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดึงดูดผมให้เข้ามาสำรวจการใช้ชีวิตของชาวอเมริกัน" เมื่อ เดอ ลูก้า ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์เพื่อการรีเมค เขาพบว่า ซิกวัตสัน คือคนที่ซื้อไปก่อนแล้ว แต่เพราะทั้งคู่มีมุมมองในวัตถุดิบที่เหมือนกัน พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะร่วมทีมเพื่อสร้าง Brodre เวอร์ชั่นอเมริกัน ซิกวัตสัน และ เดอ ลูก้า ติดต่อนักเขียนบท เดวิด เบนิออฟ (The Kite Runner, Stay, Troy) เพื่อดัดแปลงบทภาพยนตร์ โดย เบนิออฟ ได้คงเอาเส้นเรื่องเดิมเอาไว้ แต่มีการปรับเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมอเมริกัน "นี้คือเรื่องของสองพี่น้อง คนหนึ่งเดินทางเป็นเส้นตรง เขาประสบความสำเร็จในชีวิต และไม่เคยทำให้เคยผิดหวัง ในขณะที่น้องชายเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรถูกในสายตาคนอื่นเลย" เมื่อมีบทภาพยนตร์ของ เบนิออฟ ผู้อำนวยการสร้างก็ได้ออกตามหาผู้กำกับและทีมนักแสดงที่เหมาะสม ซึ่ง จิม เชอร์ริแดน ก็กำลังหาโปรเจ็คใหม่อยู่พอดี โดยนี้ถือเป็นโอกาสทอง เพราะผลงานการกำกับของ เชอร์ริแดน เช่น My Left Foot, In The Name of Father, The Boxer และ In America ล้วนแต่เป็นภาพยนตร์ที่มีจุดเด่นเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ซึ่งถือเป็นแกนหลักของ Brothers ผู้อำนวยการสร้าง ซิกวัตสัน พูดถึงผู้กำกับว่า "จิม ให้ความสำคัญในเรื่องของอารมณ์ เขามีมุมมองที่ชัดเจนต่อเนื้อเรื่องและเหตุการณ์ เขายึดมั่นว่าอารมณ์เป็นสิ่งที่ผลักดันตัวละคร นี้คือความพิเศษของผู้กำกับคนนี้" ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง My Left Foot เชอร์ริแดน ได้สร้างสรรค์ตัวละครในครอบครัวชนชั้นแรงงาน เขารู้สึกว่าสังคมชาวอเมริกันในเมืองเล็กที่สนิทแนบแน่น ถือเป็นฉากหลังกับให้ Brothers “ครอบครัวเคฮิลล์เป็นกลุ่มคนที่ผมรู้จักดี พวกเขาได้รับผลกระทบจากสงคราม และหนังเรื่องนี้ก็เล่าว่าพวกเขาจะประคับประคองตัวเองได้ไหม" ประสบการณ์หลอนของ แซม ในการถูกจับเป็นเชลยได้เพิ่มมิติให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะการตีแผ่สภาพของความเป็นมนุษย์ เชอร์ริแดน เล่าว่า "ประสบการณ์ของ แซม ในอัฟกานิสถานเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจได้ มันกระทบกับเรื่องราวทั้งหมด และเศร้ายิ่งกว่าโศกนาฏกรรม ซึ่งผมก็รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงดูดด้วยระดับอารมณ์ ที่ยังสามารถสูงกว่าจุดพีคสูงสุด" ไรอัน คาวานาห์ ได้เข้ามาร่วมงานกับทีมผู้สร้าง Brothers ในฐานะหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งเขาก็ถูกดึงดูดด้วยภาวะวิกฤตของ แซม และผลกระทบที่ส่งไปถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว "ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสงคราม แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ถูกทำลายโดยสงคราม และถูกบังคับให้วัดระดับความเป็นคน ที่เราทุกคนไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปทดสอบ" คาวานาห์ เล่าต่อว่า "มันแสดงให้เห็นว่าสงครามทำอะไรกับคนคนหนึ่ง และผลกระทบที่มันสร้างต่อผู้คนรอบข้าง เมื่อ แซม เดินทางกลับมา เขาก็กลายเป็นคนที่อยู่ในด้านมืด เป็นคนลึกลับที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวและวิตกจริต ในขณะเดียวกัน ทอมมี่ ก็ได้เข้ามาในตำแหน่งของ แซม และกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว" การทำงานร่วมกับนักแสดง การทำงานร่วมกับ เชอร์ริแดน ในภาพยนตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร ทำให้นักแสดงชั้นนำทั่วฮอลลิวู้ดต่างให้ความสนใจ เจค จิลเลนฮาล เป็นคนแรกที่ได้เข้ามาร่วมงาน ในการรับบทเป็นแกะดำของครอบครัว ทอมมี่ เขาพูดถึงการทำงานร่วมกับผู้กำกับว่า "ผมอยากร่วมงานกับ จิม มานานแล้ว และผมต้องการแสดงเป็นตัวละครที่แตกต่างจากที่ผมเคยเล่นมาก่อน" เจค จิลเลนฮาล เล่าถึงตัวละครที่เขาได้รับบทว่า "ทอมมี่ เติบโตขึ้นมาภายใต้ร่วมเงาของ แซม และเขารู้สึกว่าตัวเองไม่เคยได้รับความรักจากพ่อและแม่เลย เขากลายเป็นคนปิดกั้นตัวเองและโมโหง่าย แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้ากับครอบครัวของพี่ชาย หัวใจของ ทอมมี่ ก็ถูกปลุกขึ้นมา และเขาก็พยายามทำตัวเป็นคนดีเป็นครั้งแรกในชีวิต" โทบี้ แม็คไกวร์ ก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับตัวละครอย่าง แซม เคฮิลล์ ตั้งแต่อ่านบทภาพยนตร์ครั้งแรก โดยเขาเห็นเส้นทางการเป็นทหารของ แซม เป็นเหมือนตัวเลือกของคนที่เปี่ยมไปด้วยความกดดัน ซึ่งต้องมีความรับผิดชอบและความโหยหาความมั่นคง เขาพูดว่า "อาจเป็นเพราะภาระหน้าที่ในครอบครัว แซม จึงรู้สึกปลอดภัยในกองทัพ" แม็คไกวร์ เล่าถึงตัวละครที่เขาได้รับบทว่า "แซม สูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของเขาก็กลับมาจากสงครามเวียดนามพร้อมกับบาดแผลทางจิตใจ แซม จึงเป็นคนที่ต้องดูแลน้องชายเพียงคนเดียว และทำให้เขารู้สึกเป็นผู้ปกครองอีกคนของ ทอมมี่" แม็คไกวร์ ทำการศึกษาตัวละครด้วยการไปเยี่ยมค่ายทหารในแคลิฟอร์เนียและนิวเม็กซิโก เขาอธิบายเกี่ยวกับการฝึกทหารว่า "มันไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันกับคนที่อยู่ข้างคุณ แต่มันเกี่ยวกับการมองคนข้างคุณแล้วบอกเขาว่า "เอาสิ พวกเราทำได้ พวกเราต้องทำให้สำเร็จ" ซึ่งมันก็สมเหตุสมผล ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนเป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมรู้สึกประทับใจมาก มันเหมือนกับตาข่ายขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มคนเหล่านี้เข้าด้วยกัน" แซม มีชีวิตที่เพียบพร้อมทั้งการเป็นนาวิกโยธิน และมีชีวิตการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเขาถูกจับเป็นเชลยสงครามพร้อมกับเพื่อนทหารในอัฟกานิสถาน เขาก็สูญเสียการควบคุมชะตาชีวิตของตัวเอง การทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด ทำให้ แซม สูญเสียมโนธรรมและสภาพจิต แม็คไกวร์ พูดถึงเส้นทางของ แซม ว่า "สุดท้ายแล้ว ทั้งชีวิตของเขาถูกทำลาย สิ่งที่เขาพยายามสร้าง ไอเดียของเขาและแบบแผนในชีวิต และสิ่งที่ถูกสร้างมาถึงปัจจุบัน ทุกอย่างต้องสั่นคลอน" เชอร์ริแดน เองก็เห็นด้วยกับ แม็คไกวร์ "มันเป็นเรื่องของผู้ชายที่ถูกทำลายชีวิต แซม ถูกผลักดันไปจนถึงจุดอดกลั้น มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้ แซม สูญเสียความรักตัวเอง ความเข้าใจตัวเอง คำถามก็คือเขาสามารถจะกลับมาอยู่ในจิตวิญญาณที่หลงทางไปได้หรือเปล่า ซึ่งก็คือภรรยาและลูกๆ หรือว่าเขาจะทำลายดวงวิญญาณจนไม่มีทางหวนกลับมาได้" นาตาลี พอร์ตแมน รับบทเป็นภรรยาของ แซม ที่ชื่อ เกรซ เคฮิลล์ โดยทั้งสองต่างก็เป็นคู่รักตั้งแต่มัธยม เธอเหมือนคนรักตัวอย่างของนายทหาร เป็นคนที่คอยให้กำลังใจเขา ไม่เคยปริปากบ่น และมีอารมณ์ขันที่ดี พอร์ตแมน เล่าถึงตัวละครที่ได้รับบทว่า "ฉันสนใจในการได้รับบทเป็นแม่และภรรยา เกรซ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานตั้งแต่เด็ก และพยายามมองหาชีวิตที่สมดุล" พอร์ตแมน ได้ไปเยี่ยมฐานทัพทหาร เพื่อให้เข้าใจถึงชีวิตของการเป็นภรรยานายทหาร "มันมีความท้าทายในการอยู่ห่างจากสามีเป็นระยะเวลานาน และพบหน้ากับสามีเพียงแค่สามเดือนต่อครั้ง เธอต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวและคอยดูแลลูก ที่สงสัยตลอดเวลาว่าทำไมพ่อถึงต้องไป เธอต้องดูแลสามีเมื่อพวกเขาเดินทางกลับมา และต้องรับมือกับสภาพจิตใจที่เขากระทบกระเทือนจากการไปประจำสถานีรบ" แซม เชฟพาร์ด รับบทเป็น แฮงส์ เคฮิลล์ พ่อของครอบครัวเคฮิลล์ โดย แฮงส์ เป็นหัวหน้าบ้านที่ไม่ค่อยพูด และพบกับความยากลำบากในการเปลี่ยนชีวิตจากทหารเป็นพลเรือน โดย เชฟพาร์ด เล่าถึงชีวิตของทหารว่าในมุมมองของเขาว่า "กองทัพเปรียบได้กับพี่น้องร่วมสาบาน พวกเขามีความกล้า และยึดถือหลักแห่งจริยะธรรมร่วมกัน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังมีอีกด้านของการรับใช้ชาติ ที่ความเป็นมนุษย์ถูกดูดออกไปจากร่างกาย เพื่อที่คุณจะได้เป็นเครื่องจักรสังหารที่สมบูรณ์แบบ" แมร์ วินนิ่งแฮม รับบทเป็น เอลซี่ย์ เคฮิลล์ ภรรยาคนที่สองของ แฮงส์ โดย เอลซี่ เป็นผู้สร้างความสงบให้กับครอบครัว และเป็นคนเดียวที่ แฮงส์ ฟัง เธอเล่าว่า "เอลซี่ย์ เข้ามาในชีวิตของ แฮงส์ ตอนที่ลูกทั้งสองยังเด็ก เธอมีความกังวลเมื่อ ทอมมี่ กลายเป็นเด็กที่ไม่ดี และ แซม เริ่มที่จะกลายเป็นสิ่งที่พ่อของเขาปลุกปั้น ฉันคิดว่าเธอมีความสงสารในตัวของ ทอมมี่ และเธอก็เชื่อมั่นว่ามีความดีอยู่ในตัวเขา" Brothers ถ่ายทำในรัฐนิวเม็กซิโก ที่ได้มอบฉากหลังของชายเมืองและสมรภูมิในอัฟกานิสถาน โดยบ้านเขตชานเมืองนั้นถ่ายทำกันในหลายส่วนเช่นซาน ตาเฟ่, ลาส เวกัส และลอส อาลามอส ส่วน แบ็บติส คอนเฟอเร้นส์ เซนเตอร์ ก็ได้เป็นตัวแทนของฐานทัพมาลุส และเขตเทือกเขาในอบิคูลู และเซีย พูเอโบล ก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นเทือกเขาอันทุรกันดารของอัฟกานิสถาน โดยนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ จิม เชอร์ริแดน ใช้บริการของผู้กำกับภาพ เฟร็ด เอมส์ ที่เคยทำงานร่วมกับผู้กำกับชื่อดัง เดวิด ลินช์ (Erasurehead, Blue Velvet), อังลี (The Ice Strom, Ride With The Devil), จิม จาร์มุส (Broken Flowers, Night on Earth) และ บิล คอนดอน (Kinsey) โดยแนวทางการถ่ายทำ ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเดินทางของสองพี่น้องในความไม่แน่นอนของชีวิต "ภาพยนตร์ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยตัวละคร พวกเรามีการถ่ายทำที่ดูเนือยนิ่งตอนอยู่ในฐานทัพทหาร และเปลี่ยนเป็นความโกลาหลในอัฟกานิสถาน ก่อนที่จะกลับมายังบ้านชานเมืองด้วยการให้แสงที่แตกต่าง และมีบรรยากาศที่อึดอัดขึ้น มีการใช้ความมืดและกดดันมากขึ้น" Brothers ถูกถ่ายทำตามลำดับการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาตัวละครที่นักแสดงต้องปรับเปลี่ยนตาม เชอร์ริแดน ที่เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักแสดง, ผู้เขียนบท และผู้กำกับละครเวที ได้ทำงานร่วมกับนักแสดงอย่างใกล้ชิด พอร์ทแมน พูดถึงตัวผู้กำกับว่า "จิม เป็นคนที่มีอารมณ์ร่วม เขาเหมือนกับตัวแทนของตัวละครทุกตัว ฉันคิดว่ามันเป็นผลดี ไม่เพียงแต่การแสดงของพวกเรา แต่ยังดีต่อทิศทางการเล่าเรื่องอีกด้วย" เชอร์ริแดน พบว่า สามดารานำได้นำเอาเทคนิคที่แตกต่างเข้ามาในบทของแต่ละคน ซึ่งก็ทำให้พวกเขามีลักษณะโดดเด่นไม่แพ้กัน "เจค เป็นนักแสดงที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว นาตาลี เป็นนักแสดงที่รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร ส่วน โทบี้ ก็เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดี แต่ก็สามารถปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาได้ ซึ่งผมว่ามันก็เหมาะกับตัวละครของเขาในเรื่องที่สุด" เชฟพาร์ด ที่ได้สัมผัสกับพลังขับเคลื่อนในละครเวทีอย่างเรื่อง True West มาแล้ว ได้ชื่นชมวิสัยทัศน์และการทำงานของ เชอร์ริแดน ว่า "เส้นเรื่องของ Brothers เหมือนกับโศกนาฏกรรมกรีกสำหรับผม แต่ความน่าสนใจก็อยู่ที่ จิม เข้าไปหาเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกส่วนตัว เขาพยายามมองหาความสำคัญในเนื้อหา ซึ่งก็มีตัวแปรสำคัญอย่างเช่นมนุษย์" จิลเลนฮาล สรุปถึงเรื่องตัวแปรสำคัญอย่างเช่นตัวละครในภาพยนตร์เอาไว้ว่า "Brothers เป็นเรื่องของครอบครัว บางครั้งบุคคลเพียงคนเดียวที่คุณสามารถหันไปพึ่ง ก็คือคนที่คุณเติบโตขึ้นมาพร้อมกัน คนที่แชร์ความสุขและความทุกข์มาด้วยกัน ถึงแม้ แซม และ ทอมมี่ จะเป็นพี่น้องที่มีความแตกต่างกัน แต่โดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาก็เหมือนกัน สุดท้ายแล้ว คนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิต แซม ก็คือ ทอมมี่ นั้นเอง" ทีมนักแสดง โทบี้ แม็คไกวร์ (รับบทเป็น แซม เคฮิลล์) เขามีผลงานที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านเสียงวิจารณ์และรายรับ และเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับในความสามารถทางการแสดงที่โดดเด่นในหนังบล็อคบัสเตอร์ รวมถึงหนังอินดี้ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ แม็คไกวร์ เพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง The Details ที่เขาแสดงคู่กับ ลอร์ร่า ลินนี่ย์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตลกร้ายเกี่ยวกับคู่รักที่ทะเลาะกันเรื่องการกำจัดตัวแร็คคูนในบ้าน จนก่อให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายตามมา ในปี 2007 แม็คไกวร์ ก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ แซม ไรมี่ย์ อีกครั้งใน Spider-Man 3 ซึ่งกลายเป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับสอง รวมถึงภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดประจำปี 2007 ซึ่งนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สาม นับตั้งแต่ Spider-Man และ Spider-Man 2 ซึ่งทั้งสามภาคต่างก็อยู่ในสิบห้าอันดับหนังทำเงืนสูงสุดตลอดกาล ผลงานของ แม็คไกวร์ เต็มไปด้วยคุณภาพ ตั้งแต่การรับบทเป็นจ็อกกี้ที่มีชีวิตจริงใน Seabisciut ของผู้กำกับ แกรี่ รอส ที่ถูกเสนอเข้าชิงถึง 7 รางวัลออสการ์, The Good German ภาพยนตร์นัวร์ของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก ที่เขาแสดงคู่กับ จอร์จ คลูนี่ย์ และ เคท แบลนเชต, Deconstruction Harry ของผู้กำกับ วู้ดดี้ อัลเลน และ Fear and Loathing in Las Vegas ของผู้กำกับ เทอร์รี่ กิลเลี่ยม ซึ่งสร้างมาจากหนังสือของ ฮันเตอร์ เอส ทอมป์สัน เขาเคยทำงานร่วมกับผู้กำกับ แกรี่ รอส มาก่อนแล้วใน Pleasantville ร่วมกับ รีส วิทเธอร์สปูน และเคยรับบทนำอันน่าจดจำในหนัง coming-of-age ของผู้กำกับ ลาสส์ ฮัลสตอร์ม The Cider House Rules ที่ถูกเสนอชื่อเช้าชิงออสการ์ถึง 7 รางวัล และคว้ามาได้สอง เขายังเคยร่วมงานกับ อังลี ในหนังคาวบอยเรื่องเยี่ยม Ride With the Devil และ Wonder Boys หนังดราม่าเรื่องเยี่ยมของ เคอร์ติส แฮนสัน ซึ่งเขาแสดงร่วมกับ ไมเคิล ดักลาส เจค จิลเลนฮาล (รับบทเป็น ทอมมี่ เคฮิลล์) เจค จิลเลนฮาล สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียง ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่มีอนาคตที่สุดในรุ่น โดยเขาได้รับรางวัลจากแบฟต้า, ชมรมนักวิจารณ์ของสหรัฐ และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากการรับบทเป็น เจค ทวิส ในภาพยนตร์มหากาพย์ความรักต้องห้ามของผู้กำกับ อังลี เรื่อง Brokeback Mountain จิลเลนฮาล เพิ่งเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Love and Other Drugs ของผู้กำกับ เอ็ดเวิร์ด ซวิค ที่เขาแสดงร่วมกับ แอนน์ แฮทธาเวย์ และเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยประจำซัมเมอร์ 2010 เรื่อง Prince of Persia: The Sands of Time ที่เขารับบทเป็นเจ้าชายเปอร์เซียรูปงาม จิลเลนฮาล เพิ่งมีผลงานใน Rendition ที่เขาแสดงร่วมกับ เมอรีล สตรีป, รีส วิทเธอร์สปูน และ ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด และ Zodiac ของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ ที่เขาแสดงร่วมกับ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ และ มาร์ค รัฟฟาโล ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของเขาก็ยังมี Jarhead ของผู้กำกับ แซม เมนเดส ที่เขาแสดงร่วมกับ เจมี่ ฟ็อกซ์ และ ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด, Proof ของผู้กำกับ จอห์น แม็ดเดน ที่เขาแสดงร่วมกับ แอนโธนี่ ฮ้อปกิ้นส์ และ กวินเน็ธ พัธโทรล์, The Good Girl ที่แสดงคู่กับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, Moonlight Mile ที่เขาแสดงคู่กับ ดัสติน ฮอฟแมน และ ซูซาน ซาแรนดอน และ Lovely and Amazing แสดงคู่กับ แคทธาลีน คีเนอร์ จิลเลนฮาล แจ้งเกิดจาก Donnie Darko ภาพยนตร์สุดคัลท์ของผู้กำกับ ริชาร์ด เคลลี่ และ October Sky ที่เขาแสดงร่วมกับ คริส คูเปอร์ และ ลอร์ร่า เดิร์น โดยเขายังมีผลงานในละครเวทีอย่าง This is Our Youth ร่วมกับ แอนนา พาควิน และ เฮย์เด็น คริสเต็นเซน ซึ่งเปิดเล่นใน West End ที่ลอนดอนกว่า 8 สัปดาห์ และทำให้ จิลเลนฮาล ได้รับรางวัลนักแสดงละครเวทีหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก the Evening Standard Theater นาตาลี พอร์ตแมน (รับบทเป็น เกรซ เคฮิลล์) เธอแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 1994 เรื่อง The Professional ของผู้กำกับ ลุค เบซอง และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จากการแสดงของเธอใน Closer ของผู้กำกับ ไมค์ นิโคลส์ เธอเพิ่งปิดกล้องกับหนังเรื่อง Your Highness ของ เดวิด กอร์ดอน กรีน ที่นำแสดงโดย เจมส์ ฟรานโก และ ซูอี้ เดชาเนลล์ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าชายจอมขี้เกียจ ที่ต้องทำภารกิจเพื่อปกป้องบรรลังก์ของพ่อผู้เป็นกษัตริย์ โดยเดินทางไปพร้อมกับพี่ชายที่เป็นฮีโร่ และคนรัก ซึ่งรับโดย พอร์แมน พอร์ตแมน กำลังจะมีผลงานการแสดงเรื่อง Black Swan ขอผู้กำกับ ดาร์เรน อาโรนอฟสกี้ หนังทริลเลอร์/จิตวิทยา ซึ่งเล่าถึงนักบัลเล่ย์รุ่นพี่ ที่พบว่าตัวเองต้องเจอกับคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งรับบทโดย มิล่า คูนิส และหนังซุปเปอร์ฮีโร่ Thor ที่เธอรับบทเป็น เจน ฟอสเตอร์ คนรักของ ธอร์ พอร์ตแมน ยังมีผลงานการแสดงมากกว่า 25 เรื่อง รวมถึง Heat, Everyone Say I Love You, Anywhere But Here, Cold Mountain, Garden State, My Blue Burry Nights, The Other Boleyn Girl, New York I Love You รวมถึงมหากาพย์ไตรภาค Star Wars Episode: I, II และ III ของผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส แซม เชฟเพิร์ด (รับบทเป็น แฮงส์ เคฮิลล์) ผลงาน >>> Hulk, The Right Stuff, Days of Heaven, Paris / Texas แมร์ วินนิ่งแฮม (รับบทเป็น เคซี่ย์ เคฮิลล์) ผลงาน >>> Georgia, St. Elmo's Fire, Wyatt Earp, Turner and Hooch แคร์รี่ย์ มัลลิแกน (รับบทเป็น แคซซี่ย์ วิลลิส) ผลงาน >>> An Education, Public Enemies, Wall Street 2: Money Never Sleeps คลิฟตัน คอลลิน จูเนียร์ (รับบทเป็น ผู้พันคาวาซอส) ผลงาน >>> Capote, Shunshine Cleaning, Star Trek, Traffic ทีมผู้สร้าง จิม เชอร์ริแดน (ผู้กำกับ) จิม เชอร์ริแดน คือผู้กำกับ/ผู้เขียนบท/ผู้อำนวยการสร้าง ที่คุ้นเคยกับเวทีออสการ์เป็นอย่างดี โดยผลงานการกำกับของเขาอย่าง In America, In the Name of the Father และ My Left Foot ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์รวมกันถึง 16 รางวัล ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ In American ที่ร่วมเขียนบทกับลูกสาวทั้งสองคน โดยเป็นเรื่องของชาวไอริชที่ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมายังอเมริกา ในการแสวงหาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย ซาแมนธา มอร์ตัน, แพดดี้ คอนซิดีน และ ดิจิมอน ฮาวน์ซู โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลจากเวทีการประกวดมากมาย รวมถึงการเข้าชิงออสการ์ 3 สาขา และลูกโลกทองคำ 2 สาขา จิม เชอร์ริแดน คือชาวไอริชโดยกำเนิด โดยเขาได้รับความสนใจจากนักดูหนังทั่วโลก จากภาพยนตร์เปิดตัวเรื่อง My Left Foot ในปี 1989 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากจากเรื่องจริง ของนักเขียน/นักวาดภาพ คริสตี้ บราวน์ ที่เป็นอัมพาตทั้งตัวนอกจากเท้าซ้าย โดยหนังเรื่องนี้ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออการ์ถึง 5 สาขา รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคว้ามาได้ 2 รางวัล จากนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (แดเนี่ยล เดย์ ลูอิส) และดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยม (เบรนด้า ฟริคเกอร์) ในปี 1993 เชอร์ริแดนได้ร่วมมือกับ แดเนี่ยล เดย์ ลูอิส อีกครั้ง ในภาพยนตร์เรื่อง In The Name of Father หนังดราม่าที่พูดถึงการดิ้นรนของ แกร์รี่ คอนลอน ชาวไอริชที่ถูกปรักปรำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ IRA และถูกจองจำในคุกนับทศวรรษ โดยเรื่องนี้ก็ถูกเสนอเข้าชิงออสการ์ถึง 3 สาขา รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย เดวิด เบนิออฟ (ผู้เขียนบท) ผลงาน >>> 25th Hour, The Kite Runner, Troy ไรอัน คาวานาห์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ผลงาน >>> Nine, Forbidden Kingdom, Mamma Mia, Bruno, Hancock เฟร็ด เอมส์ (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> Synecdoche New York, The Namesake, Kinsey, Ride With The Devil, Broken Flowers โทนี แฟนนิ่ง (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> Munich, War of the Worlds, Forrest Gump, Spider-Man, What Women Want เจย์ แคซซิดี้ (ผู้ตัดต่อภาพ) ผลงาน >>> Into The Wild, An Inconvenient Truth, The Indian Runner โทมัส นิวแมน (ผู้ประพันธ์เพลง) ผลงาน >>> Revolutionary Road, Wall-E, Little Children, Road to Perdition, Finding Nemo

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ