กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--ปตท.
วอนผู้บริโภคระมัดระวังใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นหากโอเปกเห็นว่าราคาต่ำกว่าระดับ 50 — 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยวันนี้ (22 ก.ย.49) น้ำมันดิบดูไบ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 56.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินสิงคโปร์ 95 อยู่ที่ระดับ 63.26 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 71.02 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นั้น ทำให้ ปตท.สามารถพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซิน (รวมน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 95) และกลุ่มน้ำมันดีเซล (รวมน้ำมันพีทีทีไบโอดีเซลและดีเซล-ปาล์ม บริสุทธิ์) ลงให้ผู้บริโภคได้อีกลิตร 40 สตางค์ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.49) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑล เป็นดังนี้
ประเภทน้ำมัน หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 25.99
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 24.49
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 25.19
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 24.94
น้ำมันพีทีทีไบโอดีเซล/น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 24.44
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ ปตท. กล่าวต่อไปว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากข่าว Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 4.1 และ 0.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 148.7 และ 207.6 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปนั้นมีเพียงพอต่อความต้องการใช้และมีปริมาณสำรองอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะเดียวกันความต้องการใข้น้ำมันเบนซินเริ่มลดลงเนื่องจากโรงปิโตรเคมีในญี่ปุ่นและเกาหลีปิดซ่อมบำรุง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลงดังกล่าว
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยต่อไปว่า ปตท.ยังคงเป็นผู้นำในการปรับลดราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยสะท้อนตามต้นทุนน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง และยังคงบทบาทในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติอย่างเต็มที่ เห็นได้จากในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ปตท. ได้นำลดราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดลงไปแล้วกว่า 2 — 4 บาท/ลิตร กล่าวคือ ลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินถึง 10 ครั้ง รวม 4.20 บาท/ลิตร และลดราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลถึง 6 ครั้ง รวม 2.60 บาท/ลิตร ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการแบ่งเบาภาระผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ดียังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือกลุ่มประเทศโอเปกได้เฝ้าดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด หากราคาน้ำมันยังลดลงอย่างต่อเนื่องต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม (ระดับ 50 — 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)โอเปกอาจปรับลดเพดานการผลิตลงก่อนการประชุมครั้งหน้าที่เมือง Abuja ประเทศไนจีเรีย ในวันที่ 14 ธ.ค.49 รวมทั้งการเกิดพายุ เฮอริเคนพัดเข้าสู่บริเวณอ่าวเม็กซิโก ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้อีก
โทรศัพท์ 0 2537 2537, 2538
ส่วนประชาสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ปตท.
โทรสาร 0 2537 2572, 2517