“พาร์ค ราชาวดี” พร้อมเปิดตัวต้น พ.ค.นี้ ชูแคมเปญซื้อบ้านแถม ฟรี...เฟอร์นิเจอร์ทุกหลัง ประกาศชะลอโครงการบ้านเดี่ยวหันโฟกัสทาวน์เฮาส์-อาคารชุดรับกำลังซื้อเทรนด์ใหม่

ข่าวทั่วไป Monday April 10, 2006 08:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--เอดีทูวาย คอมมิวนิเคชั่น
“เอส.แอล. เอสเตท” เตรียมเปิดตัวโครงการ “พาร์ค ราชาวดี” บนทำเลย่านพระราม 2 ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ชูทำเล -คุณภาพเยี่ยม พร้อมแคมเปญซื้อบ้านแถมฟรีเฟอร์นิเจอร์มูลค่า 2.5 -3 แสนบาททุกหลัง หวังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้ง่ายขึ้น มั่นใจหลังกระแสการเมืองสงบกลุ่มผู้ประกอบการทั้งรายใหม่-เก่าจ่อเปิดตัวโครงการอีกเพียบ ประกาศวิชั่นชัดช่วง 2-3 ปีนี้จะชะลอโครงการบ้านหลังใหญ่ หันโฟกัสทาวน์เฮาส์-อาคารชุดรับแทรนด์ตลาดเปลี่ยนทิศ
นายสุรินทร์ องค์วาสิฏฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.แอล. เอสเตท จำกัด ผู้บริหารโครงการราชาวดี, รอยัล ราชาวดี และพาร์ค ราชาวดี เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดการขายสำหรับโครงการ “พาร์ค ราชาวดี” ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นเล่นระดับ บนทำเลถนนพระราม 2 เป็นซึ่งเป็นโครงการล่าสุดของบริษัทในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่ได้ชะลอการเปิดตัวมาจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้โครงการดังกล่าวมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดรับกับความต้องการของตลาด ประกอบกับบรรยากาศทางด้านการเมืองทีไม่เอื้ออำนวยนัก
ทั้งนี้ ได้กำหนดราคาขายไว้ตั้งแต่ 3.1-3.3 ล้านบาท โดยในช่วงเปิดการขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ บริษัทได้ทำแคมเปญซื้อบ้านแถมฟรีเฟอร์นิเจอร์มูลค่า 250,000-300,000 บาท ทุกหลัง และสำหรับลูกค้าที่ซื้อบ้านที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอนบริษัทมอบสิทธิ์ให้ลูกค้าจ่ายแค่เงินจอง ส่วนที่เหลือสามารถโอนเข้าธนาคารได้เลย ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อก็จะได้สิทธิ์กู้ธนาคารสูงถึงเกือบ 100% ของราคาบ้าน สำหรับเป็นการกระตุ้นให้เกิดการขายและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางธนาคารในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าโครงการนี้อีกด้วย
นายสุรินทร์กล่าวว่า โครงการ “พาร์ค ราชาวดี” นี้ตั้งอยู่เขตจอมทอง ถนนพระราม 2 เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ระดับหรู ในทำเลพระราม 2 มีพื้นที่รวมกว่า 15 ไร่ รวม 159 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 เฟส ประกอบด้วย เฟสแรกคือ จัสมิน ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วกว่า 90% คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดหลังเทศกาลสงกานต์นี้ เฟสสอง คือ โรส ขณะนี้ก่อสร้างไปแล้วกว่า 70% ส่วนเฟสสุดท้ายคือ ลิลลี่ ขณะนี้เริ่มก่อสร้างไปแล้วประมาณ 20% ทั้งนี้คาดว่าทั้งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงประมาณเดือนกันยายนนี้ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็จะจัดงานแกรนด์โอเพ่นนิ่งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุรินทร์ยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในภาพรวมขณะนี้มีผลกระทบในเชิงจิตวิทยาของกลุ่มผู้บริโภคบ้างในแง่ของการตัดสินใจซื้อบ้าน และมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินไม่น้อย โดยจะเห็นว่าระยะหลังนี้สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มชะลอและมีการตรวจสอบเรื่องการปล่อยสินเชื่อที่ละเอียดขึ้น ทำให้บรรยากาศของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ดูไม่ค่อยคึกคักนัก
โดยพบว่า กลุ่มผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการหลายรายมีการชะลอการลงทุนอีกไป หรือบางรายที่ได้ลงทุนเปิดตัวโครงการไปแล้วก็มีจำนวนไม่น้อยที่ชะลอกิจกรรมทางการตลาดไปบ้าง แต่เชื่อว่าหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นน่าจะทำให้บรรยากาศการแข่งขันของธุรกิจกลับมาคึกคักอีกครั้ง และคาดว่าจะมีกลุ่มผู้ประกอบการจำนวนมากกลับมาทุ่มทำการตลาดกันอีกครั้งหลังในช่วงปลายเดือนเมษายนและต้นพฤษภาคมนี้
“ปีนี้ทำเลที่การแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดสำหรับบ้านเดี่ยวคือ ทำเลในย่านสุวรรณภูมิ เพราะสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการปีนี้ได้แน่นอน ขณะที่ทำเลในเมืองก็ยังเป็นการแข่งขันของอาคารชุดที่ทยอยเปิดตัวกันเป็นจำนวนมากมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าปีนี้ก็ยังมีการแข่งขันที่สูงอยู่เช่นเดิม” นายสุรินทร์กล่าว
นายสุรินทร์กล่าวต่อไปว่า สำหรับนโยบายของ เอส.แอล. เอสเตท นั้นบริษัทจะมองภาพกว้างเป็นหลัก กล่าวคือ หากในทำเลเดิมยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่บริษัทก็พร้อมที่จะพัฒนาในทำเลเดิมต่อเนื่อง หรือหากในทำเลอื่นมีโอกาสบริษัทก็พร้อมที่จะศึกษาด้านการลงทุน และหากจะเข้าไปแข่งขันในทำเลที่มีการแข่งขันสูงบริษัทจะต้องคำนวณต้นทุนการบริหารจัดการก่อนว่าไปแล้วต้นสูงกว่ารายเดิมที่ทำตลาดอยู่แล้วหรือไม่ หากไม่สามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่าบริษัทก็ไม่มีนโยบายเข้าไปลงทุนเพื่อแข่งขันแต่อย่างใด
นายสุรินทร์ ยังกล่าวถึงแผนการลงทุนสำหรับปี 2549 นี้ด้วยว่า บริษัทก็ยังมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่องอีกประมาณ 2 โครงการ หรืออย่างต่ำจะต้องเกิดให้ได้ 1 โครงการ ส่วนจะเป็นโครงการรูปแบบใด ทำเลไหน มูลค่าโครงการเท่าไหร่นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากบริษัทมีที่ดินในมืออยู่แล้วอยู่หลายทำเล
“เราเชื่อว่าที่ผ่านมาคีย์ ซัคเซสของเราอยู่ที่ทำเลและคุณภาพ พฤติกรรมคนซื้อบ้านมักจะเลือกทำเลและคุณภาพที่คุ้มค่า ดังนั้นจะเห็นว่าทุกโครงการของเราจะเน้นในเรื่องการเดินทางว่าจะใช้เวลาเดินทางจากโครงการถึงถนนสายหลักไม่เกิน 10 นาที อีกอย่างคือ ด้วยความเป็นบริษัทที่บริหารโครงการไม่ใหญ่มากทำให้เราสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่า” นายสุรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายชัดเจนว่าในช่วง 2-3 ปีจากนี้ไปบริษัทจะยังไม่ลงทุนพัฒนาโครงการบ้านหลังใหญ่ แต่จะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ระดับราคาประมาณ 3 ล้านบาท และอาคารชุดแทน เนื่องจากมองว่าที่ผ่านมากลุ่มผู้บริโภคซื้อบ้านเดี่ยวในอัตราที่สูงมาก ทำให้ตลาดบ้านหลังใหญ่เริ่มอิ่มตัว แนวโน้มพฤติกรรมของกลุ่มคนซื้อบ้านในยุคต่อไปจึงเริ่มมองหาทาวน์เฮาส์และอาคารชุดมากขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
ผกากานท์ (ลูกหยี) 0 1489 8419, เสาวณี (ดาว) 0 1830 4299
โทรศัพท์ / โทรสาร 0 2722 8804, 0 2321 9822
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ